Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Pheumonia (การวินิจฉัย (ตรวจเลือด เพื่อหาว่าผู้ป่วยได้รับเชื้อชนิดใดมา…
Pheumonia
การวินิจฉัย
-
-
วัดออกซิเจนในเลือดและชีพจร เพื่อวัดระดับออกซิเจนในกระแสเลือด ซึ่งช่วยให้สามารถบ่งชี้ระดับการทำงานของปอดได้
ตรวจเสมหะ ในผู้ป่วยที่มีอาการไอมาก วิธีนี้จะช่วยให้แพทย์วิเคราะห์ และระบุสาเหตุการติดเชื้อได้ โดยการใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องตรวจเสมหะหรือทำการเพาะเชื้อ
อาการ
มีไข้ ไอ เจ็บหน้าอก และหอบเหนื่อย ซึ่งอาการเหล่านี้อาจมีไม่ครบทุกอย่างก็ได้ ส่วนใหญ่มักมีอาการติดเชื้อของทางเดินหายใจส่วนต้น หรือโรคหวัดนำมาก่อน หลังจากนั้นจึงมีอาการไอ และหายใจหอบตามมา โดยเฉพาะที่เกิดจากเชื้อสเตรปโตค็อกคัส นิวโมเนียอี (Streptococcus Pneumoniae) ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ปวดท้อง เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน รวมอยู่ด้วย
-
เด็กทารกหรือเด็กเล็ก อาจมีอาการปวดท้อง ท้องอืด อาเจียน ซึม ร้องกวน ไม่ดูดนม ร่วมด้วย และบางรายอาจมีอาการชักจากไข้ ในเด็กทารกหรือเด็กเล็กที่เป็นมากจะมีอาการหายใจหอบเร็วมาก รูจมูกบาน ซี่โครงบุ๋ม อาจมีอาการตัวเขียว ริมฝีปาก ลิ้น และเล็บเขียว และภาวะขาดน้ำ
สาเหตุ
ปอดอักเสบชุมชน (Community-Acquired Pneumonia ) หมายถึง ปอดอักเสบเนื่องจากการติดเชื้อจุลินทรีย์นอกโรงพยาบาล มีสาเหตุของการติดเชื้อที่สำคัญ ดังนี้
-
ติดเชื้อจากเชื้อรา โดยส่วนมากจะเกิดในผู้ป่วยที่มีสุขภาพร่างกายย่ำแย่ มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือเป็นโรคเรื้อรังเช่น โรคเบาหวาน โรคไตวาย
ติดเชื้อจากไวรัส เป็นสาเหตุที่พบบ่อยในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ขวบ แต่จะมีอาการไม่รุนแรงมาก และเชื้อไวรัสบางชนิดที่เป็นสาเหตุของไข้หวัดสามารถทำให้เป็นปอดบวมได้
ปอดอักเสบในโรงพยาบาล (Nosocomial Pneumonia หรือ Hospital-Acquired Pneumonia) หมายถึง ปอดอักเสบที่เกิดขึ้นในผู้ป่วย หลังจากรับไว้รักษาตัวในโรงพยาบาลตั้งแต่ 48 ชั่วโมงขึ้นไป ผู้ป่วยประเภทนี้จะมีอาการที่รุนแรง เพราะป่วยเป็นโรคอื่น ๆ อยู่ก่อนแล้ว
-
การรักษา
- การรักษาจำเพาะในรายที่เป็นโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสไม่มียารักษาที่จำเพาะควรให้การรักษาแบบประคับประคองและบำบัดรักษาทางระบบหายใจที่เหมาะสมผู้ป่วยควรได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเร็วที่สุดทันที่ที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรียการพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะควรเลือกใช้ตามเชื่อที่คิดว่าเป็นสาเหตุและมีข้อมูลทางคลินิคและทางระบาดวิทยาของท้องถิ่นนั้นๆ
2.การรักษาทั่วไปให้สารน้ำให้เพียงพอแนะนำให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมากๆในรายที่หอบมากท้องอืดรับประทานอาหารไม่ได้พิจารณาให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำและงดอาหารทางปากให้ออกซิเจนในรายที่มีอาการเขียวหายใจเร็วหอบชายโครงทุ่มกระวนกระวายหรือซึมใช้ยาขยายหลอดลมในรายที่ได้ยินเสียง wheeze หรือ rhonchi และมีการตอบสนองต่อยาขยายหลอดลมพิจารณาให้ยาขับเสมหะหรือยาละลายเสมหะในกรณีที่ให้สารน้ำเต็มที่แต่เสมหะยังเหนียวอยู่ไม่ควรให้ยากดอาการไอโดยเฉพาะในเด็กอายุต่ากว่า 5 ปีทำกายภาพบำบัดทรวงอก (chest physical therapy เพื่อช่วยให้เสมหะถูกขับออกจากปอดและหลอดลมได้ดีขึ้นการรักษาอื่นๆตามอาการ ได้แก่ ให้ยาลดไข้ผู้มีภาวะหายใจล้มเหลวหรือหยุดหายใจพิจารณาใส่ท่อหลอดลมและเครื่องช่วยหายใจ
-
การพยาบาล
กระตุ้นให้ผู้ป่วยเปลี่ยนท่าปอยๆทุก 1-2 ชั่วโมงดูแลให้ได้รับออกซิเจนตามแผนการรักษาดูแลให้ได้รับยาละลายเสมหะตามแผนการรักษาดูแลให้ผู้ปวยได้รับน้ำให้เพียงพอวันละ 2, 000 3, 000 มิลลิลิตรโดยเฉพาะเมื่อผู้ป่วยมีไข้สูงและน้ำจะช่วยละลายเดูแลให้ได้รับยาขยายหลอดลมตามแผนการรักษ์ฝึกบริหารการหายใจทุกวันวันละ 2 ครั้งเช้า-เย็นครั้งละประมาณ1015นาทีดูแลช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายและพักผ่อนได้อย่างเพียงพอทุก2-4ชั่วโมงหรือแล้วแต่สภาพของผู้ป่วยดูแลให้ได้รับให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษาดูแลจัดให้นอนในท่าศีรษะสูง