Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การจัดการระบบสารสนเทศในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและก…
การจัดการระบบสารสนเทศในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดนครศรีธรรมราช
ผลการวิจัย
- ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่า เป็นครูผู้สอน 132 คน คิดเป็นร้อยละ ร้อยละ 87.4 และผู้บริหาร 19 คน คิดเป็นร้อยละ 12.6
- ผลการวิเคราะห์การจัดการระบบสารสนเทศในสถานศึกษาสังกัดสําานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดนครศรีธรรมราช ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (= 4.37, S.D.= 0.07) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านโดยเรียงตามลําาดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า ด้านการตรวจสอบข้อมูล อยู่ในระดับมาก (= 4.42, S.D.= 0.12) ด้านการวิเคราะห์ข้อมูล อยู่ในระดับมาก (= 4.41, S.D.= 0.19) ด้านการจัดเก็บข้อมูล อยู่ในระดับมาก (= 4.41, S.D.= 0.17) ด้านการเก็บรวบรวมข้อมูล อยู่ในระดับมาก (= 4.37, S.D.= 0.12) ด้านการประมวลผลข้อมูล อยู่ในระดับมาก (= 4.32, S.D.= 0.19) ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ด้านการนําาข้อมูลไปใช้ อยู่ในระดับมาก (= 4.31,S.D.= 0.26)
- ผลการวิเคราะห์เพื่อเปรียบเทียบการจัดการระบบสารสนเทศในสถานศึกษาสังกัดสําานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดนครศรีธรรมราช จําาแนกตามตําาแหน่ง โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการจัดการระบบสารสนเทศในสถานศึกษา สังกัดสําานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดนครศรีธรรมราช กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ ผู้บริหาร จําานวน 19 คนและครูผู้สอน จําานวน 132 คน ที่สังกัดสําานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดนครศรีธรรมราช รวมทั้งสิ้น 151 คน ปีการศึกษา 2555เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถามการจัดการระบบสารสนเทศหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบาคได้เท่ากับ 0.98 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการจัดการระบบสารสนเทศในสถานศึกษา สังกัดสําานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดนครศรีธรรมราช**
ระเบียบวิธีวิจัย
- กลุ่มตัวอย่างกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา จําานวน 19 คน และครูผู้สอน จําานวน 132 คนในสถานศึกษาสังกัดสําานักงานการศึกษานอกนอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดนครศรีธรรมราช ปีการศึกษา 2555 รวมทั้งสิ้น 151 คน กําาหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางเครซี่และมอร์แกน
- เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล แบ่งเป็น 2 ตอน คือ ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป ตอนที่ 2 แบบสอบถามการจัดการระบบสารสนเทศในสถานศึกษาสังกัดสําานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดนครศรีธรรมราชแบ่งออกเป็น 6 ด้านคือ การเก็บรวบรวมข้อมูล การตรวจสอบข้อมูล การประมวลผลข้อมูล การจัดเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และการนําาข้อมูลไปใช้ จําานวน 55 ข้อ ซึ่งมีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า (rating rcale)
- การสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
การสร้างเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลดําาเนินการดังนี้
- ศึกษาจากตําารา เอกสาร ทฤษฎี งานวิจัยที่เกี่ยวกับการจัดการระบบสารสนเทศในสถานศึกษา
- กําาหนดนิยามเฉพาะเพื่อการศึกษา
- ศึกษาเทคนิค วิธีการสร้างเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยเพื่อเป็นแนวทางในการสร้างแบบสอบถาม (บุญชม ศรีสะอาด,2545) แล้วจัดเข้ามาตราส่วนประมาณค่า (rating scale) ตามวิธีของลิเคอร์ท (likert) มีอยู่ 5 ระดับคือ 5 หมายถึง ระดับ การจัดการระบบสารสนเทศมากที่สุด4 หมายถึง ระดับ การจัดการระบบสารสนเทศมาก3 หมายถึง ระดับ การจัดการระบบสารสนเทศปานกลาง2 หมายถึง ระดับ การจัดการระบบสารสนเทศน้อย1 หมายถึง ระดับ การจัดการระบบสารสนเทศน้อยที่สุด
- นําาแบบสอบถามฉบับร่างเสนอกรรมการที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์เพื่อตรวจสอบแก้ไข
- นําาแบบสอบถามที่ผ่านการพิจารณากรรมการที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ แล้วเสนอให้ผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน ตรวจสอบสําานวนการใช้ภาษา และความสอดคล้องของเนื้อหาและนําาแบบสอบถามไปหาค่า IOC (Index of item – objective congruence : IOC) (พวงรัตน์ ทวีรัตน์, 2543) ได้ค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่าง 0.60 ถึง 1.00
- นําาแบบสอบถามมาปรับปรุงตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 ท่าน และดําาเนินการปรับปรุงแก้ไข แล้วนําาเสนอกรรมการที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์เพื่อตรวจพิจารณา
- นําาแบบสอบถามที่จัดทําาสมบูรณ์แล้วนําาไปทดลองใช้กับประชากร ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอนในสถานศึกษาสังกัดสําานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ไม่ใช่กลุ่มประชากร จําานวน 30 คน โดยหาค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามใช้สูตรสัมประสิทธิ์แอลฟ่า (Alpha Coefficient) ของครอนบาค (Cronbach) (บุญชม ศรีสะอาด, 2545) ซึ่งได้ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.98
- นําาแบบสอบถามที่ผ่านการทดลองใช้แล้วมาปรับปรุงแก้ไขให้เรียบร้อยแล้วนําาเสนอต่อคณะกรรมการที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ตรวจสอบความเรียบร้อยครั้งสุดท้าย
- นําาแบบสอบถามที่ถูกต้องสมบูรณ์มาจัดพิมพ์แบบสอบถามฉบับจริงแล้วนําาไปเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจัยต่อไป
- การเก็บรวบรวมข้อมูลผู้วิจัย
ได้ดําาเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล ดังนี้
- นําาหนังสือจากสําานักงานบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช ส่งสําานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขอความอนุเคราะห์ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
- ดําาเนินการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง โดยนําาหนังสือจากสําานักงานบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราชและแบบสอบถามไปให้ด้วยตัวเอง
- รับเอกสารด้วยตัวเอง
- รวบรวมแบบสอบถามที่ได้รับคืนมาตรวจสอบความครบถ้วนสมบูรณ์และดําาเนินการขั้นต่อไป
5. การวิเคราะห์ข้อมูล :
การศึกษาวิจัยครั้งนี้เมื่อผู้วิจัยได้รับแบบสอบถามคืนครบตามกําาหนด และตรวจสอบความสมบูรณ์ ตรวจสอบให้คะแนน ลงรหัสในแบบสอบถามแล้วจึงนําาไปสู่การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมสําาเร็จรูป โดยแบ่งการวิเคราะห์ข้อมูลดังนี้
- วิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม นําามาหาความถี่และค่าร้อยละ
- วิเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการระบบสารสนเทศในสถานศึกษา แบบมาตราส่วนประมาณค่า (rating scale) ผู้วิจัยวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ย (mean) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation)
- วิเคราะห์เปรียบเทียบการจัดการระบบสารสนเทศในสถานศึกษา จําาแนกตามบทบาทหน้าที่ของบุคลากร ในสถานศึกษา ในการหาค่าจากการทดสอบ t-test
อภิปรายผล
จากการศึกษาการจัดการระบบสารสนเทศในสถานศึกษาสังกัดสําานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดนครศรีธรรมราช มีประเด็นที่ได้นําามาอภิปรายผล ดังนี้
- การจัดการระบบสารสนเทศในสถานศึกษาสังกัดสําานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดนครศรีธรรมราช ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า แต่ละด้านอยู่ในระดับมากทุกด้าน และด้านที่มีการดําาเนินการมากที่สุด คือด้านการตรวจสอบข้อมูล ด้านการจัดเก็บข้อมูล และด้านการวิเคราะห์ข้อมูล และด้านการเก็บรวบรวมข้อมูล ตามลําาดับ สอดคล้องกับจันทร์พร เสงี่ยมพักตร์ (2549) ศึกษาการจัดการระบบสารสนเทศของสถานศึกษาในอําาเภอเมืองเชียงใหม่ พบว่า ส่วนใหญ่ได้วางแผนในการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ กําาหนดวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูล แต่งตั้งผู้รับผิดชอบในการเก็บรวบรวมข้อมูลและใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เก็บรวบรวมข้อมูล
- การวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างของการจัดการระบบสารสนเทศในสถานศึกษาสังกัดสําานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดนครศรีธรรมราช จําาแนกตามตําาแหน่ง พบว่า ผู้บริหารและครูผู้สอน จําาแนกตามตําาแหน่งเกี่ยวกับการจัดการระบบสารสนเทศในสถานศึกษาสังกัดสําานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยภาพรวมไม่มีความแตกต่างกัน และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านก็พบว่า ทุกด้านไม่แตกต่างกัน ที่ผลเป็นเช่นนี้เพราะสถานศึกษามีการดําาเนินการการจัดการระบบสารสนเทศในสถานศึกษาในแต่ละด้านอยู่ในระดับมากทุกด้าน สอดคล้องกับ สมยศ คชฤทธิ์ (2548) ศึกษาสภาพและปัญหาการบริหารระบบสารสนเทศทางการศึกษาของสถานศึกษา สังกัดสําานักงานเขตพื้นที่การศึกษาสระบุรี เขต 1 พบว่าสภาพการบริหารระบบสารสนเทศทางการศึกษาของสถานศึกษา จําาแนกตามตําาแหน่งในการปฏิบัติงาน ไม่แตกต่างกัน จําาแนกตามวุฒิการศึกษาไม่แตกต่างกันจําาแนกตามขนาดสถานศึกษา ไม่แตกต่างกัน ในขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูล การตรวจสอบข้อมูล และ การนําาข้อมูลสารสนเทศไปใช้ แต่แตกต่างกันอย่างมีนัยสําาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ในขั้นตอนการจัดกระทําาข้อมูล จําาแนกตามประสบการณ์ในการทําาบริหารระบบสารสนเทศทางการศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษาและผู้ปฏิบัติงานด้านระบบสารสนเทศของสถานศึกษาแตกต่างกันอย่าง มีนัยสําาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 จําาแนกตามประสบการณ์การอบรมด้านสารสนเทศของสถานศึกษา แตกต่างกันอย่างมีนัยสําาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ปัญหาการบริหารระบบสารสนเทศทางการศึกษาของสถานศึกษา จําาแนกตามตําาแหน่งในการปฏิบัติงาน ไม่แตกต่างกัน จําาแนกตามวุฒิการศึกษา แตกต่างกันอย่างมีนัยสําาคัญทางสถิติที่ระดับ .05
สรุป
ผลการวิจัยสรุปได้ว่า การจัดการระบบสารสนเทศในสถานศึกษาสังกัดสําานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการเก็บรวบรวมข้อมูล 2) ด้านการตรวจสอบข้อมูล 3) ด้านการประมวลผลข้อมูล 4) ด้านการจัดเก็บข้อมูล 5) ด้านการวิเคราะห์ข้อมูล 6) ด้านการนําาไปใช้ พบว่า ภาพรวมอยู่ในระดับมาก ผลเปรียบเทียบการจัดการระบบสารสนเทศในสถานศึกษาสังกัดสําานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดนครศรีธรรมราช จําาแนกตามตําาแหน่ง โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะในการนําาผลการวิจัยไปใช้ 1. จากผลการศึกษาการจัดการระบบสารสนเทศในสถานศึกษาสังกัดสําานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดนครศรีธรรมราช ในแต่ละด้านนั้นสถานศึกษาสามารถดําาเนินการได้ในระดับมากที่สุดทุกด้าน จึงควรที่จะดําาเนินการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง2. จากผลการศึกษาการจัดการระบบสารสนเทศในสถานศึกษาสังกัดสําานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดนครศรีธรรมราช ควรมีการหาแนวทางในการปรับปรุง และแก้ไข ในการนําาข้อมูลภายนอกสถานศึกษาไปใช้ ในการตัดสินใจและวางแผนปฏิบัติงาน
ข้อเสนอแนะเพื่อการวิจัยครั้งต่อไป
- จากผลการวิจัยการทําาแบบประเมินการจัดการระบบสารสนเทศในสถานศึกษาสังกัดสําานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก ดังนั้นควรจะศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารจัดการระบบสารสนเทศกับประสิทธิผลของการจัดการศึกษาเพิ่มเติม
- ควรศึกษาการติดตามการจัดการระบบสารสนเทศในสถานศึกษาสังกัดสําานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดอื่นๆ ด้วย