Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Urinary Tract Infection (UTI) (ยาที่ผู้ป่วยได้รับ (ยาขยายหลอดลม…
Urinary Tract Infection
(UTI)
ข้อมูลผู้ป่วย
ผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 81 ปี
Chief complain
ซึมลงหลังล้างไต 8 ชม. ก่อนมารพ.
วันที่รับไว้ในโรงพยาบาล : 28/8/62
Present illness
2 สัปดาห์ก่อนมารพ. ผู้ป่วยเริ่มซึมลง กินได้น้อย นอนอยู่บนเตียง
8 ชม. ก่อนมารพ. หลังผู้ป่วยไปล้างไต (HD) ที่รพ.บางนา 1 ผู้ป่่วยมีอาการซึมลง เรียกรู้สึกตัว แต่ไม่พูด ไม่ตอบคำถาม มีหอบเหนื่อยมากขึ้น มีเสมหะมากขึ้น ไมมีไข้ มีถ่ายเหลว 3 ครั้ง ปัสสาวะขุ่น
Past illness
DM 20ปีรักษาที่รพ.ตำรวจ
HT 20ปี รักษาที่รพ.ตำรวจ
หัวใจ 4ปี รักษาที่รพ.ตำรวจ
CA colon
ESRD on HD จ พ ศ ที่รพ.บางนา 1
General appearance
(วันที่22/10/62)ผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 81 ปี รูปร่างผอม ผิวสีแทน นอนอยู่บนเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ รู้สึกตัวดี ไม่พูด แต่ตอบรับด้วยการพยักหน้า มีอาการสับสนบ้าง on trachostomy tube with collar mask 8 LPM รับประทานอาหาร BD สูตร 2:1 เบาหวาน ปริมาณแคลอรี่ 1600 cal/มื้อ Low PO4 จำกัดโปรตีน 60 กรัม/วัน ลดเค็ม ไม่มีอาการหายใจหอบเหนื่อย ผู้ป่วยมีอาการคันบริเวณผิวหนัง ผิวหนังแห้ง ลอกเป็นแผล ผมสีดำ มีหงอกเล็กน้อย ใบหน้าสมมาตรดี conjunctiva สีชมพู ไม่ซีด ที่รูจมูกข้างขวามีแผลกดทับจากสาย NG tube ไม่มีรูจมูกบวม ปากแห้งเล็กน้อย มีฟันล่าง 1 ซี่ ไม่มีแผลในช่องปาก on tracheostomy tube มีไหมเย็บทั้ง2ข้างขอ tube ไม่มีบวมแดง ที่บริเวณคอด้านซ้ายมีแผลจากการทำ double lumen catheter Lt. jugular vein ปิดด้วย gauze ขนาด 3x5 cm. เมื่อเปิดแผล (22/10/62) พบแผลเป็นรูปิด 3 รู แผลแห้งดี ไม่มี discharge ซึม ไม่มีบวมแดง มีแขนทั้งสองข้างมีแผลจากการเกาเนื่องจากอาการคัน ที่ขาข้างขวา มีแผลปิดgauze จากการทำ double lumen cathetert rt. femoral vein ไม่มี discharge ซึมจาก gauze ที่บริเวณรอบรูทวาร มีแผล IAD stage 2 และก้นมีแผล IAD stage 2 ขนาดประมาณ 1x2 cm stage 2 ขาทั้งสองข้างยาวเท่ากัน ขาค่อนข้างเล็ก ที่เท้าทั้งสองข้าง on injection plug บริเวณผิวหนังไม่มีบวมแดง ไม่มี Phebitis
(วันที่21/10/62) ผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 81 ปี รูปร่างผอม ผิวสีแทน นอนอยู่บนเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ รู้สึกตัวดี ไม่พูด แต่ตอบรับด้วยการพยักหน้า มีอาการสับสนบ้าง on Spontaneous mode ventilator FiO2 0.3 PS 8 PEEP 5 Ptrig 15 ไม่มีหายใจหอบเหนื่อย รับประทานอาหารทาง NG เป็นอาหาร BD สูตร 2:1 เบาหวาน ปริมาณแคลอรี่ 1600 cal/มื้อ Low PO4 จำกัดโปรตีน 60 กรัม/วัน ลดเค็ม ผู้ป่วยมีอาการคันบริเวณผิวหนัง ผิวหนังแห้ง ลอกเป็นแผล ผมสีดำ มีหงอกเล็กน้อย ใบหน้าสมมาตรดี conjunctiva สีชมพู ไม่ซีด ที่รูจมูกข้างขวามีแผลกดทับจากสาย NG tube ไม่มีรูจมูกบวม ปากแห้งเล็กน้อย มีฟันล่าง 1 ซี่ ไม่มีแผลในช่องปาก ที่บริเวณคอด้านซ้ายมี double lumen catheter Lt. jugular vein ปิดด้วย gauze ขนาด 3x5 cm. มีแขนทั้งสองข้างมีแผลจากการเกาเนื่องจากอาการคัน ที่บริเวณรอบรูทวาร มีแผล IAD stage 2 และก้นมีแผล IAD stage 2 ขนาดประมาณ 1x2 cm ขาทั้งสองข้างยาวเท่ากัน ขาค่อนข้างเล็ก ที่เท้าทั้งสองข้าง on injection plug บริเวณผิวหนังไม่มีบวมแดง ไม่มี Phebitis
(วันที่24/10/62)ผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 81 ปี รูปร่างผอม ผิวสีแทน นอนอยู่บนเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ รู้สึกตัวดี ไม่พูด แต่ตอบรับด้วยการพยักหน้า มีอาการสับสนบ้าง on trachostomy tube with collar mask 8 LPM มีหายใจหอบเนื่อยบ้างขณะทำกิจกรรม รับประทานอาหาร BD สูตร 2:1 เบาหวาน ปริมาณแคลอรี่ 1600 cal/มื้อ Low PO4 จำกัดโปรตีน 60 กรัม/วัน ลดเค็ม ผู้ป่วยมีอาการคันบริเวณผิวหนัง ผิวหนังแห้ง ลอกเป็นแผล ผมสีดำ มีหงอกเล็กน้อย ใบหน้าสมมาตรดี conjunctiva สีชมพู ไม่ซีด ที่รูจมูกข้างขวามีแผลกดทับจากสาย NG tube ไม่มีรูจมูกบวม ปากแห้งเล็กน้อย มีฟันล่าง 1 ซี่ ไม่มีแผลในช่องปาก on tracheostomy tube มีไหมเย็บทั้ง2ข้างขอ tube ไม่มีบวมแดง ที่บริเวณคอด้านซ้ายมีแผลจากการทำ double lumen catheter Lt. jugular vein ปิดด้วย gauze ขนาด 3x5 cm. เมื่อเปิดแผล (22/10/62) พบแผลเป็นรูปิด 3 รู แผลแห้งดี ไม่มี discharge ซึม ไม่มีบวมแดง มีแขนทั้งสองข้างมีแผลจากการเกาเนื่องจากอาการคัน ที่ขาข้างขวา มีแผลปิดgauze จากการทำ double lumen cathetert rt. femoral vein ไม่มี discharge ซึมจาก gauze ที่บริเวณรอบรูทวาร มีแผล IAD stage 2 และก้นมีแผล IAD stage 2 ขนาดประมาณ 1x2 cm stage 2 ขาทั้งสองข้างยาวเท่ากัน ขาค่อนข้างเล็ก ที่หลังเท้าซ้าย on injection plug บริเวณผิวหนังไม่มีบวมแดง ไม่มี Phebitis
(วันที่25/10/62)ผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 81 ปี รูปร่างผอม ผิวสีแทน นอนอยู่บนเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ รู้สึกตัวดี ไม่พูด แต่ตอบรับด้วยการพยักหน้า มีอาการสับสนบ้าง on trachostomy tube with collar mask 5 LPM มีหายใจหอบเนื่อยบ้างขณะทำกิจกรรม รับประทานอาหาร BD สูตร 2:1 เบาหวาน ปริมาณแคลอรี่ 1600 cal/มื้อ Low PO4 จำกัดโปรตีน 60 กรัม/วัน ลดเค็ม ผู้ป่วยมีอาการคันบริเวณผิวหนัง ผิวหนังแห้ง ลอกเป็นแผล ผมสีดำ มีหงอกเล็กน้อย ใบหน้าสมมาตรดี conjunctiva สีชมพู ไม่ซีด ที่รูจมูกข้างขวามีแผลกดทับจากสาย NG tube ไม่มีรูจมูกบวม ปากแห้งเล็กน้อย มีฟันล่าง 1 ซี่ ไม่มีแผลในช่องปาก on tracheostomy tube มีไหมเย็บทั้ง2ข้างขอ tube ไม่มีบวมแดง ที่บริเวณคอด้านซ้ายมีแผลจากการทำ double lumen catheter Lt. jugular vein ปิดด้วย gauze ขนาด 3x5 cm. เมื่อเปิดแผล (22/10/62) พบแผลเป็นรูปิด 3 รู แผลแห้งดี ไม่มี discharge ซึม ไม่มีบวมแดง มีแขนทั้งสองข้างมีแผลจากการเกาเนื่องจากอาการคัน ที่ขาข้างขวา มีแผลปิดgauze จากการทำ double lumen cathetert rt. femoral vein ไม่มี discharge ซึมจาก gauze ที่บริเวณรอบรูทวาร มีแผล IAD stage 2 และก้นมีแผล IAD stage 2 ขนาดประมาณ 1x2 cm stage 2 ขาทั้งสองข้างยาวเท่ากัน ขาค่อนข้างเล็ก ที่หลังเท้าซ้าย on injection plug บริเวณผิวหนังไม่มีบวมแดง ไม่มี Phebitis
Problem list
ของเสียคั่ง จากไตเสียหน้าที่
มีแผลกดทับบริเวณก้นกบ และรอบทวาร
ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้
มีเสมหะเหนียวข้นจำนวนมาก
ติดเชื้อดื้อยา (CRE)
ญาติขาดความตรหนักในการดูแลผู้ป่วย
ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
พยาธิสภาพ
Chronic Kidney Disease
การแบ่งระยะของโรคไต
stage 1
GFR ≥ 90 ml/minute/1.73 m2 with evidence of kidney damage
stage 2
GFR 60-89 ml/minute/1.73 m2 with evidence of kidney damage
stage 4
GFR 15-29 ml/minute/1.73 m2
stage 3
GFR 30-59 ml/minute/1.73 m2
stage 5
GFR < 15 ml/minute/1.73 m2 หรือได้รับการทำ Hemodyalysis
ผู้ป่วยเป็น CKD stage 5 ได้รับการทำ Hemodalysis
เป็นภาวะที่มีการเสื่อมการทำงานของไตอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งเมื่อไตเสื่อมแล้ว มัจะไม่สามารถกลับมาทำงานได้อย่างปกติ และพบได้บ่อยในประชากรไทย เป็นปัญหาสาธารณสุข ในด้านทรัพยากรและทำให้ผู้ป่วยทุกข์ทรมาน คุณภาพชีวิตไม่ดี และเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
อาการและอาการแสดง
อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปัสสาวะกลางคืน ไม่มีแรง โลหิตจาง ขาบวมหน้าบวม สับสน ความดันโลหิตสูง คันตามร่างกายและผิวหนัง ระดับ BUN และ Creatinine สูงขึ้น เสียสมดุลelectrolyte
ผู้ป่วยมีอาการคันตามผิวหนัง สับสนบ้าง ระดับ Creatinine สูงขึ้น ผู้ป่วยเริ่มปัสสาวะออกน้อย
สาเหตุ
สาเหตุของไตเรื้อรังที่พบบ่อยที่สุดคือ โรคเบาหวาน (ประมาณ 40%) และความดันโลหิตสูง (ประมาณ 20%) โรคอื่น ๆ ที่อาจพบได้คือ โรคนิ่วและการอุดตนัของทางเดินปัสสาวะ(obstructive uropathy)
โรคไตจากเก๊าท์โรคภูมิ
ตา้นทางต่อเน้ือเยอื่ ตนเอง(Systemic lupus erythematasus) โรคไต IgA โรคถุงน้า ในไตซึ่งเป็นโรคทางกรรมพันธุ์
(Autosomal dominant polycystic kidney disease) โรคไตเรื้อรังที่เกิดจากการใช้ยาแก้ปวด (Analgesic and
NSAIDS induced nephropathy)
UTI
หมายถึงการอักเสบของระบบทางเดินปัสสาวะซึ่งมีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยพบตั้งแต่ท่อปัสสาวะไปจนถึงไต ส่วนมากแล้วใหญ่มักจะเกิดขึ้นบริเวณทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง ซึ่งได้แก่ กระเพาะปัสสาวะ (bladder) เรียกว่า “Cystitis” และ ท่อปัสสาวะ (urethra –ท่อที่ลำเลียงน้ำปัสสาวะออกไปจากร่างกาย) เรียกว่า “Urethritis” ส่วนการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนบน ได้แก่ บริเวณ ไต (kidney) เรียกว่า “Pyelonephritis” และ ท่อไต (ureter) ทำให้เกิดโรคกรวยไตอักเสบก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน แต่จะพบได้น้อยกว่าแต่หากส่วนนี้มีการติดเชื้อ อาการจะรุนแรงกว่าการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง โดยคนไข้มักจะมีอาการไข้ ปัสสาวะขัด ร่วมกับปวดหลัง หากมีอาการดังกล่าวควรไปพบแพทย์โดยด่วน เพราะอาจนำไปสู่การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะได้
ภาวะติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียเข้าไปในทางเดินปัสสาวะโดยผ่านทางท่อปัสสาวะ ส่วนใหญ่โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ มักเกิดจาก เชื้อ E. coli (อี. โคไล) และแบคทีเรียอื่น ๆ ที่พบได้ปกติในบริเวณทางเดินอาหาร ส่วนการติดเชื้อทางการมีเพศสัมพันธ์ ได้แก่เชื้อ Herpes (เฮอร์พีรส์) Gonorrhea (โกโนเรีย) Chlamydia (คลาไมเดีย) และ Mycoplasma (ไมโคพลาสมา) สามารถก่อให้เกิดการติดเชื้อได้
ปัจจัยเสี่ยง
มีท่อปัสสาวะที่ค่อนข้างสั้น
ในหญิงที่มีการเช็ดทำความสะอาดที่ไม่เหมาะสม เช่น การเช็ดจากหลังไปหน้า นำพาให้เชื้อแบคทีเรียจากรูทวารมายังท่อปัสสาวะได้
ในชายที่มีต่อมลูกหมากขนาดใหญ่ หรือมีภาวะต่อมลูกหมากโต (Benign Prostate Hyperplasia-BPH)
ปัสสาวะน้อย จากการที่ดื่มน้ำปริมาณน้อยเกินไป
เป็นนิ่วบริเวณกรวยไต หรือการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ
การมีเพศสัมพันธ์
การใช้ห่วงคุมกำเนิด หรือใช้สารทำลายเชื้ออสุจิในการคุมกำเนิด
วัยหมดประจำเดือน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงระบบทางเดินปัสสาวะในผู้หญิง
ผู้สูงอายุ
การใช้สายสวนปัสสาวะในการขับปัสสาวะ
ได้รับการผ่าตัด หรือมีหัตถการบริเวณที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินปัสสาวะในช่วงที่ผ่านมา
เป็นโรคเบาหวาน หรือโรคอื่นที่ทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายลดลง
การกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน
ผู้ที่มีประวัติติดเชื้อทางเดินปัสสาวะตอนเด็ก
อาการ
ปัสสาวะบ่อย
ปัสสาวะกะปริบกะปรอย
ปัสสาวะแสบขัด
ปัสสาวะเป็นเลือด
ปัสสาวะเป็นหนอง
ปวดท้องน้อย
เจ็บชายโครง ปวดบั้นเอว
หนาวสั่น เป็นไข้
ภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
เกิดความเสียหายต่อไตอย่างถาวร
เกิดการติดเชื้อซ้ำ
หากเกิดในหญิงตั้งครรภ์ โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะจะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่ทำให้ทารกคลอดก่อนกำหนด หรือมีน้ำหนักแรกเกิดน้อย
ทำให้ท่อปัสสาวะในผู้ชายตีบแคบลง
อาจทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (sepsis) โดยเฉพาะในกรณีที่ติดเชื้อบริเวณไต (urosepsis) ซึ่งมีอันตรายถึงแก่ชีวิต
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลที่ 2
เสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนจากภาวะของเสียคั่งเนื่องจากประสิทธิภาพการทำงานของไตลดลง
ข้อมูลสนับสนุน
ผู้ป่วยเป็น CKD Stage 5
eGFR= 28.49 mL/min (19/10/62)
Creatinine=1.67 mg/dl (19/10/62)
ผู้ป่วยมีอาการคันตามผิวหนัง
ผู้ป่วยมีอาการสับสน
ผู้ป่วยไม่ void (22/10/62)
วัตถุประสงค์การพยาบาล
ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากภาวะของเสียคั่ง
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินอาการและอาารแสดงของภาวะของเสียคั่ง ได้แก่ อาการหน้าบวม ขาบวมกดบุ๋ม อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ความดันโลหิตสูง ซีด คันตามร่างกายและผิวหนัง
ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยเฉพาะ eGFR BUN Creatinine เพื่อประเมินภาวะของเสียคั่งและการทำงานของไต
สังเกตและประเมินความผิดปกติในระบบประสาทส่วนกลางจากของเสียคั่ง ซึงจะมีอาการ เช่น ไม่มีสมาธิ เฉื่อยชา พูดช้า หลงลืมง่าย ระดับความรู้สึกตัวผิดปกติ หงุดหงิดง่าย ซึมลง ชัก
และหมดสติ หากผู้ป่วยมีอาการดังล่าวให้รีบรายงานแพทย์
ดูแลผู้ป่วยหลังทำ Hemodyalysis
ประเมินภาวะแทรกซ้อนจากการฟอกเลือด ได้แก่ ความดันโลหิตตำขณะฟอกเลือด ความดันโลหิตสูงขณะฟอกเลือด เป็นตะคริว คลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ หน้ามืด มึนงง สับสน
วัดสัญญาณชีพ หลังจากผู้ป่วยกลับมาจากทำ HD โดยเฉพาะ ความดันโลหิต เพื่อประเมินภาวะแทรกซ้อนจากการทำ HD โดยผู้ป่วยอาจมีความดันสูงหรือต่ำได้
หากผู้ป่วยเป็นตะคริวแนะนำให้ผู้ป่วย ค่อยๆให้เหยียดขา และกระดกปลายเท้าลง เพื่อลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ และให้กล้ามเนื้อคลายตัว
เตรียมชามรูปไต ไว้ข้างเตียง เผื่อผู้ป่วยมีอาการคลื่นไส้อาเจียน
นำไม้กั้นเตียงขึ้นทุกครั้งหลังการให้การพยาบาล และระมัดรัวังผู้ป่วยพลัดตกหกล้ม เนื่องจากหลังทำ Hemodyalysis ผู้ป่วยอาจมีอาการมึนงง สับสน หน้ามืด เวียนศีรษะ ปวดศีรษะได้
ให้การพยาบาลด้วยความนุ่มนวล และสังเกตภาวะเลือดออก เนื่องจากผู้ป่วยอาจจะเลือดออกง่ายได้จากการได้รับ heparin ขณะล้างไต
จำกัดน้ำดื่มผู้ป่วย 1000 ml/day และบันทึก Record I/O สังเกตสีและปริมาณของปัสสาวะ
การดูแล double lumen catheter rt. femeral vein
ดูแลบริเวณ double lumen catheter rt. femeral vein ซึ่งเป็นเส้นเลือดที่ผู้ป่วยทำ Hemodialysis ไม่ควรให้ผู้ป่วยพับขาข้างขวา เพราะอาจทำให้ catheter หักพับงอได้ ส่งผลให้การฟอกเลือดไม่มีประสิทธิภาพ
ดูแลบริเวณdouble lumen catheter rt. femeral vein ไม่ให้เกิดการติดเชื้อ โดยดูแลความสะอาดของร่างกาย โดยเฉพาะผิวหนังรอยแผล สังเกตอาการ ปวดบว แดง ร้อน และสังเกตว่ามี discharge ซึมจาก gauze หรือไม่ และหมั่นทำความสะอาด perineum เนื่องจาก บริเวณที่ทำ cath อยู่ใกล้กับอวัยวะสืบพันธุ์ จึงต้องป้องกันการติดเชื้อจากอุจจาระปัสสาวะ
แนะนำให้ผู้ป่วยบริหารปลายเท้าด้วยการกระดกเท้า เพื่อส่งเสริมให้การไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนปลายดีขึ้น
ดูแลผู้ป่วยไม่ให้สัมผัส หรือแกะเกา บริเวณที่ทำ double lumen catheter rt. femeral vein เพราะจะส่งผลให้เกิดการติดเชื้อได้
ดูแลผู้ป่วยก่อนทำ Hemodyalysis
ประเมินสัญญาณชีพผู้ป่วย และประเมินอาการผิดปกติต่างๆ เช่น มีไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้ อาจียน ท้องเสีย ถ่ายเหลว หากมีอาการดังกล่าวให้รายงานให้แพทย์ทราบ
ดูแลความสะอาดบริเวณ double lumen catheter rt. femeral vein ที่จะฟอกเลือด เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค และป้องกันการติดเชื้อ
ดูแลผู้ป่วยให้ได้รับอาหารทางสายให้อาหาร เป็น อาหาร BD สูตร 2:1 เบาหวาน ปริมาณแคลอรี่ 1600 cal/มื้อ Low PO4 จำกัดโปรตีน 60 กรัม/วัน ลดเค็ม ก่อนไปฟอกเลือด
ดูแลผู้ป่วยไม่ใหเกาบริเวณผิวหนัง และแนะนำญาติไม่ควรนำไม่เกาหลังเกาให้ เนื่องจากจะทำให้ผิวหนังของผู้ป่วยเป็นแผล และอาจเกิดการติดเชื้อได้ แนะนำญาติใช้ไม้พันก๊อซชุบน้ำหมาดๆ ถูเบาๆบริเวณที่ผู้ป่วยคัน เพื่อบรรเทาอาการคัน
เกณฑ์การประเมินผล
ผู้ป่วยไม่มีอาการและอาการแสดงของของเสียคั่งในร่างกายได้แก่ อาการหน้าบวม ขาบวมกดบุ๋ม อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ความดันโลหิตสูง ซีด คันตามร่างกายและผิวหนัง
ผู้ป่วยไม่มีความผิดปกติในระบบประสาทส่วนกลางได้แก่ สมองส่วนต่างๆทำงาน
ผิดปกติ เช่น ไม่มีสมาธิ เฉื่อยชา พูดช้า หลงลืมง่าย ระดับความรู้สึกตัวผิดปกติ หงุดหงิดง่าย ซึมลง ชัก
และหมดสติ
Creatinine=0.55-1.02 mg/dl
BUN = 7.0-18. mg/dL
การประเมินผล
eGFR= 28.49 mL/min (19/10/62)
Creatinine=1.67 mg/dl (19/10/62)
BUN = 15.3 mg/dL(19/10/62)
ผู้ป่วยมีอาการคันตามผิวหนัง
ผู้ป่วยมีอาการสับสน
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลที่ 4
เสี่ยงต่อการแพร่การะจายของเชื้อเนื่องจากผู้ป่วยมีการติดเชื้อดื้อยา (CRE)
วัตถุประสงค์การพยาบาล
ไม่มีการแพร่กระจายของเชื้อ
ข้อมูลสนับสนุน
ผล sputum culture พบ moderate Klebsiella pnuemonia (15/10/62)
ผู้ป่วยมีเสมหะสีขาวขุ่นจำนวนมาก
Neutrophil = 71.4 % (19/10/62)
Lymphocyte = 16.2 % (19/10/62)
เกณฑ์การประเมินผล
ผู้ป่วยไม่มีเสมหะสีขาวขุ่น หรือเสมหะลดลง
ผล sputum cuture ไม่พบเชื้อ
Neutrophil=48.1-71.2%
Lymphocyte=21.1-42.7%
ไม่พบการติดเชื้อไปยังผู้ป่วยอื่นหรือบุคลากรทางการแพทย์
กิจกรรมการพยาบาล
ติดตามผลแลป CBC โดยเฉพาะ WBC Neutrophil Lymphocyte และผล cuture เพื่อประเมินการติดเชื้อ
ก่อนให้การพยาบาลผู้ป่วยให้สวมชุดกราวน์ป้องกันเชื้อ สวมหน้ากากและถุงมือ เพื่อป้องกันการสัมผัสเชื้อ และนำไปสู่ผู้ป่วยอื่นๆ
ล้างมือก่อนและหลังการให้การพยาบาลทุกครั้ง
ไม่สัมผัสผู้ป่วยโดยตรง สวมmask และถุงมือทุกครั้ง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ
แนะนำญาติให้สวมหน้ากาก ปิด mask ล้างมือก่อนและหลังสัมผัสผู้ป่วยทุกครั้ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากผู้ป่วย
ดูแลความสะอาดร่างกายและสิ่งแวดล้อมของผู้ป่วย ให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรค
ดูดเสมหะให้ผู้ป่วยด้วยวิธี sterile technique เพื่อป้องกันเสมหะอุดกันทางเดินหายใจ และลดการสะสมของเชื้อโรค พร้อมประเมินลักษณะ สี กลิ่น และปริมาณของเสมหะ
ดูแลผู้ป่วยให้ได้รับยาCeftazidime 2 gm vein drip OD ซึ่งเป็นยาปฏิชวนะ ตามแผนการรัก
ษา
ประเมินสัญญาณชีพ โดยเฉพาะอัจราการหายใจ เพื่อประเมินภาวะเสมหะอุดกั้นทางเดินหายใจ
การประเมินผล
Neutrophil = 71.4 % (19/10/62)
Lymphocyte = 16.2 % (19/10/62)
ผู้ป่วยมีเสมหะสีขาวขุ่น เหนี่ยวข้น จำนวนมาก
ผล sputum culture พบ Normal flora(18/10/62)
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลที่1
มีภาวะพร่องงออกซิเจนเนื่องจากการแลกเปลี่ยนก๊าซมีประสิทธิภาพลดลง
ข้อมูลสนับสนุน
ผู้ป่วยมีเสมหะสีขาวขุ่นปน blood clot ลักษณะ เหนียวข้น จำนวนมาก
ผู้ป่วยไม่สามารถหายใจ roomair ได้
RR= 28 bpm (21/10/62)
ผู้ป่วยแสดงสีหน้าเหนื่อยขณะทำกิจกรรมการพยาบาล
ผล sputum culture พบ moderate Klebsiella pnuemonia (15/10/62)
Neutrophil = 71.4 % (19/10/62)
Lymphocyte = 16.2 % (19/10/62)
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
เกณฑ์การประเมินผล
ผู้ป่วยไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะพร่องออกซิเจนได้แก่ อ่อนเพลีย เหนื่อยหอบ หายใจเร็ว หายใจลำบาก ไม่ใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องในการหายใจ ปลายมือ ปลายเท้าเขียว cyanosis
Oxygen sat > 94%
เสมหะมีปริมาณลดลง ไม่เหนียวข้น ไม่มีblood clot
Neutrophil=48.1-71.2%
Neutrophil=48.1-71.2%
ผล sputum cuture ไม่พบเชื้อ
ผล Chest X-ray ปกติ ไม่พบ filtration
ฟังเสียงปอดไม่พบเสียงผิดปกติ ได้แก่ Crepitation Stridor Wheezing Rhonchi
WBC = 5000-10000 cell/uL
Vitral sign อยู่ในเกณฑ์ปกติ BT=36.5-37.4 องศาเซลเซียส HR=60-100bpm Systolic BP 90-140 mmHg Diastolic BP 60-90 mmHg RR = 16-30 bpm PS=0
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะพร่องออกซิเจน ได้แก่ อ่อนเพลีย เหนื่อยหอบ หายใจเร็ว หายใจลำบาก ไม่ใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องในการหายใจ ปลายมือ ปลายเท้าเขียว cyanosis
ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชม. โดยเฉพาะอัตราการหายใจ เพื่อประเมินภาวะพร่องออกซิเจน
ฟังเสียงปอด โดยจะฟังเสียงหายใจ สังเกตความการหายใจว่าสม่ำเสมอหรือไม่ และฟังว่ามีเสียงผิดปกติหรือไม่ ได้แก่เสียง Crepitation Rhonchi Stridor Wheezing
จัดท่าผู้ป่วยให้อยู่ในท่า High fowler's position เพื่อเปิดทางเดินหายใจ ทำให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกมากขึ้น
เคาะปอด และsuctionผู้ป่วย โดยใช้หลัก sterile technique เพื่อป้องกันเสมหะอุดกั้นทางเดินหายใจ
ดูแลผู้ป่วยให้ได้รับ o2 collar mask with corrugated tube 5 LPM
ประเมิน O2 saturation หาก O2 sat น้อยกว่า 95% ให้รายงานแพทย์
ดูแลทำความสะอาดแผล tracheostomy tube โดยใช้หลัก aceptic technique เพื่อป้องกันการติดเชื้อบริเวณแผล
ดูแลความสะอาดร่างกายและสิ่งแวดล้อมของผู้ป่วยให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และจัดสิ่งแวดล้อมผู้ป่วยให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเสมอ
สวมถุงมือและปิดmask ขณะให้การพยาบาลผู้ป่วยทุกครั้ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ล้างมือก่อนและหลังให้การพยาบาลผู้ป่วยทุกครั้ง เพื้อป้องกันการนำเชื้อเข้าสู่ผู้ป่วย ป้องกันการติดเชื้อจากผู้ป่วย และป้องกันการนำเชื้อจากผู้ป่วยสู่ผู้ป่วยอื่น
ดูแลผู้ป่วยให้ได้รับยาพ่น inhalex forte 4 ml 1 nb prn q 4 hr และ nss 0.9% inj 5 ml 4 ml NB q 6 hr และสังเกตผลข้างเคียงจากยา inhalex forte ได้แก่ คอแห้ง ตาพร่า ปัสสาวะขัด หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ คลื่นไส้ อาเจียน อาหารไม่ย่อย ปวดศีรษะ มึนงง
ดูแลผู้ป่วยให้ได้รับยาละลายเสมหะ Mysoven 200 mg granule 2 ซองละลายน้ำ1แก้ว ดื่มวันละ 3ครั้ง หลังอาหาร
ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ CBC โดยเฉพาะ WBC Neutrophil Lymphocyte และผล Sputum cuture เพื่อประเมินการติดเช้อทางเดินหายใจ
การประเมินผล
ผู้ป่วยไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะพร่องออกซิเจนได้แก่ อ่อนเพลีย เหนื่อยหอบ หายใจเร็ว หายใจลำบาก ไม่ใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องในการหายใจ ปลายมือ ปลายเท้าเขียว cyanosis
Oxygen sat = 99-100%
ผู้ป่วยมีเสมหะเหนียวข้น ปริมาณลดลง มีblood clot ปน
Lymphocyte = 16.2 % (19/10/62)
Neutrophil = 71.4 % (19/10/62)
ฟังเสียงปอดไม่พบเสียงผิดปกติ ได้แก่ Crepitation Stridor Wheezing Rhonchi
ผล Chest X-ray ปกติ ไม่พบ filtration
WBC = 9200 cell/uL (19/10/62)
Vitral sign อยู่ในเกณฑ์ปกติ BT=37.3 องศาเซลเซียส HR=92 bpm BP=120/89 mmHg RR = 28 bpm PS=0 (21/10/62)
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลที่ 6
เสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการนอนนาน
ข้อมูลสนับสนุน
ผู้ป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้
ผู้ป่วยนอนติดเตียงเป็นเวลานาน
วัตถุประสงค์
ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการนอนนาน
เกณฑ์การประเมินผล
ผู้ป่วยไม่เกิดแผลกดทับ บริเวณผิวหนัง และปุ่มกรดูก ทกส่วนของร่างกาย
ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะข้อยึดติด ในข้อทุกส่วนของร่างกาย
ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะท้องผูก อุจจาระทุกวัน ลักษณะอุจจาระสีน้ำตาล อ่อนนุ่ม ไม่เป็นก้อนแข็ง
ผู้ป่วยไม่เกิดภาวปอดแฟบ ไม่มีอาการหายใจได้ไม่เต็มที่ หัวใจเต้นเร็ว เจ็บหน้าอก ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ O2 sat >94%
ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะกล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรงอ่อนแรง
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินและสังเกตบริเวณผิวหนังของผู้ป่วยว่ามีแผลกดทับบริเวณผิวหนังหรือปุ่มกระดูกหรือไม่ และสังเกตบริเวณข้อทุกข้อของร่างกายว่ามีภาวะข้อยึดติดหรือไม่
พลิกตะแคงตัวผู้ป่วยทุก 2 ชม. ใช้หมอนหรือผ้าห่มรองบริเวณปุ่มกระดูกและผิวหนัง เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ
ให้การพยาบาลผู้ป่วยด้วยความนุ่มนวล ขณะพลิกตะแคงตัวผู้ป่วยระมัดระวังการเสียดสี ระหว่างผิวหนังกับเตียง เพื่ป้องกันการเกิดแผลถลอก
ดูแลผู้ป่วยให้ได้รับบริหารและเคลื่อนไหวข้อกระดูกทุกข้อในร่างกาย ได้แก่ ข้อนิ้วมือ ข้อมือ ข้อศอก ข้อหัวไหล่ ข้อสะโพก ข้อเข่า ข้อเท้า และข้อนิ้วเท้า เพื่อป้องกันการเกิดข้อยึดติด โดยการบริหารข้อต่าง ๆ ให้ผู้ป่วยหมั่นยกข้อไหล่ให้แนบติดหู งอและเหยียดข้อศอกจนสุดมุม กระดกข้อมือขึ้นลง กำมือและแบมือจนสุด งอและเหยียดข้อสะโพกจนสุด กางและหุบข้อสะโพกจนสุด งอและเหยียดข้อเข่าจนสุด กระดกข้อเท้าขึ้นลงจนสุด งอและเหยียดนิ้วเท้าจนสุด
โดยทำข้อละ 3-5 ครั้ง วันละ 2 ครั้ง ในช่วงเช้าและเย็น หากผู้ป่วยมีอาการสับสนไม่สามารถทำได้ ให้ช่วยเหลือผู้ป่วยในการบริหารข้อ
ดูแลทำความสะอาด Perineum care ทุกครั้งที่ผู้ป่วยปัสสาวะ อุจจาระ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด แผล IAD จากการแช่อุจจาระ ปัสสาวะและสังเกตลักษณะ สีของอุจจาระผู้ป่วย เพื่อประเมินภาวะท้องผูก
ดูแลฝึกหายใจแบบใช้กระบังลม และฝึกหายใจเข้าเต็มที่ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะปอดแฟบ
ประเมิน O2 sat และสังกตลักษณะการหายใจของผู้ป่วย สังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะปอดแฟบ ได้แก่ อาการหายใจได้ไม่เต็มที่ หัวใจเต้นเร็ว เจ็บหน้าอก ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ O2 sat >94% หากผู้ป่วยมีอาการดังกล่าว ให้รายงานแพทย์
ดูแลผู้ป่วยให้ได้รับอาหารทางสายให้อาหาร สูตร 2:1 เบาหวาน ปริมาณแคลอรี่ 1600 cal/มื้อ Low PO4 จำกัดโปรตีน 60 กรัม/วัน ลดเค็ม
การประเมินผล
ผู้ป่วยไม่มีภาวะข้อยึดติด
ผู้ป่วยไม่มีแผลกดทับเพิ่มจากแผลเดิม
ผู้ป่วยไม่มีอาการท้องผู้ก ถ่ายอุจจาระทึกวัน อุจจาระอ่อนนุ่ม เป็นสีเหลืองปนน้ำตาล
ผู้ป่วยไม่มีภาวะปอดแฟบ ไม่มีอาการหายใจได้ไม่เต็มที่ หัวใจเต้นเร็ว เจ็บหน้าอก ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ O2 sat =99-100%
ผู้ป่วยไม่มีอาการกล้ามเนื้อแขนขาอ่อนลีบ
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลที่ 5
เสี่ยงติดเชื้อบริเวณแผลกดทับ
ข้อมูลสนับสนุน
ผู้ป่วยใส่แพมเพิร์ส เนื่องจากไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้
ผู้ป่วยมีแผล IAD level 2 บริเวณรอบรูทวารหนัก และบริเวณก้น ขนาด 1x2cm
วัตถุประสงค์
ไม่เกิดการติดเชื้อบริเวณแผลกดทับ
เกณฑ์การประเมินผล
บริเวณแผลIAD แดงดี ไม่มีdischargeซึม ไม่มีกลิ่นเหม็น
ไม่มีเกิดแผลกดทับ และแผล IAD เพิ่มบริเวณอื่น
WBC=5000-10000 cell/ul
Neutrophil=48.1-71.2%
Lymphocyte =21.1-42.7%
Body temp. = 36.5-37.4 องศาเซลเซียส
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินลักษณะแผล ดูตำแหน่งขนาด สีของแผล และdischarge
ประเมินสัญญาณชีพ ทุก 4 ชม. โดยเฉพาะ Body temp ซึ่งหากBTมากกว่า 37.4 อาจแสดงถึงภาวะติดเชื้อ
ทำความสะอาดบริเวณแผล ด้วยวิธี aceptic technique โดยใช้ 0.9% NSS เช็ดทำความสะอาดจากข้างในแผลออกนอกแผล เช็ดจนออกจากขอบแผลประมาณ 1-2 นิ้ว ใช้ผลิตภัณฑ์ 3M Cavilon No-Rinse Skin Cleanser ฉีดบริเวณแผลเพื่อทำความสะอาด ใช้ผลิตภัณฑ์ 3M Cavilon No Sting Barrier Film Protects Skin เพื่อเคลือบผิวและทาแผลด้วย 20% ZINE cream บางๆ เพื่อป้องกันผิวหนังถูกยูเรียจากปัสสาวะอุจจาระกัด ทำให้เกิดแผล IAD เพิ่มได้
ดูแลความสะอาดPerineam care เปิดแพมเพิร์สดู ทุกครั้งที่พลิกตะแคงตัวผู้ป่วย เพื่อสังเกตว่าผู้ป่วยถ่ายหรือไม่ หากผู้ป่วยถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระ ให้ทำความสะอาด และเปลี่ยนแพมเพิร์สชิ้นใหม่ เพื่อไม่ให้ผิวหนังแช่อยู่ในอุจจาระและปัสสาวะเป็นเวลานาน ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดแผล IAD เพิ่ม และทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อบริเวณแผลได้ ซึ่งหากมีอุจจาระมาก และล้นไปด้านหน้าอาจทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะขึ้นได้
พลิกตะแคงตัวผู้ป่วยทุกๆ2ชม. เพื่อป้องกันกดกดทับบริเวณแผล และใช้หมอนรองบริเวณผิวหนังหรือปุ่มกระดูก เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ
ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ CBC โดยเฉพาะ WBC Neutropil Lymphocyte เพื่อประเมินผลการติดเชื้อ
การประเมินผล
ผู้ป่วยมีแผล IAD level 2 บริเวณรอบรูทวารหนัก และบริเวณก้นขนาด 1x2cm
Lymphocyte = 16.2 % (19/10/62)
Neutrophil = 71.4 % (19/10/62)
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลที่ 7
ญาติขาดความตระหนักในการดูแลผู้ป่วย
ข้อมูลสนับสนุน
ญาติไม่สวม mask และถุงมือ ขณะให้การดูแลผู้ป่วย
ผู้ป่วยให้ไม้เกาหลัง เกาให้ผู้ป่วยขณะผู้ป่วยคัน
ญาติไม่ล้างมือ ก่อนและหลังการให้การดูแลผู้ป่วย
วัตถุประสงค์
ญาติมีความตระหนักในการดูแลผู้ป่วย
เกณฑ์การประเมินผล
ญาติสวม mask และถุงมือ ขณะให้การดูแลผู้ป่วย
ญาติใช้ไม้เกาหลัง เกาให้ผู้ป่วยขณะผู้ป่วยคัน
ญาติล้างมือ ก่อนและหลังการให้การดูแลผู้ป่วย
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินการให้การดูแลผู้ป่วยจากญาติ สังเกตขณะญาติให้การดูแลว่าสามารถปฏิบัติได้ถูกต้องหรือไม่ หากญาติไม่เข้าใจหรือปฏิบัติได้ไม่ถูกต้อง ต้องให้ความรู้แก่ญาติ และสอนวิธีการปฏิบัติให้ถูกต้อง
แนะนำญาติไม่ควรนำไม่เกาหลังเกาให้ เนื่องจากจะทำให้ผิวหนังของผู้ป่วยเป็นแผล และอาจเกิดการติดเชื้อได้ แนะนำญาติใช้ไม้พันก๊อซชุบน้ำหมาดๆ ถูเบาๆบริเวณที่ผู้ป่วยคัน เพื่อบรรเทาอาการคัน
แนะนำญาติให้สวม mask และถุงมือ ขณะให้การดูแลผู้ป่วย เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากผู้ป่วยสู่ญาติ และป้องกันการนำเชื้อจากสิ่งแวดล้อมสู้ผู้ป่วย
แนะนำญาติให้ล้างมือ ก่อนและหลังให้การดูแลผู้ป่วยทุกครั้ง
การประเมินผล
ญาติไม่สวม mask และถุงมือ ขณะให้การดูแลผู้ป่วย
ญาติไม่ล้างมือ ก่อนและหลังการให้การดูแลผู้ป่วย
ญาติใช้ไม้เกาหลัง เกาให้ผู้ป่วยขณะผู้ป่วยคัน
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลที่ 3
มีการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
ข้อมูลสนับสนุน
ผล UA พบ WBC > 100 /HPF (24/10/62)
ผล UA พบ Leucocyte 3+ (24/10/62)
ปัสสาวเป็นสีส้ม ขุ่น (18/10/62)
ผล CBC Neutrophil 71.4% (19/10/62)
ผล CBC Lymphocyte 17.2% (19/10/62)
ผลUA พบ bacteria few (24/10/62)
ผล Ua พบ yeast 2+ (24/10/62)
ผล Urine culture พบ candida tropicalis 100000 CFU/ml (25/10/62)
วัตถุประสงค์การพยาบาล
ไม่มีการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
เกณฑ์การประเมินผล
ผล UA พบ WBC =0-5 /HPF
ผล UA ไม่พบ Leucocyte
ปัสสาวะเป็นสีเหลืองใส
ผล CBC Neutrophil 48.1-71.2%
ผล CBC Lymphocyte 21.1-42.7%
ผล CBC WBC=5000-10000 cell/uL
BT=36.5-37.4
ผล UA ไม่พบ Bacteria
ผล UA ไม่พบ yeast
ผล Urine culture ไม่พบเชื้อ
กิจกรมการพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพ ทุก 4 ชม. โดยเฉพาะ Body temp ซึ่งหากBTมากกว่า 37.4 อาจแสดงถึงภาวะติดเชื้อ
สังเกตสีลักษณะและปริมาณของปัสสาวะ ความใสขุ่น และสังเกตว่ามีสิ่งผิดปกติปนในปัสสาวะหรือไม่ เช้น เลือด หรือลื่ม ตะกอนต่างๆ
ดูแลความสะอาดPerineam care เปิดแพมเพิร์สดู ทุกครั้งที่พลิกตะแคงตัวผู้ป่วย เพื่อสังเกตว่าผู้ป่วยถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะหรือไม่ หากผู้ป่วยถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระ ให้ทำความสะอาด และเปลี่ยนแพมเพิร์สชิ้นใหม่ โดยเช็ดทำความสะอาด จากหน้าไปหลัง เพื่อป้องกันการนำเชื้อโรคจากบริเวณทวารหนัก สู่ทางเดินปัสสาวะ
ติดตามผลตรวจทางหห้องปฏิบัติการ ได้แก่ CBC ดู WBC NEUTROPHIL LYMPHOCYTE ผลUA ดู WBC Leucocyte bacteria yeast และผล Urine culture เพื่อประเมินการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
การประเมินผล
ผล CBC Lymphocyte 19% (25/10/62)
ผล CBC Neutrophil 75% (25/10/62)
ปัสสาวะเป็นสีเหลืองเข้ม
ผล CBC WBC=92100 Cell/uL (25/10/62)
BT =36.8 (25/10/62)
ยาที่ผู้ป่วยได้รับ
ยาแก้ปวด และลดไข้
tramadol 50 mg cap q 12 hr prn
จัดอยู่ในกลุ่มยาแก้ปวดที่สกัดจากมอร์ฟีน (opiate) ซึ่งทำงานโดยการเปลี่ยนการตอบสนองต่อความเจ็บปวด อาจเพิ่มระดับของสารสื่อประสาท, norepinephrine, serotonin Ultracet เป็นยาที่มีส่วนผสม ของ Tramadol และ acetaminophen
ผลข้างเคียง ชัก หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก หายใจเร็ว ง่วงนอนมาก เป็นลม เห็นภาพหลอน เป็นผื่นรุนแรง
Patblu 500 mg tab prn
ผลข้างเคียง อุจจาระปัสสาวะเป็นเลือด มีจุดแดงเล็ก ๆ ขึ้นตามผิวหนัง มีแผลร้อนใน หรือจุดขาว ๆ ขึ้นที่ริมฝีปากหรือภายในช่องปาก เลือดออกผิดปกติ ตาเหลือง ตัวเหลือง
เป็นยาที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดและช่วยลดไข้ โดยนิยมใช้เพื่อรักษาอาการปวดทั่วไป
ยาทาแผล IAD
Zinc oxide cream 20% 30 gm
เป็นยาบรรเทาอาการระคายเคืองของผิวหนัง ออกฤทธิ์ช่วยปกป้องผิวจากสารก่อความระคายเคืองและความชื้น ใช้รักษาโรคผื่นผ้าอ้อม ลมพิษ ผื่นคัน แผลไฟไหม้ที่ไม่รุนแรง หรือผิวแตก โดยมีหลายรูปแบบ ทั้งครีม ขี้ผึ้ง โลชั่นทาผิว แป้ง และยาเหน็บทวารที่มักใช้รักษาอาการคัน ระคายเคือง และอาการอื่น ๆ ที่เกิดจากโรคริดสีดวงทวารหรือความเจ็บปวดจากการบีบตัวของลำ
ผลข้างเคียง มีผื่น เป็นลมพิษ หายใจลำบาก เวียนศีรษะอย่างรุนแรง หรือมีอาการบวมบริเวณใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น และลำคอ เป็นต้น
ยารักษาเบาหวาน
novomix 8-0-4 unit sc ac
ผลข้างเคียง ใจสั่น เหงื่อออกมาก ตัวเย็น ซึมลง หมดสต
ยาที่ได้จากการสกัดหรือสังเคราะห์ฮอร์โมนอินซูลิน เพื่อใช้ทดแทนในผู้เป็นเบาหวานที่ไม่สามารถผลิตอินซูลินได้อย่างเพียงพอ novomix เป็นPremixed insulin เป็นชนิดที่นำอินซูลินสองชนิดมาผสมรวมกัน อินซูลินประเภทนี้ฉีดเพียงครั้งเดียวได้ยา 2 ชนิดควบ ฉีดเพียง 2 เวลาก็สามารถครอบคลุมเกือบทั้งวัน
ยาปฏิชีวนะ
Ceftazidime 2 gm vein drip OD
ยาต้านจุลชีพกลุ่มเซฟาโลสปอริน (Cephalosporin) สำหรับรักษาการติดเชื้อจากแบคทีเรียหลายชนิด เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังและส่วนที่เป็นเนื้อเยื่ออ่อน การติดเชื้อที่หูชั้นกลาง เยื่อบุหัวใจอักเสบหรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ การติดเชื้อที่กระดูกและข้อต่อ ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ป้องกันการติดเชื้อระหว่างการผ่าตัด ตัวยาจะออกฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรีย (Bactericidal Action) โดยจับกับ Penicillin-Binding Protein ซึ่งเป็นโปรตีนที่จำเป็นในการสร้างผนังเซลล์ของแบคทีเรีย
ผลข้างเคียง อาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกปวดบริเวณที่ฉีดยา ผิวหนังบวมแดงหรือมีเลือดออก (Phlebitis) ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายปนเลือด ปวดเกร็งบริเวณท้อง มีไข้ขึ้นในระหว่างการรักษาด้วยยา หายใจหรือกลืนอาหารได้ลำบาก เสียงแหบ เจ็บคอ การรับรสผิดเพี้ยนเหมือนมีรสโลหะขมในปาก (Metallic Taste) ภาวะเกล็ดเลือดสูง (Thrombocytosis) มีอาการคัน เป็นผื่น ลมพิษขึ้น ผิวหนังไวต่อแสงแดด
ยารักษาความดันโลหิตสูง
Madiplot 20 mg tab 1x1 oral pc
ยาลดความดัน เป็นยาแคลเซียมแชนแนลบล็อกเกอร์ อยู่ในกลุ่ม Dihydropyridine calcium channel blocker (CCBs) ลดการนำเข้าของแคลเซียมเข้าในกล้ามเนื้อเรียบที่อยู่ในผนังเซลล์ของหลอดเลือด ส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้ความดันโลหิตลดลงและลดการหดบีบตัวของหัวใจ
ผลข้างเคียง ปวดท้องหรือไม่สบายท้อง มีลมในกระเพาะอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลียหรือไม่มีแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ ปวดศีรษะ มึนงง
Vitamin
Vitamin B complex tab 1x2 oral pc
วิตามินบีรวม จัดอยู่ในกลุ่มวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นๆ วิตามินบีรวม มักกล่าวถึงวิตามินที่ละลายน้ำได้ที่ไม่ใช่วิตามินซี ได้แก่ วิตามินบี 1 หรือไธอะมีน (Thiamine) วิตามินบี 2 หรือไรโบฟลาวิน (Riboflavin) วิตามินบี 3 หรือไนอะซิน (Niacin) วิตามินบี 5 หรือกรดแพนโทเธนิก (Pantothenic acid) วิตามินบี 6 หรือไพริดอกซีน (Pyridoxine) วิตามินบี 7 หรือไบโอติน (Biotin) วิตามินบี 9 หรือกรดโฟลิก (Folic acid) และวิตามินบี 12 หรือโคบาลามิน (Cobalamin) อวงค์ประกอบของวิตามินแต่ละชนิดในวิตามินบีรวม มีโครงสร้างเฉพาะตัว ทำหน้าที่ที่แตกต่างกันต่อร่างกาย
อาการข้างเคียงที่อาจพบได้ เช่น ระคายเคืองกระเพาะอาหาร
ยารักษาไขมันในเลือดสูง
Atorvastatin 40 mg tab 1/2x1 h
กลไกการออกฤทธิ์ของยาคือ อะทอวาสแตติน เป็นยาลดระดับไขมันในเลือด มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์เอชเอ็มจี-โคเอ รีดักเตส (HMG-CoA reductase) แบบแข่งขันซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ทำหน้าที่เร่งเปฏิกิริยาและเป็นเอนไซม์ในขั้นกำหนดอัตราของชีวสังคราะห์คอเลสเตอรอล ในการเปลี่ยน HMG-CoA ให้เป็นกรดเมวาโลนิก(mevalonate) เป็นผลให้เกิดการลดการเหนี่ยวนำของตัวรับ LDL และกระตุ้นการสลาย LDL นำไปสู่การลดลงของระดับคอเลสเตอรอลชนิด LDL ในกระแสเลือด
ปวดศีรษะ ท้องอืด ท้องผูกอาหารไม่ย่อย คลื่นไส้ ท้องเสีย เบื่ออาหาร ปวดแขนขา ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อกระตุก ปวดข้อ เยื่อจมูกและลำคออักเสบ นอนไม่หลับ ติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ เพิ่มระดับเอนไซม์อะมิโน ทรานส์เฟอเรส (amino transferase) เพิ่มระดับไกลโคไซเลท ฮีโมโกลบิน (glycosated hemoglobin) เพิ่มระดับน้ำตาลในกระแสเลือดหลังจากอดอาหาร
ยาขยายหลอดลม และละลายเสมหะ
nss 0.9% inj 5 ml 4 ml NB q 6 hr
พ่นเพื่อให้เสมหะ อ่อนนุ่ม
inhalex forte 4 ml 1 nb prn q 4 hr
กลไกการออกฤทธิ์ เป็นanticholinergic โดยยับยั้งการทำงานของอะเซทิลโคลีน (acetylcholine) ที่พาราซิมพาเธติก (parasympathetic) ที่เซลล์ประสาทตอบสนองตัวที่สอง (post ganglionic) เมื่อให้ยาแบบบริหารผ่านการสูด ไอปราโทเปียมจับแบบแข่งขันที่บริเวณตัวรับโคลิเนอจิกที่กล้ามเนื้อเรียบบริเวณหลอดลม ทำให้เกิดการต้านการหดตัวของหลอดลม (bronchoconstriction) จากฤทธิ์ของอะเซทิลโคลีน การยังยั้งประสาทวากัสของไอปราโทเปียมทำให้เกิดการขยายของทางเดินอากาศ ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของหลอดลม (bronchodilation)
ผลข้างเคียง ปากแห้ง คอแห้ง ตาพร่า ปัสสาวะขัด หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ คลื่นไส้ อาเจียน อาหารไม่ย่อย ปวดศีรษะ มึนงง
Mysoven 200 mg granule 2 ซองละลายน้ำ1แก้ว ดื่มวันละ 3ครั้ง หลังอาหาร
กลไกการออกฤทธิ์ของยาคือ เป็นยาในกลุ่มยาละลายเสมหะ ออกฤทธิ์โดยในโครงสร้างของอะเซทิลซิสเทอีน มีหมู่ซัลไฮดริลอิสระเป็นองค์ประกอบ ที่สามารถเปิดพันธะไดซัลไฟด์ของมิวโคโปรตีน (mucoprotein) ของเสมหะ ส่งให้ความข้นหนืดของเสมหะลดลง นอกจากนี้แล้วอะเซทิลซิสเทอีน ยังสามารถใช้เป็นยาแก้พิษของพาราเซตามอล ทำหน้าที่แทนกลูตาไธโอน (glutathione) ออกฤทธิ์เป็นสารปกป้องตับโดยเพิ่มการฟื้นฟูของกลูตาไธโอนภายในตับซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และเพิ่มการเกิดคอนจูเกชันกับพาราเซตามอลให้ได้เป็นสารที่ไม่เกิดพิษ
ผลข้างเคียง หลอดลมหดเกร็ง อาการบวม เกิดผื่น ความดันโลหิตต่ำ ความดันโลหิตสูง ผิวหนังแดง คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ อาการวูบ เหงื่อออก ปวดข้อ มองเห็นภาพไม่ชัด รบกวนการทำงานของตับ เลือดเป็นกรด อาการชัก หัวใจหยุดเต้น ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว น้ำมูกไหล เกิดการระคายเคือง
ยารักษาภาวะซีด
Folic acid 5 mg tab 1x1 oral pc
กรดโฟลิก (folic acid) และโฟเลต (folate) คือวิตามินบี (Vitamin B) ที่สามารถละลายน้ำได้ โฟเลตเกิดขึ้นตามธรรมชาติ มีอยู่ในอาหารต่างๆ โดยกรดโฟลิกคือรูปแบบของวิตามินที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมา ใช้เพื่อป้องกันและรักษาภาวะขาดโฟเลตในเลือด (folate deficiency) เช่นเดียวกับภาวะแทรกซ้อนต่างๆ อย่างโลหิตจาง (anemia) และภาวะที่กระเพาะไม่สามารถดูดซับสารอาหารได้ตามปกติ อย่างโรคกระเพาะอาหารอักเสบชนิดเป็นแผล (ulcerative colitis) โรคตับ ติดสุรา และจากการฟอกไต
ผลข้างเคียง มีอาการปวดท้อง ท้องร่วง ผื่นขึ้น ปัญหาการนอนหลับ ฉุนเฉียว สับสน คลื่นไส้ พฤติกรรมเปลี่ยน เกิดปฏิกิริยาบนผิวหนัง ชัก เกิดลมในร่างกาย รู้สึกตื่นเต้น และอื่นๆ
ยารักษาโรคไต
Sodamint 300 5x4 oral pc
กลไกการออกฤทธิ์ของยาคือ โซดามินท์ มีตัวยาสำคัญ คือโซเดียม ไบคาร์บอเนต (sodium bicarbonate) เป็นยากลุ่มยาลดกรด โซเดียม ไบคาร์บอเนต ออกฤทธิ์เพิ่มความเป็นด่างของเลือดและปัสสาวะโดยมาจากไบคาร์บอเนต ไอออน ซึ่งสะเทินกับไฮโดรเจน ไอออนที่เป็นกรดให้อยู่ในสภาวะที่เป็นกลาง โซเดียม ไบคาร์บอเนตสามารถสะเทินกรดในกระเพาะอาหารผ่านการสร้างแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (carbondioxide)
ผลข้างเคียง ภาวะเลือดเป็นด่าง อารมณ์เปลี่ยนแปลง เหนื่อยล้า หายใจสั้น กล้ามเนื้ออ่อนแรง การเต้นของหัวใจผิดปกติ เกิดตะคริว กล้ามเนื้อกระตุก ภาวะระดับโซเดียมในเลือดสูง เกิดภาวะไฮเปอร์ออสโมลา (hyperosmolar) ภาวะระดับแคลเซี่ยมในเลือดต่ำ ภาวะระดับโพแทสเซียมในเลือดต่ำ เกิดอาการเกร็งท้อง ท้องอืด
ยานอนหลับ
Lorazepam 1 hs prn
ยาในกลุ่ม benzodiazepines ออกฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง จึงยับยั้งการทำงานของเซลล์ประสาท ส่งผลให้ลดอาการวิตกกังวล ทำให้ง่วงหลับ ต้านอาการชัก คลายกล้ามเนื้อ และอาจเกิดภาวะเสียความจำชั่วขณะ จึงใช้ในการรักษาผู้ป่วยกระวนกระวาย โรควิตกกังวลและโรคชัก
ผลข้างเคียง อาการง่วงซึม มึนศีรษะ อ่อนเพลีย อารมณ์ไม่คงที่
ยารักษาโรคหัวใจ
sosorbide dinitrate 10 mg tab 1x2 oral pc
ผลข้างเคียง อาการปวดศีรษะ มึนงง และอาการคลื่นไส้ อาจจะทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำ
Isosorbide dinitrateเป็นยาในกลุ่ม nitrates ยา Isosorbide dinitrate จะขยายหลอดเลือดทำให้หัวใจสามารถปั๊มเลือดผ่านหลอดเลือดง่ายขึ้น
Bisoprolol Fumarate 2.5 mg tb 1x1 oral pc
เป็นยากลุ่มเบต้าบล็อกเกอร์ ออกฤทธิ์โดยการช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจและช่วยไม่ให้หัวใจทำงานหนักเกินไป ใช้รักษาภาวะความดันโลหิตสูง โดยอาจใช้ร่วมกับยารักษาความดันโลหิตชนิดอื่นด้วย และใช้รักษาภาวะอัตราการเต้นหัวใจผิดปกติ
ผลข้างเคียง หายใจไม่อิ่ม หายใจลำบาก หัวใจเต้นผิดปกติ ใจสั่น สับสน มึนงง ไม่รู้สึกตัว เวียนศีรษะ คล้ายจะเป็นลม ชา มีปัญหาด้านการมองเห็น
ยาลดกรด
Omeprazole 20 mg tab 1x2 oral pc
กลไกการออกฤทธิ์ของยาคือ เป็นโครงสร้างในกลุ่มเบนซิมิดาโซล (benzimidazole) ยับยั้งการหลั่งกรดที่รู้จักกันในชื่อกลุ่มยับยั้งโปรตอนปั๊ม (proton pump inhibitor) ยาขัดขวางการหลั่งกรดในขั้นตอนสุดท้าย โดยเข้ายับยั้งอย่างจำเพาะเจาะจงกับเอนไซม์โปรตอน / โพแทสเซียม เอทีพีเอส (H+/K+ ATPase) ที่เป็นเอนไซม์อยู่บน parietal cell ในกระเพาะอาหาร
ผลข้างเคียง อาจก่อให้เกิดการท้องเสียจากการติดเชื้อ clostridium difficile (CDAD) กระดูกหักที่มีสาเหตุจากกระดูกพรุนปวดศีรษะ ผื่นแดง มึนงง อ่อนเพลีย อาการไอ ปวดหลังหรือปวดท้อง ไม่ควรใช้ยาในผู้ป่วยที่แพ้ยานี้ การใช้ยาเกินขนาดอาจทำให้รู้สึกสับสน ซึมเศร้า อาเจียน คลื่นไส้ ปวดศีรษะ