Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การดูแลและการเตรียมรับวาระสุดท้ายของชีวิต - Coggle Diagram
การดูแลและการเตรียมรับวาระสุดท้ายของชีวิต
รูปแบบบริการการดูแลผู้สูงอายุระยะสุดท้าย
การดูแลผู้ป่วยใน (In-Patient Unit)
เป็นการบรรเทาอาการเจ็บป่วยมากกว่าการรักษาพยาบาล
การดูแลที่บ้าน/การดูแลโดยชุมชน (Home-based/Community-based Care)
เน้นการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน
รูปแบบสถานพยาบาลกึ่งบ้าน (Hospice Care)
ให้บริบาลผู้ที่เจ็บป่วยอยู่ในระยะท้าย ผู้มีชีวิตอยู่ได้ในเวลาจำกัด
การควบคุมอาการเจ็บป่วยด้วยทีมสุขภาพ (Symptom Control Team)
บริการให้คำปรึกษาและแนะนำแก่ครอบครัวของผู้ป่วยสูงอายุ
การดูแลแบบประคับประคอง (Palliative care)
ดูแลผู้ที่ต้องทุกข์ทรมานด้วยโรคที่คุกคามต่อชีวิตอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย (End of life care)
การดูแลผู้ป่วยช่วงใกล้เสียชีวิต (Terminal care)
การพยาบาล
บทบาทของพยาบาล9 ประการ หรือ 9C
ความสามารถ (Competence)
ความเข้าใจ ความเห็นใจ (Concern)
ความรู้สึกสบาย (Comfort)
การติดต่อสื่อสาร (Communication)
การเยี่ยมของบุตรหลาน (Children)
ความสัมพันธ์ในครอบครัว (Cohesion)
ความร่าเริงแจ่มใส (Cheerfulness)
ความสม่ำเสมอและต่อเนื่อง (Consistency)
การมีจิตใจที่สงบ (Calmness of mind, Equanimity)
การเปลี่ยนแปลงของผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะใกล้ตาย
ด้านร่างกาย
ระบบหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular system)
-เกิดภาวะขาดน้ำ (Dehydration)
-หัวใจเต้นช้าลง และระดับความดันโลหิตเริ่มต่ำลงเรื่อยๆ
-แขนขาเย็นชื้น (Clammy) สีผิวจะซีดหรือเขียวคล้ำ มีจ้ำเลือด
ระบบหายใจ (Respiratory system)
-หายใจลำบาก (Dyspnea)ตื้นๆ หยุดหายใจเป็นช่วงๆ
ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก (Musculoskeletal system)
-ลำบากในการกลืน พูดลำบาก มีเสียงสำลัก
ระบบทางเดินอาหาร (Digestive system)
-เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด อาจมีภาวะกลั้นอุจจาระไม่ได้
ระบบการทำงานของไต (Renal system)
-ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้
ระบบประสาท (Neurologic system)
-สับสน วิตกกังวล กระสับกระส่าย กระวนกระวายหรือพักไม่ได้ ประสาทหลอน นอนหลับทั้งวันไม่ค่อยตื่น
การมองเห็นไม่ชัด ตามัวการได้ยินเสียงจะเป็นความรู้สึกสุดท้าย
ด้านจิตใจ
มีความเครียด ความกังวล ความกลัว
ความต้องการด้านจิตวิญญาณ
ความต้องการความรักและความสัมพันธ์ (Love and connectedness)
ความต้องการค้นหาความหมายของชีวิตและความเจ็บป่วย (Meaning of life and illness)
ต้องการขออโหสิกรรมหรือการให้อภัย (Forgiveness)
ต้องการการปฏิบัติตามความเชื่อทางศาสนา (Religious practice)
ต้องการมีความหวัง (Hope)
ด้านสังคม
สิ่งที่ทำให้ความไม่สบายใจในเรื่องความตายบรรเทาลง คือ หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้บุคคลที่อยู่ในภาวะใกล้ตาย
ผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะใกล้ตายจึงถูกแยกออกจากสังคมและขาดการติดต่อ
ผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะใกล้ตายจึงมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นและสิ่งอื่นๆ ลดน้อยลง เกิดความรู้สึกอ้างว้าง ว้าเหว่ และต้องตายอย่างเงียบๆ
การพยาบาลผู้ป่วยสูงอายุระยะสุดท้ายใกล้ตาย
ด้านร่างกาย
1.ปัญหาสุขภาพช่องปาก
-การประเมินสุขภาพของช่องปาก
-ดูดเอาเสมหะ
-ให้จิบน้ำบ่อยๆ ดูแลให้ริมฝีปากชุ่มชื้น
-ให้รับประทานอาหารอ่อน
2.อาการอ่อนล้า (Fatigue)
-การนวด การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ การฝึกสมาธิ
3.เบื่ออาหาร
-ให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารปริมาณน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง
-ปรับรสชาติอาหารตามความพึงพอใจของผู้ป่วย
-ไม่ทำหัตถการในขณะที่ผู้ป่วยกําลังรับประทานอาหาร
คลื่นไส้ อาเจียน (Nausea and vomiting)
-ให้ทานอาหารย่อยง่าย
-หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำก่อนและหลังอาหาร
-จัดท่าให้นั่งหรือนอนศีรษะสูงหลังรับประทานอาหาร
ภาวะขาดน้ำ (dehydration)
-ใส่สายยางให้อาหาร (nasogastric tube) ดูแลให้ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ
การกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (Urinary incontinence)
ดูแลผิวหนังบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ต้องให้สะอาดและแห้ง
บริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน โดยการฝึก Kegel exercise
การดูแลแผลกดทับ
-ดูแลผิวหนังให้แห้ง ไม่เปียกชื้น
-ทำความสะอาดร่างกาย หลีกเลี่ยงสบู่ที่ทำให้เกิดการระคายเคือง
-ใช้โลชั่นหรือครีมทาผิว
-แนะนําให้เปลี่ยนท่าเองบ่อยๆ หรือพลิกตะแคงตัว ทุก 2 ชม.
ภาวะหายใจลำบากในผู้ป่วยระยะสุดท้าย (Dyspnea and death rattle)
-จัดท่านอนศีรษะสูงและนอนตะแคง เพื่อให้เสมหะสามารถไหลออกมาทางปากได้
-ดูแลดูดเสมหะให้เมื่อจำเป็น
-ดูแลให้ออกซิเจนเมื่อมีภาวะขาดออกซิเจน
-ดูแลความสะอาดช่องปาก
-ดูแลให้ยาลดสารคัดหลั่ง ยาลดอาการหายใจลำบาก
ความปวด
-ให้ยาระงับปวด
อาการท้องผูก
-กระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหวร่างกาย
การดูแลความสะอาดจมูกและตา
-รูจมูกใช้สำลีชุดน้ำเกลือพอหมาดๆ เช็ดออก บริเวณตาให้ใช้สำลีชุบน้ำเกลือหมาดๆ เช็ดทำความสะอาด
ความเชื่อทางศาสนา
พุทธศาสนา :การบอกหนทาง
คริสต์ :ความตายเป็นหนทางสู่ชีวิตใหม่ตามความเชื่อเรื่องการกลับฟื้นคืนชีพ ได้รับศีลเจิม
อิสลาม : ให้ผู้ป่วยสำนึกผิดและขออภัยจากอัลลอฮ์และเตือนให้กล่าว “ลาอิลาฮะอิลอัลลอฮ์”และควรจัดการให้ผู้ป่วยได้นอนหันหน้าไปทางกิบลัต
ผู้ดูแลผู้สูงอายุในระยะสุดท้าย
บุคลากรทางด้านการแพทย์ ได้แก่ แพทย์ พยาบาล ทั้งในโรงพยาบาลและชุมชน ผู้ช่วยพยาบาล นักกายภาพบำบัด
นักสังคมสงเคราะห์และนักอาชีวบำบัด
จิตแพทย์และนักจิตวิทยา
บุคลากรด้านกฎหมาย
ผู้สนับสนุนด้านการเงิน ได้แก่ ผู้แทนองค์การภาครัฐและเอกชนที่ช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้สูงอายุที่เจ็บป่วย ผู้แทนบริษัทประกันชีวิต
บุคลากรทางด้านศาสนา ได้แก่ พระสงฆ์ นักบวช
สมาชิกในครอบครัวของผู้สูงอายุ
บุคลากรอื่นๆ ที่จำเป็น ได้แก่ เพื่อนของผู้สูงอายุ เครือญาติ
Hospice care
-การรักษาคุณภาพชีวิตเป็นหลักในผู้ป่วยที่เป็นโรคซึ่งรักษาไม่ได้
Palliative care
-จะเริ่มตั้งแต่ผู้ป่วยมีภาวะหรือโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยไม่คำนึงถึงว่าผู้ป่วยจะมีชีวิตเหลืออยู่อีกนานเท่าไร
-องค์ประกอบที่สำคัญ
1.การควบคุมอาการไม่สุขสบาย (Symptom control)
2.การรักษาโรค (Disease management)
3.การดูแลด้านจิตสังคมและจิตวิญญาณ (Psychological and spiritual care)
ผู้ป่วยระยะสุดท้าย
-มีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน หรือน้อยกว่า
ผู้ป่วยระยะสุดท้ายหรือผู้ที่หมดหวัง
-โรคที่ไม่สามารถจะรักษาให้หายได้ และไม่มีโอกาสที่จะใช้เวลาที่เหลือในชีวิตได้อีก
ความต้องการของญาติในการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย
ความต้องการด้านข้อมูล
ความต้องการด้านการดูแลผู้ป่วย
ความต้องการเข้าถึงบุคลากรสุขภาพได้ง่าย
ความต้องการด้านการมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วย
ความต้องการสนับสนุนทางอารมณ์
ความต้องการด้านอื่นๆ
แนวคิดของการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย
-วินิจฉัยโรคและดำเนินไป ควบคู่กับการรักษาหลักไปจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
ปฏิกิริยาด้านอารมณ์ของผู้ป่วยที่เผชิญกับข่าวร้ายหรือการสูญเสียในภาวะใกล้ตาย ตามแนวคิดของ คูเบอร์ รอส (Kubler Ross)
ระยะปฏิเสธ (The stage of denial)
ระยะโกรธ (The stage of anger)
ระยะต่อรอง (The stage of bargaining)
ระยะซึมเศร้า (The stage of depression)
ระยะยอมรับ (The stage of acceptance)
การพยาบาลภายหลังผู้ป่วยสูงอายุเสียชีวิต
บันทึกสัญญาณชีพทุก 1 ชั่วโมง แจ้งให้ผู้ป่วยและญาติทราบทุกครั้ง
ให้การพยาบาลอย่างนุ่มนวล
แพทย์ พยาบาล และญาติผู้ป่วยร่วมปรึกษาหารือกัน และให้ญาติเป็นผู้ตัดสินใจในการให้แพทย์ช่วยฟื้นคืนชีพหรือไม่
จัดสิ่งแวดล้อมให้ผู้ป่วยได้อยู่กับญาติตามลำพัง
เมื่อความดันโลหิตเริ่มต่ำมาก พยาบาลจะแนะนำให้ญาติผู้ป่วยบอกทางให้ผู้ป่วย โดยให้ญาติจับมือผู้ป่วย และกระซิบบอกทาง
เมื่อผู้ป่วยจากไปพยาบาลกล่าวแสดงความเสียใจกับญาติผู้ป่วย และให้เวลากับญาติในการแสดงความอาลัยกับผู้ป่วยประมาณ 15–30 นาที หรือเมื่อพร้อม
พยาบาลควรกระทำด้วยความนุ่มนวล สมศักดิ์ศรี
ดูแลจัดสภาพผู้ป่วยและสิ่งแวดล้อมให้อยู่ในสภาพที่ดีก่อนที่จะให้ญาติเข้าเยี่ยม
อุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ช่วยเหลือผู้ป่วยก่อนตาย ควรถอดออกจากผู้ป่วย
จัดให้ผู้ป่วยนอนในท่าที่สุขสบายคล้ายผู้ที่กำลังนอนหลับ
ทำความสะอาดร่างกาย
หลังดูแลผู้ป่วยเรียบร้อยแล้ว ควรอนุญาตให้ญาติเยี่ยมโดยจัดให้เป็นส่วนตัว
เขียนใบมรณะบัตร พร้อมทั้งอธิบายขั้นตอนต่างๆ ตามกฎหมาย แนะนำญาติเกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการในการรับศพออกจากโรงพยาบาล การแจ้งตาย (ซึ่งต้องแจ้งการตายภายใน 24 ชั่วโมง นับแต่เวลาตาย
ชาวมุสลิม : ฝังทันทีที่เสียชีวิต
ชาวคริสต์:ศพจะถูกนำไปที่โบสถ์ภายใน 24 ชั่วโมงเสีย หลังจากนั้นราว 5 ปี ศพก็จะถูกขุดขึ้นมา นำกระดูกใส่กล่องโลหะ และทำพิธีฝังอีกครั้ง
ความหมายของความตาย
พุทธศาสนา :การสิ้นสุดของชีวิตที่ไม่สามารถฟืนกลับมาได้อีก เป็นการจากไปอย่างถาวร ทุกคนต้องตาย ไม่สามารถหลีกเลียงความตายได้ และความตายจะเกิดขึ้นต้องมีเหตุ ปัจจัย เป็นการดับของขันธ์ 5
คริสต์ศาสนา : ภาวะที่ร่างกายและวิญญาณแยกออกจากกัน มนุษย์เกิดมาครั้งเดียวและตายครั้งเดียว มีความเชื่อเรื่องการกลับฟื้นคืนชีพภายหลังความตาย
อิสลาม :การกลับสู่ความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า มิใช่การดับสูญหรือการสูญเสีย แต่เป็นการเคลื่อนย้ายสถานที่
สิทธิการตาย
ผู้ป่วยสามารถแสดงความประสงค์ที่จะไม่รับบริการทางการแพทย์
บุคคลทั่วไปหรือผู้ป่วยที่มีสติสัมปชัญญะดี สามารถทำหนังสือแสดงเจตนาตามมาตรา 12 ได้ด้วยตนเอง
ผู้ทำหนังสือแสดงเจตนาควรแจ้งให้คนในครอบครัว ญาติมิตร คนใกล้ชิดรับทราบ
แพทย์ พยาบาล ที่ดูแลผู้ป่วยตามหนังสือแสดงเจตนาไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย
แพทย์ พยาบาลควรให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคหรือสภาพของผู้ป่วยแก่ผู้ป่วยหรือญาติตามความเป็นจริง
สถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลควรจัดทำแบบฟอร์มหนังสือแสดงเจตนา
แพทย์ พยาบาลควรอธิบายขั้นตอนการทำหนังสือแสดงเจตนา
รูปแบบการจัดการเผชิญความตายหรือการเตรียมตัวก่อนตาย
การเผชิญกับภาวะใกล้ตาย
หมายถึง การเตรียมตัวก่อนตายที่มีการวางแผนหรือดำเนินการไว้ล่วงหน้า
การเตรียมตัวด้านร่างกาย (Physical preparation)
-การเลือกวิธีการรักษาทางการแพทย์
-การเลือกสถานที่สำหรับพักรักษาตัว
-การเลือกสถานที่ตาย
-การบริจาคอวัยวะของร่างกาย
-การวางแผนเกี่ยวกับการจัดงานศพของตน
การเตรียมตัวด้านจิตใจ (Psychological preparation)
จัดการเกี่ยวกับอารมณ์และความรู้สึกของตนไว้ล่วงหน้าเพื่อให้สามารถตายอย่างสงบและสมศักดิศรี
การเตรียมตัวด้านจิตวิญญาณ (Spiritual preparation)
-การดำรงชีวิตในเวลาที่เหลืออยู่อย่างมีเป้าหมายและมีความหมาย
การเตรียมตัวด้านสังคม (Social preparation)
จัดการเกี่ยวกับสัมพันธภาพที่มีต่อผู้อื่นในขณะที่ตนมีชีวิตอยู่และการดำเนินชีวิตของผู้อื่นหลังจากการตายของตน