Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
อวัยวะรับสัมผัส - Coggle Diagram
อวัยวะรับสัมผัส
ตา EYE
ตา เป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ในการมองเห็น ลูกตามีอยู่สองข้างอยู่ภายในเบ้าตา มีรูปร่างค่อนข้างกลมขนานเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 24 มิลลิเมตร
-
ต้อหิน GLAUCOMA
สาเหตุ
-มีการคั่งของน้ำเอเควียสจากโครงสร้างตาผิดปกติ
-ความผิดปกติของ trabecular meshwork ตั้งแต่กำเนิด
-มีความเสื่อมของเนื้อเยื่อภายในลูกตา
-การใช้ยาที่มีสารฮอร์โมนพวกคอร์ติโคสเตียรอยด์ติดต่อเป็นเวลานาน
-มีต้อกระจกสุกหรือต้อกระจกสุกงอม
-เนื้องอกในลูกตา
-อุบัติเหตุในตา
อาการและอาการแสดง
-ต้อหินระยะเฉียบพลัน มีอาการปวดศรีษะมาก ปวดตามากสู้แสงไม่ได้ ตามัวลงคล้ายหมอกมาบัง บางคนมองเห็นแสงสีรุ้งรอบๆดวงไฟ เนื่องจากมีน้ำเข้าแทรกอยู่ในกระจกตา
-ต้อหินระยะเรื้อรัง ความดันของลูกตาสูงขึ้นเล็กน้อย ผู้ป่วยอาจไม่รู้สึกอาการอะไร บางคนรู้สึกมึนศรีษะ ตาพร่ามัว รู้สึกเพลียตา ไม่มีอาการปวด ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของลานสายตา ลานสายตาจะค่อยๆ แคบลง
การพยาบาลผู้ป่วยต้อหิน
-อธิบายให้เข้าใจเกี่ยวกับโรคและรักษา
-การเตรียมตัวก่อนการยิงเลเซอร์
-หากมีอาการตาแดง น้ำตาไหล ปวดตามาก ตามัวลง หรือตาสู้แสงไม่ได้ให้มาตรวจก่อนวันนัด
-สอนวิธีการหยอดตาอย่างมีประสิทธิภาพ
-แนะนำให้ใส่แว่น หลีกเลี่ยงการขยี้ตา หลังทำเลเซอร์
ต้อกระจก Cataract
สาเหตุ
-การเสื่อมตามวัย
-ความผิดปกติโดยกำเนิด
-เกิดจากสาเหตุอิ่นๆ โดนกระทบกระเทือนอย่างแรงที่ลูกตา หรือโดนของมีคมทิ่มแทงทะลุตาและไปโดนเลนส์ตา
อาการและอาการแสดง
-ตามัว ลงช้า ๆโดยไม่รู้สึกเจ็บปวด
-มองเห็นภาพซ้อน เนื่องจากแก้วตาที่ขุ่นจะทำให้การหักเหของแสงเปลี่ยนไป
การรักษา
ต้อกระจกไม่มีการรักษาด้วยยา มีวิธีเดียวเท่านั้น คือ การผ่าตัดเอาแก้วตา ที่ขุ่นออก ซึ่งเรียกว่า ลอกต้อกระจก
ชนิดของการผ่าตัด
- Intracapsular cataract extraction (IICE)
- Extracapsular cataract extraction (ECCE)
- Phacoemulsification with Intraocular Lens (PE C IOL)
การพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดต้อกระจก
-จัดท่านอนให้ผู้ป่วยไม่นอนทับบริเวณตาที่ได้รับการผ่าตัด
-หลีกเลี่ยงการไจามแรงๆ
-ต้องระมัดระวังการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
-รับประทานอาหารอ่อนงดอาหารแข็งเหนียวที่ต้องออกแรงเคี้ยวจนกว่าลจะหายประมาณ 2 สัปดาห์
-ห้ามเบ่งถ่ายอุจจาระ
การพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดต้อกระจก เมื่อกลับบ้าน
-ระวังอย่าให้น้ำกระเด็นเข้าตา
-ค่อยๆแปรงฟันไม่สั่นศรีสะไปมา
-หลีกเลี่ยงอาหารแข็ง
-หลีกเลี่ยงยกของหนักมากกว่า 5 kg
-ไม่ควรใช้สายตานานเกิน 1 ชั่วโมง
-เน้นกลางคืนปิดฝาครอบตา กลางวันใส่แว่นตาสีชาหรือสีดำ
จอประสาทตาลอก
สาเหตุ
-มีการเสื่อมของจอประสาทหรือน้ำวุ้นตา
-การได้รับอุบัติเหตุถูกกระทบกระเทือนบริเวณที่ตา หรือของแหลมทิ่ม
-
การรักษา
-การจี้ด้วยความเย็น
-การฉีดก๊าซเข้าไปในตา
-การผ่าตัดหนุนจอประสาท
การพยาบาล เมื่อกลับบ้าน
-การทำความสะอาดใบหน้า ควรทำความสะอาดใบหน้าโดยใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาดๆ เช็ดหน้าเบา ๆเฉพาะข้างที่ไม่ได้ผ่าตัด
-หลังการผ่าตัด 2 เดือนแรก ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่หักโหม
-
แผลที่กระจกตา
สาเหตุ
-อุบัติเหตุ
-กระจกตามีภูมิต้านทานต่อเชื้อโรคต่ำ
-มีความผิดปกติของกระจกตา
-ตาปิดไม่สนิทขณะหลับ
-ความผิดปกติบริเวณหนังตา
-โรคทางกายที่ทำให้ภูมิคุ้มกันทั้งร่างกายบกพร่องลง
-การใส่เลนส์สัมผัส
อาการและอาการแสดง
-ผุ้ป่วยจะมีอาการปวดตา เคืองตา กลัวแสง น้ำตาไหล ตาแดงแบบใกล้ตาดำ ตาพร่ามัว กระจกตาขุ่น และอาจพบหนองในช่องหน้าม่านตา
การรักษา
-หาเชื้อโรคที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ
-กำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดแผลบริเวณกระจกตา
-ส่งเสริมให้เกิดการแข็งแรงของร่างกาย เช่น รับประทานวิตามินซี รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง
-บรรเทาอาการปวดโดยให้รับประทานยาแก้ปวด
การพยาบาล
-แยกเตียง ของใช้ และยาหยอดตาของผู้ป่วยใช้เป็นส่วนตัว
-เช็ดตาวันละ 1-2 ครั้ง
-หยอดตาตามแผนการรักษาอย่างเคร่งครัด
-แนะนำผู้ป่วยห้ามขยี้ตา อย่าให้น้ำเข้าตา
-ให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนและได้รับอาหารที่เพียงพอ
-ตรวจเยี่ยมผู้ป่วยสม่ำเสมอ
หู
กลไกการได้ยิน
ทางแรกคือการได้ยินเสียงผ่านทางอากาศ (Air conduction pathway)เสียงจะเริ่มจากใบหู ซึ่งจะป้องให้เสียผ่านเข้ารูหูไปกระทบแก้วหู ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนไปตามกระดูกหูทั้ง 3 ชิ้น แล้วผ่าน Oval window เข้าไปยังหูชั้นใน
ทางที่สองคือการได้ยินเสียงผ่านกระดูก (bone conduction pathway)เสียงจากการสั่นของกระดูกจะวิ่งผ่านกระดูกมาสตอยด์ เข้าไปถึงหูชั้นในบริเวณ cochlea โดยธรรมชาติแล้วการได้ยินเสียงผ่านทางอากาศจะดีกว่าการได้ยินเสียงผ่านทางกระดูก
-
การสูญเสียการได้ยิน
หมายถึง ภาวะที่มีความบกพร่องในกลไกของการได้ยิน ทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาในการฟัง หูอื้อ ได้ยินไม่ชัด หรือมีเสียงดังในหู พบได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยชรา
ประเภทของการสูญเสียการได้ยิน
-การสูญเสียการได้ยินแบบการนำเสียงทางอากาศบกพร่อง
-การสูญเสียการได้ยินแบบประสาทหูเสื่อม
-การรับฟังเสียงบกพร่องแบบผสม (Mixed Hearing Loss)
-ความบกพร่องที่สมองส่วนกลาง (Central Hearing Loss)
-
-
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดภายในหูชั้นกลางก่อนจำหน่ายกลับบ้าน
-ห้ามสั่งน้ำมูก 2-3 สัปดาห์หลังผ่าตัด เพื่อป้องกันสิ่งที่ซ่อมแซมหลุด
-เวลาไอและจามควรเปิดปากทุกครั้งอย่างน้อย 2-3สัปดาห์หลังผ่าตัด
-ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำงานหลังผ่าตัด 2-3 วัน แต่ห้ามทำงานใช้แรงมากเกินไป
-ภายหลังผ่าตัด 3-5 สัปดาห์ อาจยังเป็นปปกติที่จะมีเสียงดังเปรียะหรือเสียงซ่าภายในหูเกิดขึ้น
-หลังผ่าตัด 2 สัปดาห์ ดูแลอย่าให้น้ำเข้าหู หลีกเลี่ยงการสระผม 2-3 วัน หลังผ่าตัด ถ้าให้ปลอดภัยควรหลีกเลี่ยงการสระผมจนกว่าจะตัดไหม 1 สัปดาห์
การได้กลิ่น Smelling
โมเลกุล ช่องโพรงจมูก สัมผัสกับขนของเซลล์รับความรู้สึกในการดมกลิ่นซึ่งอยู่ที่เยื่อบุโพรงจมูก
ด้านบน ไปไซแนปส์กับเซลล์ประสาทรับกลิ่น ซึ่งจะเปลี่ยนกลิ่นเป็นประแสประสาท วิ่งไปตามเส้นประสาทสมองคู่ที่ 1 แปลผลที่ศูนย์การดมกลิ่น
เลือดกำเดา Epistaxis
สาเหตุุ เป็นภาวะที่เลือดออกมาทางจมูก จากการฉีกขาดของหลอดเลือดที่เยื่อบุจมูกซึ่งมากจากการได้รับบาดเจ็บ การมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไป และการมีความผิดปกติของการเข็งตัวของเลือด
อาการและอาการแสดง
-เลือดออกจากผนังกั้นจมูกส่วนหน้า พบมากในเด็กและคนหนุ่มสาว
-เลือดออกจากผนังกั้นจมูกส่วนหลัง พบในผู้สูงอายที่มีโรค HT หรือโรคในกลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดดำทำให้เลือดออกง่ายหยุดยาก
การรักษา
-การใช้สารเคมีหรือไฟฟ้าจี้สกัดจุดที่มีเลือดออก
-การใช้ Anterior nasal packing คือ การใส่ผ้ากอซที่มียาปฏิชีวนะเพื่อไปอุดตำแหน่งเลือดออก
การพยาบาลหลังการรักษา
-หลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนบริเวณจมูก
-ภายหลังการนำเอาตัวกดเลือดออก ควรนอนพักนิ่งๆ ก่อน 2-3 ชั่วโมง ห้ามยกของหนักและการออกกำลังกายโดยใช้แรงมากๆ อย่างน้อย 4-6 สัปดาห์หลังมีเลือดออก
ริดสีดวงจมูก Nasal polyp
-
-
-
-
การรักษา
-ใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์พ่นจมูก เพื่อทำให้ยุบลง และผ่าตัดPolypectomy โดยใช้ Snaring คือการใช้ลวดคล้องและดึงออก
ไซนัส Sinusitis
หมายถึง โพรงหรือช่องอากาศที่อยู่ในกระดูกของหน้ามีทางติดต่อกับช่องจมูกเรียกว่ารูเปิดของไซนัส คนมีไซนัสอยู่ 4 คู่ คือ
1.Maxillary sinus มีขนาดใหญ่ที่สุด อยู่ที่แก้มทั้ง 2 ข้าง
2.Frontal sinus อยู่ที่หัวคิ้วทั้ง 2 ข้าง
3.Ethmoidal sinus อยู่ที่ซอกตาระหว่างกระบอกตา
4.Sphenoidal sinus อยู่ที่หลังจมูกด้านบนสุด ติดกับฐานของสมอง
-
อาการไซนัสอักเสบชนิดเฉียบพลัน
-มีอาการปวดกดเจ็บบริเวณโพรงอากาศข้างจมูก
-คัดจมูก
-มีของเหลวเป็นหนองไหลออกจากช่องจมูก
การรักษาไซนัสอักเสบชนิดเฉียบพลัน
-รักษาด้วยยารับประทาน ไม่นิยมให้ยาหยอดจมูก
-ผู้ป่วยปฏิบัติตนตามที่แพทย์แนะนำและรับประทานยาสม่ำเสมอ
-ในระยะนี้ยาที่ใช้ส่วนใหญ่ คือยาปฏิชีวนะและยาที่รักษาตามอาการ
การพยาบาลหลังผ่าตัด
-จัดท่านอนศรีษะสูง 40-45 เพื่อลดอาการบวมบริเวณจมูกและแก้มเพื่อให้หายใจได้สะดวก
-ประคบบริเวณจมูกด้วยความเย็นเพื่อบรรเทาอาการปวด
-การป้องกันการติดเชื้อและควรหลีกเลี่ยงการแปรงฟันบริเวณแผล
-หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย การยกของ หรือทำงานหนัก ภายใน 10-14 หลังผ่าตัด
-ไม่ควรไอจามแรงๆ ซึ่งทำให้แผลผ่าตัดในช่องปากแยกได้
-