Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 5 /2 พยาธิสรีรวิทยาของระบบกระดูกและข้อต่อ - Coggle Diagram
บทที่ 5 /2 พยาธิสรีรวิทยาของระบบกระดูกและข้อต่อ
การบาดเจ็บของกระดูกและกล้ามเนื้อ (Skeletal trauma)
ข้อหลุดและข้อเคลื่อน
ข้อเคลื่อน (joint subluxation)
คือการที่ผิวของข้อเคลื่อนออกจากการแต่ยังมีบางส่วนสัมผัสกันอยู่
ข้อหลุด (joint dislocation)
คือการที่ผิวหน้าของกระดูกหนึ่งชิ้นหรือมากกว่าเคลื่อนออกจากการยึด ติดกัน ผิวหน้าของกระดูกจึงไม่สัมผัสกัน
พยาธิสรีรวิทยา
ข้อหลุด ข้อเคลื่อนมักเกิดร่วมกับกระดูกหักเนื่องจากมีแรงมากระทำที่กระดูก จึงเกิดการบวมช้ำ หลอดเลือด เส้นประสาท เส้นเอ็นหรือเนื้อเยื่อฉีกขาด หากมีการทำลายเส้นประสาทอาจเป็นผลทำให้เกิด อาการอัมพาตของกล้ามเนื้อต้นได้
อาการและอาการแสดง
อาการปวดบวมเคลื่อนไหวได้จำกัดไม่สามารถขยับข้อได้ในบางทิศทางของข้อที่ผิดรูปไม่สามารถใช้งานข้อนั้น ได้อาการปวดเกิดจากสารคัดหลั่งในบริเวณที่อักเสบ การฉีกขาดของเส้นเอ็นและข้อต่อถ้ากล้ามเนื้อหดตัว
ข้อเคล็ด (sprains) ข้อแพลง (strains)
ข้อเคล็ด (sprains) คือ การฉีกขาดของเส้นเอ็นชนิด tendon และ ligament เยื้อหุ้มข้อ
ข้อแพลง (strains) อแพลงคือการฉีกขาดของกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นชนิด tendon
พยาธิสรีรวิทยา
เมื่อ tendon หรือ ligament ฉีกขาดจะเกิดการอักเสบและหลั่ง exudate ระหว่างส่วนที่ฉีกขาด การ สร้าง granulation tissue จะประกอบด้วย macrophage, fibroblast หลอดเลือดเจริญเข้าไปด้านใน เนื้อเยื่อและกระดูกอ่อน มีการสร้าง collagen ภายใน 4-5 วันหลังบาดเจ็บ การซ่อมแซมเองจะแยกคนละส่วน กับเนื้อเยื่อรอบ ๆ ใช้เวลา 4-5 สัปดาห์
อาการและอาการแสดง
เกรด 1 ใยของเส้นเอ็นฉีกขาดบางส่วนมีผลต่อการทำหน้าที่
เกรด 2 ใยของเส้นเอ็นฉีกขาดหลายเส้น ทำให้เกิดอาการปวดและสูญเสียการทำหน้าที่
เกรด 3 ใยของเส้นเอ็นฉีกขาดหมด เกิดอาการปวด บวมและสูญเสียการทำหน้าที่
Carpal Tunnel Syndrome (CTS)
เป็นอาการที่เกี่ยวข้องกับ flexor tendon ที่ข้อมือบริเวณ carpal bone ของข้อมือจะมีเอ็นชื่อ flexor retinaculum และ long flexor tendons ซึ่งเป็น synovial sheath ถ้าปลอกหุ้ม muscle tendon หนาตัวขึ้นหรือมีน้ำหล่อเลี้ยงภายนอกในช่องนี้ลดลง จะกด median nerve ทำให้เกิดอาการปวด ชาตั้งแต่ ข้อมือลงไปถึงฝ่ามือและนิ้วมือ
อาการและอาการแสดง
จะมีอาการปวดและชาตั้งแต่ข้อมือลงไปถึงฝ่ามือและนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางบางส่วน ส่วนใหญ่แล้วเริ่มมีอาการตอนกลางคืนหรือตอนเช้า อาการทุเลาลงตอนสาย
ความผิดปกติทางเมตาบอลิซึมของกระดูก (metabolic bone disease)
โรคกระดูกพรุน (osteoporosis)
โรคที่เนื้อเยื่อกระดูกมีการตกผลึกของร่าตุต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้าง กระดูกเป็นปกติ แต่ความหนาแน่นของมวลกระดูกลดลง มีการเสื่อมของโครงสร้างภายในประดูก trabecular ของ spongy bone และ compact bone บางลงทำให้กระดูกไม่แข็งแรง
ชนิดของโรคกระดูกพรุน
โรคกระดูกพรุนเหตุปฐมภูมิ
หมายถึง โรคกระดูกพรุนที่ไม่ทราบสาเหตุการ เกิดอย่างแน่ชัด มีความเกี่ยวข้องกับวัยหมดประจำเดือน ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
ความสูงอายุ
ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนในเพศหญิง
โรคกระดูกพรุนเหตุทุติภูมิ
โรคกระดูก พรุนที่มีสาเหตุมาจากโรค หรือจากการใช้ยาที่มีผลทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน พบในเพศชาย
สาเหตุที่พบบ่อย
โรคไตเรื้อรัง
การใช้ยาบางชนิด โดยเฉพาะกลุ่ม steroid, aromatase inhibitor, androgen deprivation
โรคมะเร็งกระดูก
พยาธิสรีรวิทยา
โรคกระดูกพรุนเกิดจากความไม่สมดุลระหว่างอัตราการสร้างและการสลายกระดูก กลไกการทำลาย กระดูกมี 2 วิธีคือ การสลายกระดูกอย่างรวดเร็วและอย่างช้า ๆ
อาการและอาการแสดง
ไม่แสดงอาการ อาจพบอาการเมื่อเกิดภาวะกระดูกหักเนื่องจากภาวะกระดูกพรุน (osteoporotic fracture) โดยเฉพาะการหักข้อข้อสะโพก ข้อมือ
กระดูกสันหลังยุบตัวลง ทำให้เกิดอาการหลังโก่ง (kyphosis) ส่วนสูงลดลง
อาการปวดกระดูก
โรคกระดูกน่วม (osteomalacia)
ป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเมตาบอลิซึมของกระดูก (metabolic bone disease) จากความ ไม่เพียงพอและความล่าช้าของการรวมตัวกันของแร่ธาตุ
โรคกระดูกน่วม (osteomalacia) เกิดจากการขาดแคลเซียม ฟอสฟอรัสและวิตามินดี ทำให้ไม่เกิด การรวมตัวกันของแร่ธาตุเพื่อตกผลึกเป็นกระดูกใหม่ โดยที่ปริมาตรของกระดูกไม่เปลี่ยนแปลง กระดูกใหม่ที่ สร้างมาแทนที่กระดูกเก่ามีความยืดหยุ่นน้อยกว่า
พยาธิสรีรวิทยา
การสร้างกระดูกต้องใช้แคลเซียมและฟอสฟอรัส ดังนั้นเมื่อขาดวิตามินดีอาจมีสาเหตุมาจากลำไส้ดูด ซึมวิตามินลดลง ทำให้ระดับแคลเซียมในพลาสมาลดลงจึงกระตุ้นการหลั่งพาราไทรอยด์ฮอร์โมนซึ่งมีผลทำให้ ระดับแคลเซียมพลาสม่าสูงขึ้นแต่ฟอสฟอรัสถูกขับออกทางไตมากขึ้น เมื่อระดับฟอสเฟตต่ำลงจึงไม่สามารถ สร้างกระดูกที่แข็งแรงได้
อาการและอาการแสดง
มีอาการปวด กดเจ็บที่กล้ามเนื้อและกระดูก ปวดหลัง กล้ามเนื้ออ่อนแรง ขาโก่งงอ ถ้าได้รับบาดเจ็บ เพียงเล็กน้อยอาจทำให้เกิดกระดูกหักได้
ความผิดปกติของข้อ (disorder of joint)
โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis)
การเสื่อมของกระดูกอ่อนผิวข้อ จากการเสียดสี การถูกทำลาย ทำให้กระดูก อ่อนผิวข้อบางลง กระดูกข้อเกิดการเสียดสีกันเวลาเคลื่อนไหวข้อทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดข้อ
ปัจจัยเสี่ยงของโรคข้อเสื่อม
การบาดเจ็บบริเวณข้อเข่าโดยตรง
การใช้งานข้อเข่า เป็นการใช้งานข้อที่มากเกินไป หรือการใช้งานข้อที่ผิดวิธี
น้ำหนักตัวมาก
เพศและอายุ
ชนิดของข้อเสื่อม
ข้อเข่าเสื่อมปฐมภูมิ (idiopathic osteoarthritis) เป็นความเสื่อมที่ไม่สามารถอธิบายสาเหตุการเกิด โรคที่ชัดเจน
ข้อเข่าเสื่อมทุติยภูมิ (secondary osteoarthritis) เป็นความเสื่อมที่เกิดจากการเคยได้รับอุบัติเหตุ กระดูกหักแล้วทำให้มีรอยแผลพาดผ่านบริเวณข้อทำให้ผิวข้อไม่เรียบ
พยาธิสรีรวิทยา
สร้างโปรตีน proteoglycan, glycosaminoglycan และคอลลาเจนจึงลดลงส่งผลให้กระบวนการสร้างและ ซ่อมแซมภายในข้อลดลงพบว่ากระดูกที่อยู่ใต้กระดูกอ่อนมีความหนาขึ้นเกิดกระดูกงอกที่รอบ ๆ ข้อซึ่งกระดูก ของเกิดการระคายเคืองต่อเยื่อหุ้มข้อทำให้เยื่อหุ้มหนาตัวขึ้นมีการอักเสบของเยื่อหุ้มข้อทำให้ข้อบวม เคลื่อนไหวได้น้อยลง
อาการและอาการแสดง
อาการปวดแบบเรื้อรัง เกิดจากกระบวนการถูกทำลายของกระดูกอ่อนร่วมกับการงอกใหม่ของ กระดูก
ความเจ็บปวด ได้แก่ ฮีสตามีน (histamine) โพรสตาแกลนดิน (prostaglandin) และ แบรดดีไคนิน (bradykinin) ซึ่งสารเหล่านี้มีผลกระตุ้นตัวรับความเจ็บปวด(pain receptor) ที่กระจายอยู่ตามกล้ามเนื้อรอบ เข่า
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (rheumatoid arthritis)
มีการอักเสบทำลายเยื่อบุข้อ กระดูกอ่อนผิวข้อ และแสดงอาการอักเสบทั่วร่างกาย บางครั้งมีการติดเชื้อร่วมด้วย rheumatoid arthritis จัดเป็นโรคข้อเสื่อม ชนิดที่มีการอักเสบแต่ไม่มีการติดเชื้อเกิดจากปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (autoimmune disease) และ ภูมิไวเกิน (hypersensitivity)
พยาธิสรีรวิทยา
การเปลี่ยนแปลงมีความผิดปกติของ T Cell ทำให้ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันที่ปกติแต่กลายเป็น ภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง เรียกว่า rheumatoid factor (RFs) โดย RFs จะจับกับแอนติเจนของตนเองในเลือด และในเยื่อหุ้มข้อกลายเป็นแอนติเจนแอนติบอดีคอมเพล็กซ์
อาการและอาการแสดง
เช่นอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด มีผื่น ต่อมน้ำเหลืองและ ม้ามโต ข้อแข็ง ปวดและกดเจ็บ ข้อบวมเกิดจากเยื่อบุข้อแบ่งตัวและเจริญเติบโต มีการสร้างกระดูกใหม่ลุกลาม
โรคเก๊าต์ (Gouty arthritis)
เก็าต์เป็นกลุ่มโรคที่มีสาเหตุจากการตอบสนองด้วยการอักเสบต่อปริมาณการสร้างกรดยูริกที่เพิ่มขึ้นใน ร่างกายหรือการขับปริมาณยูริคทิ้งมากเกิดขึ้น มีผลทำให้กรดยูริคในเลือดมีปริมาณสูงขึ้นเรียกว่าภาวะกรดยูริก เกินในเลือด (hyperuricemia) ในของเหลวส่วนอื่น ๆ ในร่างกายรวมทั้งในไขข้อ เมื่อปริมาณกรดยูริคสูงขึ้น จนถึงจุดจุดหนึ่ง กรดยูริกจะรวมตัวกันและตกผลึกสะสมอยู่ภายในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันทั่วร่างกาย
พยาธิสรีรวิทยา
พยาธิสรีรวิทยาของโรคเก๊าท์มีความสัมพันธ์กับเพียวรีน เมตาบอลิซึมและการทำงานของไตในระดับ เซลล์ เพียวรีนถูกนำไปสังเคราะห์เป็นเพียวรีนนิวคลีโอไทด์ ซึ่งถูกนำไปใช้ในการสังเคราะห์ Adenosine triphosphate ( ATP) , Cyclic Adenosine Monophosphate (AMP), Cyclic Guanosine Monophosphate (GMP) กรดยูริคเป็นผลิตผลที่เกิดจากการสลายเพียวรีนนิวคลีโอไทด์ ในผู้ป่วยโรคเก๊าท์
บางคนมีอัตราการสังเคราะห์เพียวรีนเพิ่มขึ้นร่วมกับการสร้างกรดยูริคเพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้ป่วยบางคนมีอัตรา การสลายเพียวรีนมากกว่าปกติมีผลให้ปริมาณกรดยูริคเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ปริมาณกรดยูริคที่เพิ่มขึ้นมีผลทำให้ ปริมาณกรดนิวคลีอิกเพิ่มขึ้นซึ่งเกิดร่วมกับการสร้างและการทำลายเซลล์ในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายเพิ่มขึ้น
อาการและอาการแสดง
ระดับยูริคในเลือดสูงขึ้น
มีการอักเสบของข้อลักษณะเป็นข้อเดี่ยว ๆ
พบผลึกเก๊าท์หรือที่เรียกว่า Tophi รอบๆ ข้อ
อาการแสดงแบ่งออกเป็น 3 ระยะคือ
ระยะที่ไม่แสดงอาการแต่พบมีกรดยูริคในเลือดสูง ไม่พบ Tophi นิ่วในไตหรือการอักเสบของข้อ อาจ คงอยู่ในระยะนี้ตลอดชีวิต
ระยะข้ออักเสบเฉียบพลัน เมื่อกรดยูริคในเลือดสูงขึ้นทำให้เกิดการอักเสบของข้อ อาจมีสิ่งกระตุ้นได้
ระยะที่พบ Tophi ข้อกระดูกอ่อน เนื้อเยื่ออ่อน
อาการแสดงของเก๊าต์จะเกิดแบบเฉียบพลัน ปวดมาก พบบ่อยที่นิ้วหัวแม่เท้า ส้นเท้าข้อเท้า เข่า ข้อมือ มีอาการปวดบวมแดงร้อนมีการอักเสบที่ชัดเจน