Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 4 สุนทรียภาพทางนาฏศิลป์ไทยและศิลปะการแสดงตะวันตก - Coggle Diagram
บทที่ 4 สุนทรียภาพทางนาฏศิลป์ไทยและศิลปะการแสดงตะวันตก
สุนทรียภาพทางศิลปะการแสดงนาฏศิลป์ไทย
นาฏศิลป์ไทย ความหมายของคำว่านาฏศิลป์
นาฏ ความหมายตามพจนานุกรมไทยฉบับทันสมัย หมายถึงการเคลื่อนไหวอวัยวะนางละคร การฟ้อนรำ หรือ ความรู้แบบแผนของการฟ้อนรำ
ศิลปะเป็นคำภาษาสันสกฤต (ส.ศิลปะ; ป.สิปุป ว่า มีฝีมืออย่างยอดเยี่ยม) หมายถึง การแสดงออกมาให้ปรากฏขึ้นอย่างงดงามน่าพึงชมก่อให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจ
นาฏศิลป์ หมายถึงศิลปะการร้องรำทำเพลงที่มนุษย์เป็นผู้สร้างสรรค์ทั้งที่เป็นระบำ รำเต้นและอื่น ๆ รวมทั้งละครรำโขนหนังใหญ่ ฯลฯ โดยประดิษฐ์ขึ้นอย่างประณีตและมีแบบแผนที่สวยงามให้ความรู้ความบันเทิงที่ต้องมีดนตรีเป็นองค์ประกอบไปด้วย
ที่มาของนาฏศิลป์ไทย
1.เกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติ
2.เกิดจากการเซ่นสรวงบูชา
3.การรับอารยธรรมของอินเดีย
ประเภทของนาฏศิลป์ไทย
1 การแสดงรำ ระบำ ฟ้อน เซิ้งเรือมตารี
-รำ หมายถึง ศิลปะแห่งการร่ายรำโดยมีจุดประสงค์เพื่ออวดฝีมือของผู้แสดง มีรำคู่ รำเดี่ยว รำหมู่
-ระบำหมายถึง ศิลปะแห่งการร่ายรำ ตั้งแต่2 คนการแสดงเน้นความพร้อมเพรียงในการเคลื่อนไหว การแปรแถว การแต่งการที่คล้ายกัน เช่น ระบำแบบดั้งเดิมหรือระบำมาตรฐาน ระบำที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่หรือระบำเบ็ดเตล็ด
-ฟ้อนหมายถึง ศิลปะการร่ายรำแบบพื้นเมืองที่มีลีลาการร่ายรำค่อนข้างช้า การแต่งกายและเครื่องดนตรีเป็นแบบพื้นเมือง มีจุดประสงค์เพื่อแสดงความงดงามอ่อนช้อย
-เซิ้ง หมายถึง ศิลปะการร่ายรำแบบพื้นเมืองอีสานที่มีลีลาการร่ายรำค่อนข้างกระชับเร็ว
-เรือม หมายถึง ชื่อเรียกศิลปะการร่ายรำแบบพื้นเมืองอีสานในกลุ่มวัฒนธรรมไทย-มลายู
-ตารี หมายถึงชื่อเรียกศิลปะการร่ายรำในกลุ่มวัฒนธรรมไทย-มลายูซึ่งอยู่ทางภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย
3.การแสดงโขน
โขน เป็นการแสดงนาฏศิลป์ชั้นสูงของไทยที่มีเอกลักษณ์ คือ ผู้แสดงจะต้องสวมหัวที่เรียกว่า หัวโขน และใช้ลีลาท่าทางการแสดงด้วยการเต้นไปตามบทพากย์ แบ่งการแสดงโขนออกเป็น 5 ประเภท
-โขนกลางแปลง
-โขนโรงนอก หรือโขนนั่งราว
-โขนหน้าจอ
-โขนโรงใน
-โขนฉาก
4.การแสดงพื้นเมือง
ภาคเหนือ การรำและการละเล่น การรำนิยมเรียกกันทั่วไปว่า “ฟ้อน”
ภาคกลาง การแสดงจึงมีความสอดคล้องกับวิถีชีวิตและเพื่อความบันเทิงสนุกสนาน
ภาคอีสาน มีวัฒนธรรมไทยลาวซึ่งมักเรียกการละเล่นว่า “เซิ้ง ฟ้อน และหมอลำ”
ภาคใต้ วัฒนธรรมไทยพุทธ ได้แก่ การแสดงโนรา หนังตะลุง
วัฒนธรรมไทยมุสลิม ได้แก่ รองเง็ง ซำเปง มะโย่ง ลิเกฮูลู
2.การแสดงละครไทย
มีพัฒนาการมาจากการเล่านิทาน
ละครรำ
-แบบดั้งเดิม ละครชาตรี ละครนอก ละครใน
-แบบปรับปรุงใหม่สมัย ร.5 ละครดึกดำบรรพ์ ละครพันทาง ละครเสภา
ละครร้อง
ละครร้องล้วนๆ ละครร้องสลับพูด
ละครพูด
ละครพูดล้วนๆ ละครพูดสลับลำ ละครพูดคำฉันท์ ละครพูดคำกลอน
ละครสังคีต เป็นทั้งละครร้อง พูด
สุนทรียภาพทางศิลปะการแสดงตะวันตก
ศิลปะการแสดง (Performance Arts) หมายถึง ศิลปะที่เกี่ยวข้องกับการแสดงเป็นได้ทั้งแบบดั้งเดิมหรือประยุกต์ ได้แก่ การละคร การดนตรีและการแสดงพื้นบ้าน
อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ชาวกรีก ให้คำนิยามคำว่า "ศิลปะการแสดง คือ การเลียนแบบธรรมชาติ
การแสดง คือ ศิลปะของการทิ้งบุคลิกของตนเอง แล้วนำเอาบุคลิกความรู้สึกของตัวละครมาสวมใส่
2.1 การเต้นรำ(Dance) บัลเล่ต์(Ballet) หรือระบำ
ปลายเท้า
การเต้นสมัยใหม่ หรือ โมเดิร์นดานซ์
การเต้นลีลาศ (Social Dance)
ระบำประยุกต์ประกอบดนตรี (Musical Stage Dance)
การเต้นนันทนาการ (Recreation Dance)
ระบำชนเผ่า (Ethnic Dance)
2.2ศิลปะการละคร
“ละคร” คือการแสดงที่จะต้องมี “เรื่องราว” ซึ่งได้เลียนแบบมาจากชีวิตของมนุษย์
ประเภทของละครตะวันตก
รูปแบบของละคร (Form)
ละครแทรจิดี (Tragedy)เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ละครโศกนาฏกรรม เป็นละครที่นำเสนอ เรื่องราวที่จริงจัง เศร้าโศก อเมริกาเรียกละครประเภทนี้ว่าละครดรามา
2.ละครคอเมดี (Comedy) หรือละครสุขนาฏกรรมเป็นละครที่มีลักษณะตรงกันข้ามกับละครแทรจิดี กล่าวคือ ละครจะลงจบด้วยความสุขสมหวังของตัวละครเอก
-ละครตลกเสียดสี -ละครตลกเอะอะตึงตัง
3.ละครเมโลดรามา (Melodrama)เป็นละครที่มีเรื่องราวโศกเศร้า จริงจัง แต่มักจะมีฉากเบาสมองเพื่อผ่อนคลายความเครียดแทรกอยู่ และมักจะจบลงด้วยความสุข