Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

เตียง 1-7 (ยาและสารน้ำที่ได้รับ (Tazocin (ออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของ…

- - - - รักษาที่โรงพยาบาลศรีวิชัย
      - STEMI with TVD with LM
        
        Cardiac arrest
- - - - ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว
      - on ET Tube Ventilator mode P-CMV
      - ผู้ป่วยมีพยาธิสภาพที่หัวใจ ทำ Coronary angiography พบเส้นเลือด LM ตีบ 80% และเส้นเลือด LAD ตีบ 70%
        
        LM: Short LM with Mild calcify and irregularity. Stenosis 80% at distal LM LAD: Mild calcify and irregularity. Long stenosis 70% from ostial to proximal LAD.Ostial to proximal stenosis 50% at DGI LCx: Mild calcify and irregularity.99% stenosis at ostial LCx RCA: Mild calcification and diffus irregularity.50% stenosis at proximal RCA. 90 % stenosis at distal RCA.RCA give PL and PDA.90 % stenosis at proximal PL Conclusion: STEMI with left main disease with triple vessel disease, culprit vessel is LCx Recommendation : Revascularization to LCx-LM-LAD
      - -Brain atrophy with suspicious few tiny hypodensity lesions at both basal seen. ganglia, possible lacunar infarctions. -Fluid in left maxillary, both sphenoid and both ethmoid sinuses. -Minimal fluid at right maxillary and left frontal sinus.
    - - ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะพร่องออกซิเจน
    - - .
        
        1.ไม่มีอาการพร่องออกซิเจน เช่น หายใจเร็ว ชีพจรเต้นเร็ว ปริมาณออกซิเจนในร่างกายลดลง ปลายมือปลายเท้าเขียว ซีด เหนื่อยอ่อนเพลีย เป็นต้น
        
        2.สัญญาณชีพปกติ คือ BT=36.5-37.5 ºC, PR=60-100 ครั้ง/นาที, RR = 16-24 ครั้ง/นาที, BP = 90/60-130/90 mmHg.
        
        3.ค่า Hematocrit อยู่ในช่วงปกติหรือไม่ลดลงจากเดิม และค่า Hemoglobin อยู่ในช่วงปกติหรือไม่ลดลงจากเดิม (ค่าปกติ 12-13 %)
        
        4.ออกซิเจนในร่างกายเท่ากับ 95-100 %
    - - ประเมินภาวะพร่องออกซิเจน ประเมินอัตราการหายใจ ชีพจร สีของเล็บ ปลายมือปลายเท้า เยื่อบุผิวหนัง ลักษณะการซีด เขียว เพราะอาการหายใจหอบ ชีพจรเร็ว ปลายมือปลายเท้า เยื่อบุผิวหนัง ลักษณะการซีด เขียว แสดงถึงภาวะพร่องออกซิเจน
      - Vital sign ทุก 4 ชม เพราะการประเมินสัญญาณชีพจะช่วยให้ทราบความรุนแรงของภาวะพร่องออกซิเจน โดยเฉพาะ O2 saturation เพราะเป็นการวัดระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด
      - ประเมินสภาพการหายใจทุก 4 ชั่วโมง เช่น การฟังเสียงการหายใจ สังเกตการณ์ขยายของทรวงอก สังเกตความสามารถในการหายใจเองของผู้ป่วย สังเกตภาวะพร่องออกซิเจน
      - ดูแลท่อช่วยหายใจ ET – tube ให้คงอยู่ โดยกาติดพลาสเตอร์ไว้
      - ดูดเสมหะทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเสมหะ โดยใช้เทคนิคปราศจากเชื้อ ในการดูดเสมหะ จะต้องเพิ่มออกซิเจนก่อนและหลังดูดเสมหะทุกครั้ง
      - สังเกตการทำงานของ ventilator เช่น VT FiO 2 อัตราการหายใจ mode ของ ventilation การใช้ PEEP CPAP หรือ PSV peak inspiration pressure และตั้งสัญญาณเตือน
      - วัดความดันของกระเปาะ ( cuff ) ET – tube หรือท่อเจาะคอ โดยจะต้องใส่ลมในกระเปาะ (inflate cuff) ในอัตราที่พอเหมาะ เพื่อป้องกันการรั่วของอากาศออกรอบๆกระเปาะ
      - สังเกตการผันแปรของออกซิเจนและเครื่องช่วยหายใจ เช่น pulse oximetry , ABG
      - ติดตามผลเอกเซเรย์ปอด เพื่อติดตามการบวมของปอด หรือตำแหน่งของท่อหายใจ
      - กระตุ้นและช่วยเหลือผู้ป่วยเปลี่ยนท่านอนทุก 1-2 ชม. จัดให้นอนศีรษะสูง 30 องศา เพราะทำให้กระบังคมเคลื่อนต่ำลง ปอดขยายตัวได้เต็มที่เพิ่มพื้นที่ในการแลกเปลี่ยน ก๊าซมากขึ้น
      - สังเกตภาวะแทรกซ้อนของการใช้เครื่องช่วยหายใจ เช่น barotrama เช่น ฟังเสียงหายใจไม่ได้ยิน หลอดลมเอียงไปด้านข้าง
      - ติดตามผล lab Hb, Hct และ Chest X-Ray เพราะเป็นค่าที่แสดงถึงความเข้มข้นของเลือดในร่างกายและ Chest X-ray เป็นการประเมินความก้าวหน้าของการรักษาซึ่งอาจพบฝ้าขาวในปอดลดลงหรือเพิ่มขึ้น
  - - - สังเกตระดับความรู้สึกตัวและอาการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย เช่น ซึม กระวนกระวาย ชักหรือหมด สติ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันท่วงที
      - วัดสัญญาณชีพทุก 15 นาทีเพื่อประเมินอาการเปลี่ยนแปลงและวางแผนการช่วยเหลือได้ทันท่วงที
      - ดูแลการได้รับยาลดระดับนํ้าตาลอินซูลินตามแผนการรักษาของแพทย์ และเฝ้าระวังไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ
      - ติดตามผลระดับนํ้าตาลในเลือดเพื่อประเมินระดับนํ้าตาลอยางใกล้ชิด เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันท่วงที
    - - ระดับนํ้าตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ 70 – 110 มิลลิกรัม
      - ไม่มีการเหงื่อออก ตัวเย็น หรือผิวหนังแห้ง ตาลึกโบ๋คลื่นไส้อาเจียน ซึมลง หรือหมดสติ
      - สัญญาณชีพปกติอุณหภูมิ 36.5 – 37.4 องศาเซลเซียส ชีพจร 60 – 90 ครั้ง/นาที สมํ่าเสมออัตราการ หายใจ 18 – 24 ครั้ง/นาที สมํ่าเสมอ ความดันโลหิต 90/60 – 130/90 มิลลิเมตรปรอท
    - - ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดของผู้ป่วยอยู่ที่ระหว่าง 40-535 mg
      - ผู้ป่วยมีไข้ อุณหภมิ 38.7 องศาเซลเซียส
      - ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน type II
  - - - Urine culture พบเชื้อ Candida tropicalis
      - ปัสสาวะของผู้ป่วยมีลักษณะปนเลือด
      - WBC = 13,250/ul (30/09/62)
      - ผู้ป่วยมีอุณหภูมิ 38.7 องศาเซลเซียส
    - - การติดเชื้อลดลง และไม่เกิดการแพร่กระจายของเชื้อ
    - - Urine culture ไม่พบเชื้อ
      - ปัสสาวะสีเหลืองใส ไม่มีตะกอน
    - - ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะอุณหภูมิร่างกาย
      - บันทึกจำนวนปัสสาวะ ลักษณะสีของปัสสาวะทุกวัน หากมีลักษณะขุ่น มีตะกอนหรือมีสีผิดปกติ ควรรายงานแพทย์ เพื่อพิจารณาส่งปัสสาวะตรวจ
      - ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกทุกวัน เช้า-เย็น และทุกครั้งหลังถ่ายอุจจาระและปัสสาวะเพื่อลดการติดเชื้อ
      - แขวนถุงรองรับน้ำปัสสาวะให้ต่ำกว่าตัวผู้ป่วยเพื่อป้องกันการไหลย้อนของปัสสาวะซึ่งจะทำให้เกิดการติดเชื้อ
      - ตรึงสายสวนคาไว้บริเวณหน้าขาให้อยู่กับที่ ไม่เลื่อนไปมา ให้อยู่ในลักษณะที่เหมาะสมไม่มีการพับงอหรือดึงรั้ง บีบรูดคลึงสายท่อปัสสาวะที่ต่อลงถุงปัสสาวะหรือขวดปัสสาวะเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันการอุดตันหรือค้างคาของปัสสาวะตามสาย
      - บันทึกปริมาณของสารน้ำและของเหลวที่เข้าออกร่างกายในระยะ 24 ชั่วโมง เพื่อดูความสมดุลของน้ำในร่างกาย
      - ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยา Micafungin ตามแผนการรักษา และเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยา
      - ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยเฉพาะ CBC , Urine culture
  - - - BUN 34.6 mg % (ปกติ 5.6 mg %)
      - Cr 12.4 mg% (ปกติ 0.8-1.4 mg%)
      - Intake 2400/ Output 300
    - - องเสียในร่างกายลดลง ไม่เกิดอันตรายจากของเสียคั่ง
    - - ผลทางห้องปฏบัติการ BUN Cr Electrolyte อยู่ในเกณฑ์ปกติ
      - v/s อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    - - 2.ดูแลให้ได้รับยา Lasix ตามแผนการรักษาและเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนของยา
      - 3.ติดตามผลการตรวจ BUN ,Cr ,Electrolyte
      - 1.ตรวจสอบสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
      - 4.ดูแลให้ได้รับอาหารโปตัสเซียมต่ำ แคลลอรี่สูง
      - 5.บันทึกปริมาณสารน้ำเข้าออกทุก 8 ชั่วโมมง
  - - - การติดเชื้อลดลง และไม่มีการแพร่กระจายเชื้อ
    - - สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
      - ผล nasal swab culture ไม่พบเชื้อ
    - - ผล nasal swab culture ขึ้นเชื้อ Candida tropicalis
      - Secretion ของผู้ป่วยมีลักษณะ เหนียวปนลิ่มเลือด
      - WBC = 13,250/ul (30/09/62)
      - ผู้ป่วยมีอุณหภูมิ 38.7 องศาเซลเซียส
    - - ประเมินช่องปากโดยสังเกตลักษณะของอาการติดเชื้อ ได้แก่ อาการบวมแดง มีสารคัด หลั่งไหลออกจากแผลในช่องปากหรือลักษณะจุดฝ้าขาว
      - ประเมินอุณหภูมิร่างกาย หากมีอุณหภูมิสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส รายงานแพทย์เพื่อพิจารณาการรักษา
      - รักษาความสะอาดในช่องปากและโพรงจมูกของผู้ป่วยเพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค ดังนี้
      - ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับการล้างจมูกด้วย NSS 250 ml.OD
      - ใช้ไม้พันสำลีที่สะอาดทำความสะอาดในช่องปาก เก็บใน ภาชนะที่มิดชิด ไม่อับชื้น ตรวจสอบความสะอาดก่อนใช้ทุกครั้ง
      - ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยา Micafungin ตามแผนการรักษา และเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยา
      - ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยเฉพาะ CBC , nasal swab culture
      - เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนของการติดเชื้อราในโพรงจมูก เช่น ลุกลามเข้าสู่สมองผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะ มีไข้ ปวดตามตัว อ่อนเพลีย คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ซึมลง อาจจะมีอาการชัก ในรายที่เป็นมากอาจจะมีอาการปอดบวม และอาจลุกลามเข้าสู่ปอด ผิวหนัง อาจจะมีต่อมน้ำเหลืองโต อาจจะมีผื่นที่ผิวหนัง
- - - - ส่งผลให้ผู้ป่วยสมองฝ่อ