Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ระบบหัวใจและหลอดเลือด, อาการ, โรคที่อาจบ่งชี้ถึง, Spider vein, image,…

- - - - ตัวบน คือ Systolic Blood pressure เป็นความดันในหลอดเลือดเมื่อหัวใจหดตัวหรือเต้น แรงดันสูงสุดขณะหัวใจบีบตัว
      - ตัวล่าง คือ Diastolic Blood pressure เป็นความดันในหลอดเลือดเมื่อหัวใจคลายตัว แรงดันสูงสุดขณะหัวใจคลายตัว แสดงถึงแรงกดดันในหลอดเลือดเมื่อหัวใจพักระหว่างจังหวะ เป็นแรงดันในหัวใจที่เหลืออยู่เมื่อหัวใจคลายตัว
  - - - ควบคุมอาหาร รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง
      - การออกกำลังกาย
      - การลดน้ำหนัก
      - การลดความเครียด
      - งดแอลกอฮอล์และบุหรี่
      - ลดเกลือ 2400 mg/day
    - - ยาขับปัสสาวะ (diuratic)
      - ยากลุ่ม ACEI
      - เบต้าบลอ็คเกอร์ (beta blocker)
      - ยากลุ่ม Calcium channel blocke
- - - - อาการและอาการแสดง
        ลักษณะสำคัญ 6 P คือ :<3:
        
        คลำชีพจรไม่ได้ (puseless)
        
        อาการปวดขา (pain)
        
        อุณหภูมิผิวหนังเย็น (poikilothermia)
        
        ซีด (palor)
        
        มีอาการชา (paresthesia)
        
        กล้ามเนื้ออ่อนแรง (paresis)
      - สาเหตุ :<3:
        
        • จากก้อน emboli และ thrombus ส่วนมากจะเกิดบริเวณหลอดเลือดที่มีสารไขมัน แคลเซียม ไฟบริน มาจับอยู่ก่อน หรือบริเวณที่มีหลอดเลือดโป่งพอง emboli อาจเกิดจากผลของลิ้นหัวใจที่ผิดปกติ หรือหัวใจเต้นผิดปกติจากบริเวณที่เจาะเลือดหรือหลอดเลือดฉีกขาดจากอุบัติเหตุ
      - การอุดตัน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม :<3:
        
        Inflow ได้แก่หลอดเลือดแดงบริเวณปลาย aorta
        ในช่องท้อง ช่องเชิงกราน มักไม่ทำให้เกิดเนื้อเน่าตาย อาการปวดจะปวดที่หลัง บั้นเอว
        
        Outflow ได้แก่ หลอดเลือดตั้งแต่ขาหนีบลงมา
        ได้แก่ บริเวณต้นขา น่องขา มักทำให้เกิดเนื้อเน่าตาย จะปวดบริเวณเท้า นิ้วเท้า ส้นเท้า น่อง
    - - อาการสำคัญของ chronic arterial occlusion :<3:
        
        • ตรวจชีพจรที่เท้าเบาลงหรือหายไป
        
        • Ischemia
        
        • Claudication
        
        • Ischemic rest pain
        
        • ผิวหนังบางลง ขนน้อยลง เหงื่อออกน้อยลง สีผิวหนังเข้มขึ้น ปลายนิ้วเท้า กล้ามเนื้อที่เท้าลีบปลายประสาทชาและมีแผลเรื้อรังเกิดขึ้น
      - การแบ่งระยะของโรคหลอดเลือดแดงชนิดเรื้อรัง แบ่งเป็น 4 ระยะ :<3:
        
        • ระยะที่ 1 ไม่มีอาการ อาจพบมีเสียงฟู่ หรือมีเส้นเลือดโป่งพอง ชีพจรบริเวณข้อเท้าอาจเบาลง
        
        • ระยะที่ 2 เริ่มมีอาการ มักเจ็บกล้ามเนื้อเป็นตะคริวขณะออกกำลังกาย และเมื่อพักจะหายไป
        
        • ระยะที่ 3 เจ็บขณะพัก เจ็บแม้หลับ ปวดชา ปวดแสบ หรือปวดเหมือนปวดฟัน ปวดบริเวณที่เป็นส่วนปลาย เช่น นิ้วเท้า ส้นเท้า น่อง หรือข้อพับเข่า
        
        • ระยะที่ 4 ระยะเนื้อตาย (necrosis / gangrene) มักเกิดบริเวณนิ้วเท้า หรือส้นเท้า มีกลิ่น เนื้อเน่าจาย สีดำคล้ำ
  - - - การเดินเป็นวิธีการที่ดีที่สุด
      - สวมรองเท้าที่คับพอดี
      - การออกกําลังกาย
      - รับประทานอาหารที่มีวิตามินบีมาก
      - หลีกเลี่ยงการประคบนํ้ำแข็งหรือน้ำร้อน
      - การควบคุมระดับไขมันในเลือด ความดันโลหิต โรคเบาหวาน
      - การดูเเลเท้า
      - หลีกเลี่ยงอาหารที่ให้พลงังานมากเกินไป หรืออาหารมันมากเกินไป
    - - เฝ้าระวงัภาวะเลือดออกง่าย
      - คําแนะนําป้องกันการกลับป็นซ้ำ ได้แก่ งดบหุรี่ ควบคุมไขมันในเลือด เบาหวาน และความดันโลหิต
      - จัดท่านอนราบขาเหยียดตรง ห้ามงอ ห้ามเอาหมอนรอง
      - สังเกตออาการ Bleeding, pain, infection, ขาดเลือด, หายใจและวิตก กังวล
      - สังเกตอาการผิดปกติ 6 P
    - - การใช้ยา โดยใช้ยาต้านเกล็ดเลือด Anti-Platelet Agents
      - การให้ยาขยายหลอดเลือด
      - การให้ยา Beta-blocker ,estrogen
      - Anticoagulation Agents – ยาละลายลิ่มเลือด
    - - การทํา Balloon angioplast
      - 3.2 การผ่าตัด Bypass
- - - - การเพิ่ม preload
      - การเพิ่ม afterload
      - ความผิดปกติในการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ contractility
      - ความผิดปกติของ heart rate
      - ความผิดปกติของการเผาผลาญร่างกาย (metabolic state)
      - อื่นๆ เช่น ภาวะโลหิตจางเรื้อรัง
    - - High blood pressure.
      - Coronary artery disease
      - Heart attack.
      - Diabetes
      - Some diabetes medications
      - Certain medications.
      - Sleep apnea.
    - - 1.เจาะเลือด เพื่อดูสุขภาพทั่วไป เช่น CBC ดูการติดเชื้อ การทำงานของตับ ไต การตรวจหาไขมันในเลือด เบาหวาน เกลือแร่ในร่างกาย
      - 2.คลื่นไฟฟ้าหัวใจ Electro Cardiogram
      - 3.คลื่นสะท้อนหัวใจ Echo cardiogram
      - Chest x-ray
      - ซักประวัติการเจ็บป่วย
    - - หายใจหอบเหนื่อย ทั้งกลางวัน และกลางคืน ส่วนใหญ่กลางคืน จนนอนราบไม่ได้
      - อ่อนเพลีย อ่อนล้า
      - บวมบริเวณข้อมือ ข้อเท้า
    - - อาการ
      - หอบเหนื่อย : หอบเหนื่อย เมื่อออกแรง หอบเหนื่อยสัมพันธ์กับท่า
      - หอบเหนื่อยเมื่อนอนราบ (orthopnea)
      - หอบเหนื่อยเป็นพักๆในตอนกลางคืน (paroxysmal noctural dypsnea)
      - ไอ : ไอเป็นเลือด บวมในตอนช่วงหลัง
    - - การบวม : pitting edema
      - หลอดเลือดดำที่คอโป่งตึง
      - การคั่งของเลือดในอวัยวะต่างๆ
    - - รักษาด้วยการปรับเปลียนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต
        
        :ควรงดสูบบุหรี่
        
        หลีกเหลี่ยงการรับประทานเกลือและอาหารที่มีส่วนประกอบของโซเดียม
      - รักษาด้วยการใช้เครื่องมือ/อุปกรณ์ช่วยในการทำงานของหัวใจ
        
        การใส่เครื่องช่วยกระตุ้นหัวใจ (Pace maker)
        
        การใส่บอลลูนหัวใจ
      - รักษาด้วยการผ่าตัด
        
        การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ
        
        การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ
      - รักษาด้วยยา
        
        กลุ่ม Nitrates
        
        กลุ่ม Angiotensin - converting enzyme (ACE) inhibitors
        
        กลุ่ม Human B - type natriuretic peptide (BNP)
        
        ยากลุ่มขับปัสสาวะ (Diuretics)
        
        กลุ่ม Angiotensin receptor blockers (ARBs)
        
        กลุ่ม Cardiac glycosides
        
        กลุ่ม Beta - blockers
  - - - อาการ
        
        มีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว เจ็บบริเวณกลางหน้าอก (sharp retrosternal pain) ร้าวไปแขนซ้าย หัวไหล่ซ้าย มีอาการมากขึ้นเวลานอนราบ กลืนอาหารหรือหายใจเข้า
      - การวินิจฉัย
        
        ตรวจร่างกายพบ pericardial friction rub ซึ่งเป็นเสียงการถูกัน ของเยื่อหุ้มหัวใจที่อักเสบ
        
        ท่าที่ใช้ฟังเสียงนี้ คือ ท่านั่งเอียงมาข้างหน้าในขณะหายใจออกยาวๆ
        
        คลื่นไฟฟ้าหัวใจพบ ST segment elevation แบบ upward concave ในเกือบทุก lead
      - การรักษา
        
        รักษาที่ต้นเหตุ
        
        รักษาอาการเจ็บหน้าอก :
        
        ให้ non-steroidal anti inflamatory agents เช่น aspirin 600 mg. ทุก 3-4 ชม. หรือ ibuprofen 600-800 mg. ทุก 6 ชม.
        
        ให้ร่วมกับยา colchicine 1 mg.ต่อวัน
        
        จะช่วยลดอาการได้ดีขึ้นและป้องกันการเกิดซ้ำและยา corticosteroid ซึ่งต้องระวังผลข้างเคียงของยา ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร
    - - ภาวะที่มีการสะสมของเหลวในช่อง pericardial sac เกิน 50 ซีซี เป็นภาวะแทรกซ้อนของ pericarditis
      - การวินิจฉัย
        
        ตรวจร่างกายมักจะคลำ PMI ของหัวใจไม่ได้ หรือไม่ชัดเจน และฟังได้เสียงหัวใจเบาลง ถ้าเคาะบริเวณส่วนล่างสุดของกระดูก scapula ข้างซ้ายจะเคาะได้เสียงทึบ
        
        Chest x-ray จะพบเงาของหัวใจโต
        
        ทำ Echocardiogram จะเห็น echo free space (สีดำ) อยู่ในช่องว่างระหว่างเยื่อหุ้มหัวใจและผนังหัวใจห้องล่าง และอาจเห็นหัวใจแกว่งไปมาตามการเต้นของหัวใจ
      - การรักษา
        
        การทำ pericardiocentesis
    - - สาเหตุ
        
        การติดเชื้อไวรัส (พบได้บ่อยที่สุด) เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ,ricketsia
        
        ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันไวต่อยาบางชนิด
        
        ยาที่มีพิษต่อหัวใจและสารเคมี
        
        ไม่ทราบสาเหตุ
      - อาการ
        
        หัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ
        
        ตรวจพบหัวใจโต มีอาการของหัวใจวาย หอบเหนื่อย ฟังเสียงหัวใจได้ยินเสียง murmur
      - การรักษา
        
        รักษาที่สาเหตุ
        
        รักษาตามอาการ
        
        ให้ยาลดการอักเสบ
        
        ให้ยาปฏิชีวนะ
        
        นอนพัก
        
        รักษาภาวะหัวใจวาย/หัวใจเต้นผิดจังหวะ
    - - เป็นโรคติดเชื้อ แบคทีเรีย เชื้อรา, rickettsia chlamydia หรือไวรัสที่เกิดบนลิ้นหัวใจและเยื่อบุ endocardium
        ทำให้เกิดการทำลายของลิ้นหัวใจ และมีการกระตุ้นการจับกลุ่มกันของเกร็ดเลือดและ fibrin รวมตัวกันเป็นก้อนยุ่ยและมีลักษณะคล้ายกะหล่ำดอก เรียกว่า infective vegetation
      - การวินิจฉัย
        
        ทำการเพาะเชื้อจากกระแสเลือดอย่างน้อย 3 ครั้ง
        
        การตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น ESR,WBC
        
        ตรวจร่างกายอาจพบจุดเลือดออกตามแขนขา เยื่อบุช่องปากและเยื่อบุตา
        
        การทำ echo cardiogram
      - ปัจจัยเสี่ยง
        
        การฉีดยาเข้าเส้นเลือดที่มีการปนเปื้อน
        
        ลิ้นหัวใจเทียม
        
        การผ่าตัดใหญ่ หรือการผ่าตัดที่เกี่ยวข้องกับเส้นเลือด
        
        ความผิดปกติของหัวใจ
        
        โรคกรรมพันธุ์
        
        เคยมีการติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจมาก่อน
      - ภาวะแทรกซ้อน
        
        การรั่วและการตีบของลิ้นหัวใจ ลิ้นหัวใจที่พบบ่อยได้แก่ mitral valve และ aortic valve
        
        หัวใจล้มเหลว
        
        การติดเชื้อ และเป็นหนอง ในกล้ามเนื้อหัวใจ,pericarditis
        
        Septic embolus ที่พบในสมอง ไต และปอด
      - การรักษา
        
        การให้ยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์ bactericidal effect
        
        นาน 2-4 สัปดาห์
        
        การผ่าตัด เมื่อมีข้อบ่งชี้ คือ ภาวะหัวใจวาย มีการ ติดเชื้อที่สามารถคุมได้ด้วยยา มีการติดเชื้อลุกลามไปที่กล้ามเนื้อหัวใจ เกิด embolization ซ้ำ
        
        การให้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด : warfarin,heparin
      - การป้องกัน
        โดยการให้ยาปฏิชีวนะในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาเกี่ยวกับทันตกรรมและหัตถการอย่างอื่นในผู้ป่วยที่มีอัตราเสี่ยง
  - - - Rheumatic fever ร่วมกับมี carditis ทำให้เกิด fibrous และมีหินปูนจับ(calcification)
      - อื่นๆ degeneration, Marfan’s syndrome, การบาดเจ็บ,myopathy,bacterial endocarditis
    - - อาจมีอาการหรือไม่มีอาการก็ได้ อาการที่พบบ่อยคือ เหนื่อยง่ายซึ่งสัมพันธ์กับ ความรุนแรงของโรค
    - - class I ไม่มีอาการเหนื่อยกว่าปกติ
      - class II เหนื่อยง่ายกว่าปกติเมื่อออกแรง มากหรือทำงานหนัก
      - class III เหนื่อยเมื่อออกแรงเล็กน้อยหรือทำงานเบาๆ
      - class IV เหนื่อยทั้งที่นอนหรือนั่งเฉยๆ
    - - ทำให้เลือดคั่งค้างอยู่ใน atrium ซ้ายและเส้นเลือดไปปอด
      - มีเลือดคั่งในหลอดเลือดดำปอด เกิดภาวะปอดบวมน้ำ(pulmonary edema)
      - อาการ
        
        ใจสั่นจาก Atrial fibrillation
        
        เหนื่อยง่าย หอบในท่านอนราบ (orthopnea) และเวลากลางคืน(paroxysmal noctural dyspnea) ไอเป็นเลือดจากการมีเลือดคั่งในปอด
        
        Systemic emboli ทำให้เกิดการอุดตันหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ
        
        บวม พบในระยะสุดท้ายที่มี right side heart failure ร่วมด้วย
      - การวินิจฉัย
        
        ชีพจรเบาไม่สม่ำเสมอ
        
        คลำหัวใจมีอาการสั่น (thrill) ที่ apex ฟังได้ยิน diastolic rumbling murmur (เสียงต่ำๆ)
        
        ฟังปอดพบ creplitation ในรายที่หัวใจล้มเหลว
        
        ECG อาจพบ atrail fibrillation
        
        CXR พบ atrium ซ้ายและ ventricle ขวาโต อาจเห็นหินปูนจับที่ลิ้นหัวใจ ลิ้นหัวใจโต หลอดเลือดใหญ่ขยายโตขึ้น
        
        Electrocardiography บอกลักษณะลิ้นหัวใจที่เคลื่อนไหวและมี thrombus
      - การรักษา
        
        Percutaneous balloon mitral valevulotomy (PBMV) การขยาย mitral v.ด้วยสายสวนหัวใจที่ปลายสายมีลูกโป่ง ทำในห้องสวนหัวใจ
        
        Close valvulotomy ผ่าตัดทรวงอกไปขยาย mitral v.ด้วยนิ้วหรืออุปกรณ์พิเศษ
        
        Open valvulotomy ผ่าตัดเปิดหัวใจเข้าไปเพื่อขยายรูตีบและซ่อมแซมลิ้น
        
        Valve replacement
    - - ทำให้เลือดไหลกลับจาก ventricle เข้า atrium ซ้าย ซึ่งเพิ่มความดันในเส้นเลือดที่ปอดจากการคั่งค้างของเลือด
      - ทำให้ความดันใน atrium ซ้ายและ ความดันเลือดในปอดสูง ventricle ซ้ายขยาย หัวใจซีกซ้ายโต และหัวใจซีกซ้ายวาย
      - การวินิจฉัย
        
        ชีพจรเต้นไม่สม่ำเสมอ คลำหัวใจพบ apex beat และ heaving
        
        ฟังหัวใจได้ยินเสียง pansystolic murmur ที่ apex
        
        ฟังปอดได้ยิน creplitation
        
        CXR พบ atrium และ ventricle ซ้ายโต
        
        Echocardiography บอกความผิดปกติของลิ้นและขนาดหัวใจ
        
        การตรวจสวนหัวใจ จะมองเห็นสารทึบไหลย้อนจาก ventricle ซ้ายเข้า atrium
      - การรักษา
        
        ผ่าตัดเย็บซ่อมแซมลิ้นหัวใจ เพื่อปรับขนาดและรูปร่าง(Mitral valve repair or mitral valvuloplasty : Annuloplasty)
        
        เปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียม (valve replacement)
    - - ทำให้เลือดคั่งอยู่ในventricle ซ้าย และเลือดแดง ไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆลดลง
      - อาการ
        
        ระยะแรกจะไม่มีอาการ แต่เมื่อเริ่มมีอาการผู้ป่วย จะทรุดลงอย่างรวดเร็ว
        
        หน้ามืดเป็นลมบ่อยๆ
        
        เจ็บหน้าอก angina เวลาออกแรง
        
        หัวใจล้มเหลวและอาจหยุดเต้นจาก ventricle fibrillation
      - การวินิจฉัย
        
        ฟังหัวใจได้ยินเสียง systolic injection murmur ที่ช่องซี่โครงที่ 2 ด้านขวาต่อกระดูกสันอก เสียงอาจได้ยินไปถึง carotid artery
        
        คลำชีพจรได้เบากว่าปกติ
        
        Systolic BPต่ำ,diastolic BP สูง,
        
        pulse pressureแคบ
        
        CXR พบหินปูนจับที่ลิ้นหัวใจและ ventricle ซ้ายโต
        
        การสวนหัวใจ(cardiac cathelization) พบ ความดันใน ventricle ซ้าย สูงกว่าใน aorta
      - การรักษา
        
        ผ่าตัดรักษาเมื่อมีอาการ โดยตัดลิ้น aortic ออกและใส่ลิ้นหัวใจเทียม
        
        หลังผ่าตัดให้ยา anticoagulant ไปตลอดเพื่อป้องกันลิ่มเลือดเกาะลิ้นเทียมและหลุดเป็น embolism
        
        ระวังภาวการติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ และเลือดออกง่ายจากยา
    - - ทำให้เลือดในaorta ไหลกลับเข้า ventricle ซ้ายในระยะ diastoleทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น หัวใจซีกซ้ายวาย
      - อาการ
        
        หลอดเลือดที่คอเต้นแรงกว่าปกติ
        หอบเหนื่อย
      - การวินิจฉัย
        
        Systolic BP สูง,diastolic BP ต่ำลง,pulse pressure กว้าง
        
        Diastolic murmur แบบ blowing
        
        CXR หัวใจ ด้านซ้ายโต,pulmonary edema
      - การักษา
        
        ผ่าตัดลิ้นหัวใจออกและใส่ลิ้นเทียมเมื่อเริ่มมีอาการของหัวใจล้มเหลว
      - การพยาบาล
        
        แนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อจำเป็น
        
        การป้องกันโรคติดเชื้อ
        
        แนะนำการใช้ยากลุ่ม anticoagulant
        
        severe aortic stenosis ควรละเว้นการออกกำลังกาย
- - - - การอุดตันของหลอดเลือด (Thrombosis)
        
        เสียสภาพการทำงานของลิ้นในหลอดเลือดดำ
        
        การเพิ่มปริมาณเลือดในหลอดเลือดดำ
    - - Varicose vein
        
        Varicose vein คือ การบิดเกลียวของหลอดเลือดดำ มีขนาดใหญ่กว่าปกติ เกิดกับ superficial vein โดยเฉพาะที่ขา เกิดเพราะการอยู่นิ่ง ๆ การยืนอยู่นิ่ง การเดินนาน ทำให้หลอดเลือดคั่งในสวนปลาย จะเพิ่มแรงดันในหลอดเลือด
        
        Symptoms :<3:
        
        ❑ปวด หลอดเลือดดำมีสีม่วง หรือ น้ำเงินเข้มหลอดเลือดดำปูดขึ้นโดยเฉพาะที่ขา
        
        ❑อาการปวดจะเพิ่ม มากขึ้น ถ้าเป็นมากขึ้น
        
        ❑ปวดแสบปวดร้อน กล้ามเนื้อสั่น เป็นตะคริวบวม อาการปวดจะหายไปเมื่อนั่งพัก
        
        ❑มีอาการคันรอบ ๆ หลอดเลือดขอด
        
        ❑สีของผิวหนังรอบหลอดเลือดที่ขอดเปลี่ยนสี
        
        Causes :<3:
        
        เกิดจาก Valve ของหลอดเลือดดำอ่อนแอ หรือ
        ถูกทำลาย ไม่สามารถปิดเปิดได้ตามปกติ เลือดดำจึงไหลผ่านไม่ได้ เกิดการคั่งของเลือดในส่วนที่อยู่ต่ำที่สุด ตามแรงโน้ม ถ่วงของโลก และทำให้หลอดเลือดโป่งพอง
        
        Risk factors :<3:
        
        ❑Age
        
        ❑Sex
        
        ❑Pregnancy
        
        ❑Family history ประวัติครอบครัว
        
        ❑Obesity ความอ้วน ทำให้แรงดันในหลอดเลือดเพิ่มขึ้น
        
        ❑Standing or sitting for long periods of time.
        
        Diagnosis :<3:
        
        • ซักประวัติ เกี่ยวกับโรคหลอดเลือด อิริยาบถ การนั่ง ยืน เดิน อาการปวดขา
        
        • การตรวจด้วย ultrasound เพื่อดูการทำงานของ Valve ในหลอดเลือดดำ และดูลิ่มเลือด
        
        กำรรักษำ :<3:
        
        Sclerotherapy
        
        เลเซอร์ (Endovenous Laser Ablation)
        
        Vein stripping
        
        Self-care :<3:
        
        • exercising
        
        • losing weight
        
        • not wearing tight clothes
        
        • elevating legs
        
        • avoiding long periods of standing or sitting
        
        • Compression stockings
        
        Complications of varicose veins :<3:
        
        ❑Ulcers. เกิดแผลที่ผิวหนังรอบๆ เส้นเลือดขอดโดยเฉพาะบริเวณรอบข้อ อาจเริ่มจากการเกิดจุดเล็ก ๆ ที่ผิวหนังก่อนที่จะเกิดแผลที่ใหญ่ขึ้น
        
        ❑Blood clots. ในหลอดเลือดดำที่อยู่ชั้นลึก(Deep vein) มีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้เกิดอาการปวดบวม หรือเกิด thrombophlebitis
        
        ❑Bleeding. เกิดการแตก และมีเลือดออก
        
        Prevention :<3:
        
        ❖การป้องกันที่ดีทำให้มีการไหลเวียนเลือดที่ดีลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิด หลอดเลือดดำขอด
        
        ❖ออกกำลังกาย
        
        ❖ควบคุมน้ำหนัก
        
        ❖รับประทานอาหารที่มีเส้นสูง งดกินเค็ม
        
        ❖ให้ความตระหนักกับการสวมถุงน่องเพื่อเพิ่มการพยุงหลอดเลือดซึ่งจะช่วยควบคุมการไหลเวียนเลือด
        
        ❖ยกขาสูง
        
        ❖ปรับเปลี่ยนการ ยืน เดิน นั่ง ไม่อยู่ในท่าเดิมนาน ๆ
      - Thrombophlebitis
        
        มีสาเหตุจาก การมีลิ่มเลือดจับตัวกันไปอุดกั้นการไหลเวียนในหลอดเลือดดำ ส่วนใหญ่เกิดบริเวณหลอดเลือดำขาในส่วน superficial เรียกว่า superficial thrombophlebitisหรือ เกิดในส่วนลีกลงไปในชั้นระหว่างกล้ามเนื้อเรียกว่า deep ขein thrombosis (DVT)สาเหตุเกิดจากการได้รับบาดเจ็บ แรงกระแทก การผ่าตัด การไม่เคลื่อนไหวร่างกายเป็นเวลานาน
      - Deep Vein Thrombosis
        
        Symptoms :<3:
        
        ❑Pain
        
        ❑Swelling
        
        หากมีการอุดตันใน Superficial จะเห็นผิวหนังสีแดง ถ้าอุดตัน ในชั้น Deep vein จะกดเจ็บเมื่อเกิดกับ หลอดเลือดดำชั้นลึก จะมีอาการบวม กดเจ็บ ปวดมาก
        
        The cause of thrombophlebitis :<3:
        
        ❑ลิ่มเลือด ซึ่งเกิดขึ้นได้จาก
        
        ❑หลอดเลือดได้รับบาดเจ็บ
        
        ❑โรค หรือความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด
        
        ❑การไม่เคลื่อนไหวร่างกายเป็นเวลานาน เช่น ระหว่างการได้รับบาดเจ็บ หรือการนอนโรงพยาบาลเป็นเวลานาน
        
        Risk factors :<3:
        
        • การไม่เคลื่อนไหวร่างกายเป็นเวลานาน เช่น การนอนติดเตียง การเดินทางที่ยาวนานทั้งรถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน
        
        • เป็น varicose veins ที่เป็นสำเหตุของการเกิด superficial thrombophlebitis
        
        • ได้รับ การสอดใส่สายต่าง ๆ เพื่อการรักษาในหลอดเลือดดำ หรือ แม้แต่การระคายเคืองของผนังหลอดเลือดดำ และมีการลดการไหลเวียนเลือดในหลอดเลือด
        
        • การตั้งครรภ์
        
        • การใช้ยาคุมกำเนิด การรักษาโดยการใช้ Hormones ซึ่งสามารถทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือด หรือคล้ายมีการแข็งตัวเลือด
        
        • ประวัติครอบครัวเกี่ยวกับโรคการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
        
        • การมีเลือดออกแล้วมีความพยายามทำให้เลือดหยุดไหล
        
        • เคยเป็น thrombophlebitis
        
        • โรคหลอดเลือดสมอง
        
        • อายุมากกว่า 60 ปี
        
        • น้ำหนักมาก โรคอ้วน
        
        • โรคมะเร็ง
        
        • การสูบบุหรี่
        
        Complication :<3:
        
        ภาวะแทรกซ้อนจาก superficial thrombophlebitis
        เกิดขึ้นได้น้อย. เมื่อพัฒนาเป็นไป DVT จะมีเกิดอันตรายมาก และเพิ่มอันตรายของการเกิด
        ภาวะแทรกซ้อน ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ ได้แก่
        • Pulmonary embolism.
        
        Diagnosis :<3:
        
        ❖1.ซักประวติเกี่ยวกับความผิดปกติของหลอดเลือด อาการปวดเมื่อย บวม การสัมผัส การเจ็บป่วยด้วย superficial thrombophlebitis or deep vein thrombosis
        
        ❖2. Ultrasound , CT , MRI หลอดเลือด เพื่อดูความผิดปกติของหลอดเลือด
        
        ❖3.Blood test. การแข็งตัวของเลือด สารละลายลิ่มเลือดที่ร่างกายสร้างขึ้นคือ D-dimer
        
        Treatment :<3:
        
        ❑superficial thrombophlebitis
        
        ❑ให้ความอบอุ่นเพื่อลดอาการปวด
        
        ❑ยกขาสูง
        
        ❑ให้ยาบรรเทาปวด กลุ่ม nonsteroidal antiinflammatory drug (NSAID)
        
        ❑สวมถุงน่อง
        
        การรักษา :<3:
        
        1.Blood-thinning (anticoagulant) medications การให้ยาป้องกันการเกิดลิ่มเลือด
        
        first treatment : การฉีดยาป้องกัน การเกิดลิ่มเลือด เช่น low molecular weight heparin fondaparinux (Arixtra)
        apixaban (Eliquis)
        
        After the first treatment จะได้รับยากิน เป็น
        warfarin (Coumadin, Jantoven) or rivaroxaban (Xarelto) การใช้ยาเหล่านี้ ทำให้เลือดออกผิดปกติได้
        
        2.Clot-dissolving medications การใช้ยากลุ่ม thrombolysis ใช้กับ • extensive DVT • pulmonary embolism
        
        Compression
        stockings. ช่วยป้องกันอาการบวม และลดโอกาสในการเกิดภาวะแทรกซ้อนของ DVT.
        
        Vena cava filter
        
        5.Varicose vein stripping.
        
        ข้อวินิจฉัยการพยาบาล :<3:
        
        • เนื้อเยื่อส่วนปลายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอเนื่องจากมการขัดขวางการไหลเวียนของหลอดเลือด
        
        • ไม่สุขสบายเนื่องจากปวด บวม บริเวณอวัยวะส่วนปลาย
        
        • ความสมบูรณ์ขงผิวหนังเสียไปและอาจติดเชื่อจากการไหลเวียนบกพร่อง
        
        การพยาบาล :<3:
        
        จุดมุ่งหมายเพื่อ
        
        เพิ่มการไหลเวียน
        
        แก้ไขอาการเจ็บป่วยจากการขาดเลือด
        
        ป้องกันการทำลายเนื้อเยื่อและการติดเชื้อส่งเสริมให้มีการหายของแผล
        
        ให้ความรู้ในการดูแลตนเองด้วยวิธีการต่างๆ
        
        การฟื้นฟูสภาพ
        
        การพยาบาลเพื่อเพิ่มการไหลเวียน
        
        • bed rest
        
        • ให้แขนหรือขาอยู่ในท่าที่เหมาะสม การยกบริเวณที่เป็นให้สูงขึ้นเพื่อลดบวมและให้เลือดไหลกลับสะดวก
        
        • ดูให้อบอุ่นส่งเสริมให้หลอดเลือดขยายตัว
        
        • ป้องกันและรักษาไม่ให้มีการอุดตันของหลอดเลือดดมากขึ้น