Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 1มโนทัศน์ของความผิดปกติทางสุขภาพจิตและจิตเวช - Coggle Diagram
บทที่ 1มโนทัศน์ของความผิดปกติทางสุขภาพจิตและจิตเวช
สิทธิของผู้ป่วย กฎหมาย จริยธรรมในการพยาบาลสุขภาพจิตและจิตเวช
มาตรา 12 สถานบำบัดรักษาแต่ละแห่งให้มีคณะกรรมการสถานบำบัดรักษา
มาตรา 13 คณะกรรมการสถาบำบัดรักษามีอำนาจหน้าที่
ตรวจวินิจฉัย ประเมินอาการ
พิจารณา
มาตรา 3 ในพระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ. 2551 ให้ความหมายของคำสำคัญที่ควรรู้
ผู้ป่วยคดี" หมายความว่า ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการสอบสวน
ภาวะอันตราย" หมายความว่า พฤติกรรมที่บุคคลที่มีความผิดปกดิทางจิตแสคงออกโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของตนเองหรือผู้อื่น
"ผู้ป่วย" หมายความว่า บุคคลที่มีความผิดปกติทางจิตซึ่งควรได้รับการบำบัดรักษา
ความจำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษา" หมายความว่า สภาวะของผู้ป่วยซึ่งขาดความสามารถในการตัดสินใจให้ความยินยอมรับการบำบัดรักษา
"ความผิดปกติทางจิต" หมายความว่า อาการผิดปกติของจิตใจที่แสดงออกมาทางพฤติกรรม อารมณ์ ความคิด ความจำ สติปัญญา ประสาทการรับรู้
คุมขัง" หมายความว่า การจำกัดสิทธิเสรีภาพของบุคคลด้
มาตรา 15 ผู้ป่วยย่อมมีสิทธิดังต่อไปนี้
1) ได้รับการบำบัดรักษาตามมาตรฐานทางการแพทย์ โดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
2) ได้รับการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการเจ็บป่วยและการบำบัดรักษาไว้เป็นความลับ เว้นแต่มีกฎหมายบัญญัติไว้ให้เปิดเผยได้
3) ได้รับการคุ้มครองจากการวิจัย กระทำได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้ป่วยและต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการที่ดำเนินการเกี่ยวกับจริยธรรมการวิจัยในคนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
4) ได้รับการคุ้มครองในระบบประกันสุขภาพและประกันสังคม และระบบอื่น ๆของรัฐอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม
วัตถุประสงค์
1) เพื่อปกป้องคุ้มครอง ส่งเสริมและปรับปรุงคุณภาพชีวิตและสุขภาพจิตของประชาชน
2) เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยธรรมชนของผู้ที่มีความผิดปาติทางจิต
3) เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากผู้ป่วยจิตเวช
มาตรา 16 ห้ามมิให้ผู้ใดเปิดเผยข้อมูลด้านสุขภาพของผู้ป่วย
1) ในกรณีที่อาจเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยหรือผู้อื่น
2) เพื่อความปลอดภัยของสาธารณชน
3) มีกฎหมายเฉพาะบัญญัติให้ต้องเปิดเผย
มาตรา 17
การกักบริเวณ หรือแยกผู้ป่วย
กระทำไม่ได้ เว้นแต่เป็นความจำเป็น
การบำบัดรักษาโดยการผูกมัดร่างกาย
เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยเอง บุคคลอื่น หรือทรัพย์สินของผู้อื่น
มาตรา 18 การรักษาทางจิตเวชด้วยไฟฟ้า
มาตรา 19 การทำหมันผู้ป่วยจะกระทำไม่ได้
มาตรา 20 การวิจัยใด ๆที่กระทำต่อผู้ป่วยจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้ป่วยและต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการ
มาตรา 21 การบำบัดรักษาจะกระทำได้ ต่อเมื่อผู้ป่วยได้รับการอธิบายเหตุผล
มาตรา 22 บุคคลที่มีความผิดปกติทางจิต ต้องได้รับการบำบัด
มาตรา 23 ผู้ใดพบบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์อันน่าเชื่อว่าบุคคลนั้นมีลักษณะบุคคลที่มีความผิดปกติทางจิตตามมาตรา 22 ให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจโดยไม่ชักช้า
มาตรา 24 เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจได้รับแจ้งตามมาตรา 23 ให้ดำเนินการนำตัวบุคคลนั้นไปยังสถาพยาบาลของรัฐ
มาตรา 27 ให้แพทย์อย่างน้อยหนึ่งคนและพยาบาลอย่างน้อยหนึ่งคน ที่ประจำสถานพยาบาลของรัฐหรือสถานบำบัดรักษา ตรวจวินิจฉัย และประเมินอาการเบื้องต้นของบุคคลที่มีการนำส่ง ตามมาตรา 24
มาตรา 35 ให้พนักงานสอบสวนหรือศาลส่งผู้ต้องหาหรือจำเลย ไปรับการตรวจที่สถานบำบัดรักษาพร้อมทั้งรายละเอียดพฤติการณ์แห่งคดี เมื่อสถานบำบัดรักษารับผู้ต้องหาหรือจำเลยไว้แล้ว ให้จิตแพทย์ตรวจวินิจฉัยความผิดปกติ และทำความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของพนักงานสอบสวนหรือศาลว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยสามารถสู่คดีได้หรือไม่
อาการวิทยาและเกณฑ์การจําแนกโรคทางจิตเวช
อาการ (symptoms)
มีอารมณ์เศร้า
รู้สึกหมดเรี่ยวแรง
ประสบการณ์ที่ผู้ป่วยได้รับ
กลุ่มอาการ (syndrome
แล้วถูกเรียกด้วยชื่อเฉพาะกลุ่มอาการ
กลุ่มอาการหนึ่ง ๆ อาจพบได้ในหลายโรค
อาการและอาการแสดงหลาย ๆ อย่างที่พบร่วมกัน
างชนิดที่ทราบพยาธิสภาพและสาเหตุที่ชัดเจน
อาการแสดง (signs)
การแสดงออกทางสีหน้าที่จำกัด (restricted affect)
การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเชื่องช้า (psychomotor retardation)
สิ่งที่ผู้ตรวจได้จากการสังเกตและทำการตรวจ
โรคทางจิตเวช
การควบคุมอารมณ์
พฤติกรรมที่สะท้อนถึงความผิดปกติทางจิต
กลุ่มอาการและอาการแสดงที่เป็นความผิดปกติของพุทธิปัญญา
ส่งผลให้การทำหน้าที่ทางจิตมีความบกพร่อง
กลุ่มของอาการและอาการแสดงทางจิตเวช
ความผิดปกติของพฤติกรรมการเคลื่อนไหว
aggression คือ การเคลื่อนไหวด้วยความก้าวร้าว
automatism การเคลื่อนไหวที่เป็นไปตามจิตไร้สำนึก (
acting out เป็นการกระทำอย่างวู่วาม
catatonia คือ การเคลื่อนไหวที่ผิดปกติอาจจะเกิดจากโรคทางจิตเวชหรือโรคทางสมองก็ได้
abulia การไม่มีเจตจำนง
cataplexy ความตึงตัวของกล้ามเนื้อหายไปอย่างฉับพลัน
command automatism
ความผิดปกติของการพูด
1) cluttering พูดเป็นจังหวะติด ๆ ขัด ๆ มีช่วงที่พูดเร็วและกระตุกไปกระตุกมา
2) dysarthria ความผิดปกติในการเปล่งเสียงพูด โดยไม่ได้มีความผิดปกติของการนึกคำพูดหรือการสร้างประโยคตามหลักไวยกรณ์
3) dysprosody กรพูดแบบไม่มีเสียงขึ้นลงตามลักษณะปกติของการพูด เช่น การพูดของบุคคลที่มีโรคซึมเศร้า
4) nonspontaneous speech กรพูดเฉพาะเวลาถูกถามหรือถูกพูดด้วยโดยตรง ไม่เริ่มพูดเองก่อน
5) poverty of speech การพูดมีปริมาณคำน้อยมาก อาจตอบคำถามด้วยคำพยางค์เดียว
6) poverty of content of speech กรพูดมีเนื้อความน้อยแม้ปริมาณคำในการพูดเพียงพอ อาจเกิดจากพูดคลุมเครือ พูดไม่มีสาระหรือพูดแบบช้ำ ๆ
7) pressure of speech พูดมาก พูดเร็ว และเร่งขึ้นเรื่อย ๆ และมักพบว่าพูดเสียงดังด้วย
8) stuttering คือ พูดติดอ่าง เป็นการพูดซ้ำเสียงเดิม ซ้ำคำเดิม ทำเสียงยานคางหรืออึกอักอยู่นานกว่าจะพูด ทำให้การพูดไม่ลื่นไหล
9) Volubility หรือ logorrhea พูดมากและพูดเร็วอัดกันโดยที่เนื้อหาเชื่อมโยงกันและฟังเข้าใจได้ คือ พูดมากอย่างควบคุมไม่ได้ มักพบในผู้ป่วยที่กำลังมี manic episode
ความผิดปกติของระดับความรู้สึกตัว
ความผิดปกติของการคงความใส่ใจ
distractibility ไม่สามารถพุ่งความสนใจในสิ่งที่สำคัญได้ แต่กลับไปใส่ใจกับสิ่งเร้าที่ไม่สำคัญหรือไม่เกี่ยวข้อง
hypervigilance สนใจและมุ่งความสนใจในสิ่งเร้าทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเร้าที่มาจากภายนอกหรือจากภายในร่างกาย มักเกิดจากอาการหลงผิดหรือมาจากอาการระแวง
trance ความใส่ใจจะถูกรวมไว้ที่จุดเดียว ร่วมกับมีความไม่ต่อเนื่องของระดับความรู้สึกตัวมักพบในการสะกดจิต และ dissociative disorder
ความผิดปกติของการถูกชักจูง
folie a deux ภาวะที่บุคคลสองคนมีความผิดปกติทางจิตร่วมกัน
hypnosis ภาวะที่มีการชักนำให้บุคคลมีระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลงไป ร่วมกับทำให้ถูกชักจูงและทำตามคำสั่งได้ง่าย
เกิดจากสมองมีพยาธิสภาพ
coma สภาวะที่ไม่รู้สึกตัว (unconsciousness) อย่างรุนแรง
clouding of consciousness ความรู้สึกตัวไม่สมบูรณ์ร่วมกับมีการรับรู้และการแสดง
disorientation ความบกพร่องของการตระหนักรู้ถึงตนเอง เวลา สถานที่ และบุคคล
drowsiness ความสามารถในการตระหนักรู้ลดลงเพราะง่วงนอน
somnolence อาการง่วงมากผิดปกติแต่หากได้รับการกระตุ้นก็จะกลับมาตื่นและรู้สึกตัว
stupor ไม่สามารถตระหนักรู้และตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม
sundowning ลักษณะที่อาการทางจิต ปัญหาพฤติกรม หรือความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลงไป
ความผิดปกติของอารมณ์
ความผิดปกติของอารมณ์ที่แสดงออก
appropriate affect การแสดงออกของอารมณ์เข้าได้กับเนื้อหาความคิดและลักษณะการพูด เป็นการแสดงออทางอามณ์ที่สมเหตุสมผล หรือสอดคล้องกับเหตุการณ์ในขณะนั้น
blunted affect ความเข้มข้นของอารมณ์ที่แสดงออกลดลงอย่างมาก
flat affect ไม่มีหรือเกือบจะไม่มีการแสดงออกของอารมณ์ ใบหน้านิ่งเฉยและพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
inappropriate affect กรแสดงออกของอารมณ์ที่ไม่สอดคล้องกับความคิดและคำพูดในชณะนั้น
labile affect อรมณ์ที่แสดงออกเปลี่ยนแปลงง่ยและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วโดยไม่สอดคล้องกับสิ่งกระตุ้นภายนอก
restricted affect หรือ constricted affect ความเข้มขัน (intensity) ของอารมณ์ที่แสดงออกลดลง กล่าวคือ มีการแสดงออกทางอารมณ์อย่างจำกัด
แนวคิดการเกิดโรคทางจิตเวชและปัจจัยที่มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคทางจิตเวช
ปัจจัยที่มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคทางจิตเวช
ปัจจัยทางด้านจิตใจ (psychological factors)
ทฤษฎีกลุ่มมนุษยนิยม
ทฤษฎีกลุ่มพฤติกรรมนิยม
ทฤษฎีจิตวิเคราะห์
ทฤษฎีกลุ่มปัญญานิยม
ปัจจัยทางด้านสังคม (social factors)
ความสัมพันธ์ในครอบครัว
ลักษณะการอบรมเลี้ยงดู
สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ
การศึกษา
ศรษฐกิจและสังคม
วัฒนธรรม
การเมือง
ปัจจัยทางกายหรือชีวภาพ (Biological factors)
ความผิดปกติของโครงสร้างและการทำงานของสมอง
พันธุกรรม (genetics)
การทำหน้าที่ผิดปกติของสารสื่อประสาท (Neurotransmitter
ความผิดปกติที่มีมาแต่กำเนิด
ความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย
การสะสมของสารพิษภายในร่างกาย
ความเจ็บป่วยหรือโรคทางสมอง
ปัจจัยทางจิตวิญญาณ (spiritual factors)
ปรัชญาชีวิต
สิ่งที่นับถือหรือที่พึ่งทางใจ
แนวคิดการเกิดโรคทางจิตเวช
stress diathesis model
การเกิดโรคทางจิตเวชอยู่กับความรุนแรงของการได้รับสถานการณ์ความตึงเครียดทางสิ่งแวดล้อม
แปรผักผันกับความเสี่ยงในการเกิดโรคที่บุคคลนั้นที่มีอยู่
ทำให้โรคทางจิตเวชของบุคคลนั้น
case formulation
ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการ
ปัจจัยที่ทำให้อาการคงอยู่
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยปกป้อง