Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ - Coggle Diagram
ภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ
การรักษา
รักษาสาเหตุที่ตรวจพบ เช่น ถ้าเกิดจากเนื้องอกหรือโพรงน้ำในสมองขยายตัว อาจต้องผ่าตัดสมอง ถ้าเกิดจากขาดธัยรอยด์ฮอร์โมน ก็รับประทานยาทดแทน เป็นต้น
รักษาเรื่องความจำเสื่อม ยากลุ่ม cholinesterase inhibitors สามารถชะลออาการของผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมบางชนิดได้ ซึ่งจะได้ผลดีเมื่อให้ในผู้ป่วยที่มีอาการระยะแรก ๆ แต่ยานี้ไม่ได้ทำให้โรคนี้หายขาด เพียงชะลอการดำเนินของโรค
3.รักษาปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ป่วย
โรคอัลไซเมอร์มักมีปัญหาเรื่องพฤติกรรมต่างๆด้วย เช่น เอะอะวุ่นวาย เห็นภาพหลอน ไม่ร่วมมือกับญาติในการดูแล เป็นต้น การแก้ไขปัญหานี้ต้องใช้การปรับเปลี่ยนรูปแบบการดูแล ในบางรายที่ไม่ได้ผลอาจต้องใช้ยาเพื่อลดอาการ
ผู้ดูแลผู้ป่วย เนื่องจากการดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมมีผลต่อสุขภาพกายและใจของผู้ดูแลผู้ป่วยเป็นอย่างมาก ฉะนั้นหากผู้ดูแลเหล่านี้ได้รับความรู้เกี่ยวกับโรค การดูแลตลอดจนแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมทั้งมีช่วงพักเพื่อคลายเครียดให้กับตนเอง ซึ่งอาจพบปะพูดคุยกับผู้อื่น หรือโทรศัพท์ขอคำแนะนำจากทีมแพทย์และพยาบาล และตรวจสุขภาพประจำปีอย่างต่อเนื่องแล้ว ก็จะช่วยให้ผู้ดูแลลดความเครียดและความทุกข์ลงได้มาก
การป้องกันภาวะสมองเสื่อม
รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อลดความเสี่ยงของสมองเสื่อมรวมไปถึงโรคอื่น ๆ
ทำอารมณ์ให้แจ่มใสและเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ เพื่อเป็นการฝึกสมอง ไม่ว่าจะเป็นงานอดิเรก เช่น การอ่านหนังสือ หรือเล่นเกมเสริมทักษะความรู้ต่าง ๆ
ได้รับวิตามิน ดี อย่างเพียงพอ จากการรับประทานอาหารเสริมหรือจากแสงแดด เนื่องจากการวิจัยพบว่า ผู้ที่มีระดับวิตามิน ดี ต่ำมีโอกาสที่จะเกิดโรคอัลไซเมอร์หรือสมองเสื่อมได้
รับประทานอาหารสุขภาพ จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค เน้นการรับประทานผักผลไม้ หรืออาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 เช่น ถั่วหรือปลา ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงสมองเสื่อมได้
รักษาระดับความดันโลหิต ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดสมองเสื่อมบางชนิด
เลิกบุหรี่ การเลิกบุหรี่จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อม ที่สำคัญทำให้สุขภาพดีขึ้นได้
เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมและกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นการออกกำลังกาย การเข้าร่วมกิจกรรมจะช่วยชะลอการเกิดสมองเสื่อมพร้อมทั้งลดอาการที่เกิดจากสมองเสื่อม
สาเหตุ
เกิดจากการขาดสารอาหารบางชนิด โดยเฉพาะวิตามิน เช่น วิตามินบี 1 บี 12 ผู้ที่ขาดวิตามินบี 1 มัก พบในผู้ป่วยที่ติดเหล่าหรือเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง เมื่อได้รับวิตามินบี 1 ไม่เพียงพอ ทําให้เซลล์สมองทํางาน ไม่ได้ตามปกติหรืออาจถึงขั้นเซลล์สมองตายไป
5.เกิดจากการแปรเปลี่ยนของระบบเมตาบอลิกของร่างกาย เช่น การทํางานของต่อมไร้ท่อบางชนิด ผิดปกติ เช่นต่อมไทรอยด์ทํางานมากหรือน้อยไป การทํางานของตับหรือไตผิดปกติทําให้เกิดของเสียคั่งใน ร่างกาย ทําให้สมองไม่สามารถสั่งการได้ตามปกติ
3.เกิดจากการติดเชื้อในสมองที่มีเชื้อไวรัสหลายชนิด
ซึ่งทําให้เกิดการอักเสบในสมอง เช่น ไวรัสสมอง อักเสบที่เกิดจากไวรัสชนิดหนึ่งที่อยู่ในหมูโดยมียุงเป็นพาหะนําโรค จะมีไข้สูงและไวรัสขึ้นสมองอาจเสียชีวิตหรือรอดชีวิตแต่มีการเสียหายของเนื้อสมองทําให้เน้ือสมองบางส่วนตายไปเกิดอาการ สมองเสื่อม
เกิดจากการถูกกระทบกระแทกที่ศีรษะอยู่เสมอ
ทําให้เนื้อสมองตายเป็น จํานวนมากจะทําให้มีอาการสมองเสื่อม
เกิดจากหลอดเลือดสมอง ผู้ป่วยที่มีแนวโน้มว่าจะมีหลอดเลือดสมองตีบผิดปกติมักจะอยู่ในกลุ่มที่มี
ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ผู้ที่มีระดับไขมันโคเลสเตอรอลสูงหรือผู้ที่สูบบุหรี่
7.เกิดจากเนื้อสมองในสมอง โดยเฉพาะเนื้อสมองที่เกิดจากทางด้านหน้าของสมอง
1.เกิดจากการเสื่อมสลายของเนื้อสมองเนื่องจากเนื้อสมองมีการเสื่อมสลายหรือตายส่วนใหญ่ยังไม่
ทราบสาเหตุ ส่วนใหญ่พบบ่อยในกลุ่มโรคอัลไวเมอร์ โรคพาร์กินสัน และโรคอื่นๆ
การให้คำแนะนำ
ระมัดระวังเรื่องอุบัติเหตุต่อสมองระวังการหกล้ม
3.หลีกเลี่ยง ยา หรือสารที่ทำให้เกิดอันตรายแก่สมองเช่นการดื่มเหล้าจัดหรือรับประทานยาโดยไม่จำเป็น
2.รักษาน้ำหนักตัวไม่ไห้เกินเกณฑ์
พยายามไม่คิดมาก ไม่เครียดหรือหากิจกรรมต่างๆทำเพื่อคลายเครียด
รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลสูง
5.การฝึกสมองได้แก่การพยายามให้สมองได้คิดบ่อยๆเช่นการอ่านหนังสือการเล่นเกม การคิดเลข
ตรวจสุขภาพประจำปี
ถ้ามีอาการเจ็บป่วยควรปรึกษาแพทย์แต่เนิ่นๆโดยเฉพาะในผู้สูงอายุเพื่อลดโอกาสการเกิดอาการสับสนเฉียบพลัน
การพูดคุยพบปะผู้อื่นบ่อยๆเช่นไปวัดไปงานเลี้ยงหรือเข้าชมรมผู้สูงอายุ
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอสัปดาห์ละ3-5ครั้งเช่นวิ่งเหยาะๆ ปั่นจักรยาน เดินเล่น รำมวยจีน
ไม่สูบบุหรี่หรืออยู่ในที่ที่มีควันบุหรี่
พยายามมีสติในสิ่งต่างๆที่กำลังทำและฝึกสมาธิอยู่ตลอดเวลา
อาการ
2.ระดับปานกลาง (MODERATE) ในระยะนี้ความจำจะเริ่มเสื่อมมากขึ้นมีความบกพร่องในความเข้าใจความสามารถในการเรียนรู้การแก้ปัญหาและการตัดใจ เช่น ไม่ สามารถคำนวณตัวเลขง่าย ๆ ได้
ระยะนี้ผู้ป่วยอาจมีอาการทางจิตเช่นประสาทหลอน ผู้ป่วยในระยะนี้เริ่มไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ อาจเป็นอันตรายจำเป็นต้องอาศัยผู้ดูแลตามสมควร
3.ระดับรุนแรง (SEVERE) ในระยะนี้ผู้ป่วยจะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย ไม่สมารถทำกิจวัตรประจำวันได้ ต้องมีผู้เฝ้าดูแลตลอดเวลา ไม่สามารถจำสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นได้เลยจำญาติพี่น้องไม่ได้หรือแม้แต่ตนเองก็จำไม่ได้มีบุคลิกที่เปลี่ยนไปเคลื่อนไหวช้าระยะนี้อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุต่อชีวิตได้
1.ระดับอ่อนหรือไม่รุนแรง (Mild) เป็นระดับที่มีภาวะสมองเสื่อมเล็กน้อยในระยะนี้ผู้ป่วยจะมีอาการหลงลืมโดยเฉพาะลืมเรื่องที่เพิ่งเกิดเช่นลืมว่าวางของอยู่ไหนจำชื่อคนหรือสถานที่ที่คุ้นเคยไม่ได้ แต่ผู้ป่วยสามารถช่วยเหลือตัวเองในชีวิตประจำวันได้และการตัดสินใจยังค่อนข้างดี