Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หลักการพื้นฐาน ลักษณะ และขอบเขตของงานการพยาบาลสุขภาพจิตและจิตเวช…
หลักการพื้นฐาน ลักษณะ และขอบเขตของงานการพยาบาลสุขภาพจิตและจิตเวช บทบาทของพยาบาลด้านสุขภาพจิตและจิตเวช
หลักการพื้นฐานของการพยาบาล
สุขภาพจิตและจิตเวช
ความเห็นอกเห็นใจ
เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของผู้รับบริการ
ความจริงใจ
ตั้งใจช่วยเหลือทั้งคำพูดและการกระทำ
การยอมรับโดยไม่มีเงื่อนไข
ไม่หัวเราะหรือว่าผู้ป่วยโกหก
มั่นใจในตนเอง
ให้การพยาบาลและให้คำปรึกษาทุกความมั่นใจ
การสร้างความไว้วางใจ
สร้างความเป็นกันเองตอบคำถามผู้ป่วย
สม่ําเสมอ
นั่งรอผู้ป่วยตรงเวลาทุกครั้ง พูดคุยทักทายผู้ป่วยทุกวัน
การเข้ากันได้
เป็นมิตรยิ้มแย้มสนทนาเป็นกันเอง
อดทน
ไม่ด่าหรือโต้ตอบเวลาที่ผู้ป่วยตำหนิ
ให้ความเคารพ
กล่าวทักทายเรียกชื่อถูกต้อง
การเคารพความเป็นบุคคล
เชื่อว่ามีคุณค่าศักดิ์ศรีมีศักยภาพจัดการปัญหา
ยอมรับสิทธิเสรีภาพของผู้ป่วยในการคิดตัดสินใจ
ลักษณะและขอบเขตงานทั้ง 4 มิติ
ของการพยาบาลสุขภาพจิตและจิตเวช
Primary prevention
ป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพจิตทำในผู้ที่ยังไม่ป่วย
Secondary prevention
ต้องการบุคคลจากสิ่งที่คุณทำหรืออันตรายในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง
ลดระดับความรุนแรงของการเกิดปัญหาสุขภาพจิตในผู้ที่เปิดการสุขภาพจิต
Tertiary prevention
ลดระดับความพิการซ้ำซ้อนในผู้ป่วยที่หายแล้วให้สามารถปรับตัวตามหลักความเป็นจริงและอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้
เครื่องมือและการใช้เครื่องมือคัดกรองปัญหาสุขภาพจิต
วิตกกังวลไม่มีความสุข หลายคน นอนไม่หลับหลังน้ำท่วมหมู่บ้าน
แบบคัดกรอง GHQ คัดกรองปัญหาสุขภาพจิตทั่วไปของคนในชุมชน
นอนไม่หลับคิดก่อนถึงแยกตัว
ตรวจอะไรไหมแบบคัดกรองความเครียด
ฝันว่าซื้อแยกตัวไม่ยอมรับประทานอาหาร
ขังตัวเองอยู่ในบ้านร้องไห้ตลอดเวลา
แบบคัดกรองซึมเศร้าเช่น HAM-D, 2Q, 9Q
หลังสูญเสีย มีความคิดไม่อยากมีชีวิตอยู่
สั่งลาทำร้ายตนเอง พูดเกี่ยวกับการตาย
แบบประเมินความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย 8Q
หลงผิด ประสาทหลอน
พฤติกรรมแปลก
แบบประเมินอาการทางจิต BPRS
หลงลืมความจำเสื่อม
บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง
แบบทดสอบสมองเสื่อม MMSE
มือสั่นตลอดเวลา พูดคุยไม่รู้เรื่อง
จำผู้อื่นไม่ได้ เห็นภาพหลอน
มักเป็นในเวลากลางคืน
แบบประเมินการติดแอลกอฮอล์ CIVA
บทบาทของพยาบาลสุขภาพจิตและจิตเวช
ระดับพื้นฐาน
เสมือนตัวแทนแม่ผู้ดูแล
ดูแลความต้องการขั้นพื้นฐาน
ตัวแทนสังคม
จัดกิจกรรมทางสังคม
นักเทคนิค
ให้การพยาบาลทุกอย่างที่ถูกต้องเหมาะสมตามเทคนิค
ผู้สอนทางสุขภาพ
ให้ความรู้และการป้องกันปัญหาทางสุขภาพจิต แก่ผู้ป่วยและครอบครัว
ผู้ให้คำปรึกษา
ใช้สัมพันธภาพระหว่างบุคคลช่วยให้ผู้ป่วยปรับตัวและเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิตของตนเอง
การปฏิบัติงานทั้ง 2 ระดับอยู่ในการปฏิบัติงาน 3 ลักษณะ
Independent อิสระ
สัมพันธภาพเพื่อการบําบัด
จัดสิ่งแวดล้อมบำบัด
ทำกลุ่มที่การบำบัด
Interdependent กึ่งอิสระ
ให้ยาในกรณีที่จำเป็นที่มีคำสั่งไว้แล้ว
การให้ยา prn
Dependent ไม่อิสระ
ฉีดยา
IVF
ECT
ระดับสูง
เน้นการดูแลที่ยุ่งยากซับซ้อน
ใช้หลักฐานเชิงประจักษ์หรือนวัตกรรม
เป็นที่ปรึกษาผู้ร่วมงานในการดูแลผู้รับบริการที่ยุ่งยากซับซ้อน
ระบบและการดูแลอย่างต่อเนื่อง
ด้านสุขภาพจิตและจิตเวช
เน้นประสานงานติดต่อสื่อสารระหว่างหน่วยบริการสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับสหวิชาชีพ
ให้คำปรึกษาและส่งต่อจิตแพทย์
ปราสาทนักสังคมสงเคราะห์
จัดระบบการส่งต่อในชุมชน
ติดตามเยี่ยมให้เกิดการดูแลต่อเนื่อง
ผู้ป่วยที่มีความเครียด
ระดับเล็กน้อยสามารถพูดคุยผ่อนคลายได้
ระดับสูงต้องได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญและส่งต่อ
จิตเวชชุมชน
ป้องกันปัญหาทางจิต
ส่งเสริมสุขภาพจิต
บำบัดดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยทางด้านจิต
ฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยจิตเวชในชุมชนโดยให้คนในชุมชนมีส่วนร่วม
ประเมินชุมชนให้ความรู้ในการช่วยกันดูแลผู้ป่วย
พรบ. สุขภาพจิต 2551 และนิติจิตเวช
มาตรา 17
การผูกมัด กักบริเวณ แยกผู้ป่วย
เว้นแต่จำเป็นเพื่อป้องกันอันตรายต่อตนเอง ผู้อื่นและทรัพย์สิน
ทำไม่ได้
มาตรา 18
ECT
ต้องได้รับการยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร
กรณีอายุไม่ถึง 18 ปีหรือขาดความสามารถในการตัดสินใจให้ผู้ปกครอง
มาตรา 19
การทำหมัน
กรณีอายุไม่ถึง 18 ปีหรือขาดความสามารถในการตัดสินใจให้ผู้ปกครองหรือคู่สมรส ผู้สืบสันดาน ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ เป็นผู้ให้ความยินยอมแทน
ต้องให้ความยินยอมเป็นหนังสือ
มาตรา 20
การวิจัย
ต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้ป่วย
ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการทางจริยธรรม
มาตรา 21
การวิจัย
กรณีอายุไม่ถึง 18 ปีหรือขาดความสามารถในการตัดสินใจให้ผู้ปกครองหรือคู่สมรส ผู้สืบสันดาน ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ เป็นผู้ให้ความยินยอมแทน
มาตรา 22
บุคคลที่มีภาวะอันตราย
จำเป็นต้องได้รับการรักษา
มาตรา 23
พบเห็นบุคคลตามมาตรา 22
แจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่หรือตำรวจ
มาตรา 40
ผู้ป่วยอาการทุเลา
แจ้งกลับมารับ
กรณีไม่มีผู้ดูแลต้องแจ้งสังคมสงเคราะห์
มาตรา 42
ผู้ป่วยได้รับคำสั่งให้เข้ารักษาบำบัดแต่ไม่เห็นด้วย
มีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน
ผู้มีสิทธิ์ยื่น : ผู้ป่วย ผู้ปกครอง คู่สมรส ผู้สืบสันดาน ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์
มาตรา 46
พนักงานเจ้าหน้าที่
มีอำนาจเข้าไปในเคหสถาน เข้าไปนำตัวบุคคลที่มีภาวะอันตรายหรือมีความจำเป็นต้องได้รับการรักษา
มาตรา 50
เปิดเผยข้อมูล
จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ
ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
มาตรา 51
ผู้ที่แจ้งความเท็จว่าบุคคลมีความผิดปกติทางจิต
จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ
กลับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ
ทั้งจำทั้งปรับ