Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ…
ข้อบังคับคุรุสภา
ว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๓
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณ
ของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๔) (๑๑) (ข) (จ) แห่งพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากร
ทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖ และมติคณะกรรมการคุรุสภา ในการประชุมครั้งที่ 4/2563 วันที่15 มิถุนายน 2563
โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คณะกรรมการคุรุสภาจึงออกข้อบังคับไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า“ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. 2563”
ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๓๑ แห่งข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“หมวด ๑๔ความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง
ข้อ ๖๐/๕ กรณีผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาถูกกล่าวหาหรือกล่าวโทษว่าประพฤติผิด
(๑) กระทำความผิดอาญาจนต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่าผู้นั้นกระทำผิดและคณะกรรมการ
เห็นว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามคำพิพากษานั้นได้ความประจักษ์ชัดแล้ว
(๒) กระทำผิดวินัยไม่ร้ายแรงและได้รับสารภาพเป็นหนังสือหรือให้ถ้อยคำรับสารภาพ
และได้มีการบันทึกถ้อยคำรับสารภาพเป็นหนังสือ
การบันทึกถ้อยคำรับสารภาพเป็นหนังสือข้อ๖๐/๖ กรณีผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาถูกกล่าวหาหรือกล่าวโทษว่าประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพอย่างร้ายแรงเป็นกรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้งให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดตามควรแก่กรณีตามข้อ ๕๕ (๔) โดยไม่สอบสวนหรืองดการสอบสวนก็ได้
(๑) กระทำความผิดอาญาจนได้รับโทษจำคุกหรือโทษที่หนักกว่าจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกหรือให้ลงโทษที่หนักกว่าจำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(๒) ละทิ้งหน้าที่ติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินสิบห้าวันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง และได้ดำเนินการสืบสวนแล้วเห็นว่าไม่มีเหตุผลอันสมควรหรือมีพฤติการณ์อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบและเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง
(๓) ประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพอย่างร้ายแรงหรือกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง
และได้รับสารภาพเป็นหนังสือหรือให้ถ้อยคำรับสารภาพและได้มีการบันทึกถ้อยคำรับสารภาพเป็นหนังสือ
“ข้อ ๓๑ การสอบสวนกรณีที่ถูกกล่าวหาหรือถูกกล่าวโทษว่า ประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ ให้คณะอนุกรรมการสอบสวนดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ประธานอนุกรรมการสอบสวนได้แจ้งและอธิบายข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษให้ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวโทษทราบ และให้ดำเนินการสอบสวนโดยไม่ชักช้า
(๑) ดำเนินการประชุมตามข้อ ๒๗ แล้ว ให้แจ้งและอธิบายข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษ
ตามข้อ ๓๓ ให้ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวโทษทราบ
(๒) รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่กล่าวหาหรือกล่าวโทษ ภายหลังจาก
ที่ได้ดำเนินการตาม (๑) แล้วเสร็จ
(๔) รวบรวมพยานหลักฐานที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวโทษอ้างให้แล้วเสร็จภายหลังจากที่ได้ดำเนินการตาม (๓) แล้วเสร็จ
๓) แจ้งข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษตามข้อ ๓๔ ให้ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวโทษทราบ ภายหลังจากที่ได้ด าเนินการตาม (๒) แล้วเสร็จ
(๕) ประชุมพิจารณาลงมติและทำรายงานการสอบสวนเสนอต่อคณะกรรมการ ภายหลังจากที่ได้ด าเนินการตาม (๔) แล้วเสร็จ
การสอบสวนเรื่องใดที่คณะอนุกรรมการสอบสวนดำเนินการไม่แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ประธานอนุกรรมการสอบสวนได้แจ้งและอธิบายข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษให้ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวโทษทราบให้ประธานอนุกรรมการสอบสวนรายงานเหตุที่ทำให้การสอบสวนไม่แล้วเสร็จต่อเลขาธิการเพื่อขอขยายระยะเวลาการสอบสวน ในกรณีเช่นนี้ ให้เลขาธิการสั่งขยายระยะเวลาดำเนินการตามความจำเป็น จำนวน ๒ ครั้ง ครั้งละไม่เกิน ๓๐ วัน หากเกินระยะเวลาดังกล่าวให้ประธานอนุกรรมการสอบสวนเสนอขอขยายระยะเวลาการสอบสวนผ่านเลขาธิการเพื่อนำเสนอคณะกรรมการคุรุสภาพิจารณาอนุมัติต่อไป
“ข้อ ๖๐/๑ กรณีปรากฏว่าผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ถูกกล่าวหาหรือกล่าวโทษว่าประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพอย่างร้ายแรง ซึ่งส่วนราชการหน่วยงานบังคับบัญชามีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงและพักราชการหรือให้ออกจากราชการไว้ก่อนหรือหน่วยงานบังคับบัญชาที่มิใช่ส่วนราชการให้ออกจากหน้าที่การปฏิบัติงานและมีการแจ้งข้อกล่าวหาในการดำเนินคดีอาญาตาม (๑) และ (๒) แล้ว ให้เลขาธิการนำเรื่องกล่าวหาหรือกล่าวโทษว่าประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพเสนอคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนทันทีเมื่อแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนแล้ว
(๑) มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒หรือเกี่ยวข้องกับค้าประเวณีตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. ๒๕๓๙หรือเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑
(๒) มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการกระทำล่วงละเมิดทางเพศต่อนักเรียนหรือนักศึกษาไม่ว่าจะอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของตนหรือไม่ หรือกระทำล่วงละเมิดทางเพศกับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาหรือบุคคลอื่น
(๓) ถูกฟ้องคดีอาญาในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์หรือทุจริตต่อหน้าที่”ข้อ๕ ให้ยกเลิกความในข้อ ๖๐/๒ แห่งข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“ข้อ ๖๐/๒ การวินิจฉัยพักใช้ใบอนุญาตตามข้อ ๖๐/๑ ให้วินิจฉัยพักใช้ใบอนุญาตทุกประเภทตลอดระยะเวลาการสอบสวนการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพและการพิจารณาวินิจฉัยของคณะกรรมการนับแต่วันที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวโทษได้รับทราบคำวินิจฉัยเว้นแต่
ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวโทษได้อุทธรณ์ค าวินิจฉัยดังกล่าวและคณะกรรมการคุรุสภาเห็นว่าค าอุทธรณ์ฟังขึ้นและสมควรยกเลิกค าวินิจฉัยพักใช้ใบอนุญาตหรือการสอบสวนการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ
และการพิจารณาวินิจฉัยของคณะกรรมการได้ล่วงพ้นหนึ่งปีนับแต่วันพักใช้ใบอนุญาตยังไม่แล้วเสร็จ”
ข้อ๖ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น หมวด ๑๔ ความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง ข้อ ๖๐/๕ ข้อ ๖๐/๖แห่งข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๓
จรรยาบรรณของวิชาชีพไม่ร้ายแรงเป็นกรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้งให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาด
ตามควรแก่กรณีตามข้อ ๕๕ (๒)- (๓) โดยไม่สอบสวนหรืองดการสอบสวนก็ได