Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

CASE เตียง 1-14 (ข้อมูลพื้นฐาน (Pneumonia (พยาธิสภาพ (ทฤษฎี…

- - - - General appearance
        
        8 ตุลาคม 2562
        ผู้ป่วยหญิงไทยอายุ 81 ปี ผมสั้นสีขาวแซมดำ รู้สึกตัวเมื่อเจ็บ E1MtV3 ไม่มีฟัน ไม่ได้ใส่ฟันปลอม ใส่สายยางเพื่อให้อาหารทางสายยาง สูตรอาหาร BD (1.5:1) 250 ml x 4 feeds น้ำตาม 30 ml/feed Total volume 1,200 Total cholesterol 1,500 มีเสมหะเหนียวข้น สีขาว ใส่ ET tube No.7.5 ลึก 21 ซม. On ventilator PS mode PS 10 cmH2O PEEP 7 cmH2O FiO2 0.3 ฟังปอดได้ยินเสียง Crepitation ข้างขวามากกว่าข้างซ้าย On injection plug ที่มือทั้ง 2 ข้าง มีแผลที่ข้อมือด้านขวา มีลักษณะบวมแดง และมีแผลที่ก้นลักษณะขอบแผลแดง ข้างในมี Slough สีขาว stage 3 มีอาการบวมกดบุ๋มที่มือและเท้า ระดับ 2+ On foley's catheter ปัสสาวะสีเข้ม ไม่มีตะกอน 700 ml อุจจาระสีเขียว 1 ครั้ง มี Foot drop ที่ข้อเท้าซ้าย Vital signs(08 ตุลาคม 2562) Temp 36.9 องศาเซลเซียส Pulse 76 ครั้ง/นาที BP 110/60 มิลลิเมตรปรอท Oxygen saturation 95 %
        
        10 ตุลาคม 2562
        ผู้ป่วยหญิงไทยอายุ 81 ปี รู้สึกตัวเมื่อเจ็บ E1MtV3 ไม่มีฟัน ไม่ได้ใส่ฟันปลอม ใส่สายยางเพื่อให้อาหารทางสายยาง สูตรอาหาร BD (1.5:1) 250 ml x 4 feeds น้ำตาม 30 ml/feed Total volume 1,200 Total cholesterol 1,500 มีเสมหะเหนียวข้น สีขาว on mask with bag 10 LMP ฟังเสียงปอดปกติ On injection plug ที่มือขวา และที่เท้าซ้าย มีแผลที่ข้อมือด้านขวา มีลักษณะบวมแดง และมีแผลที่ก้นลักษณะขอบแผลแดง ข้างในมี Slough สีขาว stage 3 มีอาการบวมกดบุ๋มที่มือและเท้า ระดับ 2+ On foley's catheter ปัสสาวะสีเข้ม มีตะกอน มี Foot drop ที่ข้อเท้าซ้าย
        
        วันที่ 11 ตุลาคม 2562
        ผู้ป่วยหญิงไทยอายุ 81 ปี ผมสั้นสีขาวแซมดำ รู้สึกตัวมากขึ้น ไม่มีฟัน ไม่ได้ใส่ฟันปลอม ใส่สายยางเพื่อให้อาหารทางสายยาง สูตรอาหาร BD (1.5:1) 250 ml x 4 feeds น้ำตาม 30 ml/feed Total volume 1,200 Total cholesterol 1,500 มีเสมหะสีเหลืองอ่อน ไม่เหนียว หายใจ Room air ฟังปอดไม่พบเสียง Crepitation On injection plug ที่ขาด้านขวา มีแผลที่ข้อมือด้านขวา มีลักษณะขอบแผลแดง มีเลือดซึมเล็กน้อย และมีแผลที่ก้นลักษณะขอบแผลแดง ข้างในมี Slough สีขาวเล็กน้อย stage 3 มีอาการบวมกดบุ๋มที่มือและเท้า ระดับ 1+ On foley's catheter ปัสสาวะสีเข้ม มีลิ่มเลือดตามสายเล็กน้อย ยังไม่อุจจาระ มี Foot drop ที่ข้อเท้าซ้าย
      - 2 วันก่อนมาโรงพยาบาล ญาติให้ประวัติว่าผู้ป่วยไม่ทานข้าว ไอมากขึ้น มีเสมหะก่อนใหญ่สีแดงเข้ม มีน้ำมูก มีไข้ ท้องเสีก่อนมาเป็นน้ำ(ไม่มีเลือด) เมื่อวานปัสสาวะไม่ออกทั้งวัน วันนี้ ไอมากขึ้น มีเสมหะ จึงมาโรงพยาบาล
  - - - การเจ็บป่วยในอดีต
        
        Diabetes Mellitus (DM) เป็นมานานกว่า 10 ปี
        
        Hypertension (HT)
        
        Vascular dementia นานมากกว่า 3 ปี
  - - - ทฤษฎี
        
        ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบมีการติดเชื้อทางเดินหายใจ เชื้อที่อยู่ในเสมหะหรือเมือกในทางเดินหายใจส่วนต้นจะแพร่เข้าสู่ถุงลม ซึ่งภายในถุงลมจะมีกลไกการป้องกันตามปกติของร่างกาย เช่น การโบกพัดของ cilia และการไอเพื่อขจัดเชื้อในเสมหะ หรือเมือกออกไปขณะเดียวกัน Macrophage จะทำลายเชื้อโรคที่อยู่ในถุงลม และ cilia จะโบกปัดขับออกโดยการไอ เพื่อขับเชื้อออกทางเสมหะ หรือกลืนลงสู่กระเพาะอาหาร แต่ถ้าร่างกายไม่มีกลไกดังกล่าวพอจะมีการอักเสบ โดยมีการสร้างน้ำหรือเมือกเพิ่มขึ้นบริเวณถุงลมและไหลเข้าสู่หลอดลมฝอย ทำให้เนื้อที่ในการแลกเปลี่ยนออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง และยังมีการขจัดเชื้อโรคออกไปยังต่อมน้ำเหลือง กระแสเลือดเพื่อขจัดออกจากร่างกาย ซึ่งจะมีเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดงมารวมตัวทำให้บริเวณที่มีการอักเสบมากขึ้น ทำให้บริเวณถุงลมแคบลงและมีลักษณะแข็ง น้ำ และเมือกติดเชื้อจะแพร่กระจายไปยังปอดส่วนอื่นๆ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการไอ อาจมีเสมหะร่วมด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับสาเหตุของปอดอักเสบ
      - อาการและอาการแสดง
        
        ทฤษฎี
        
        มักมีอาการไข้ ไอ เจ็บหน้าอก และหอบเหนื่อยเป็นสำคัญ บางรายอาจมีอาการปวดศรีษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ปวดท้อง ท้องเดิน เบื่ออาหาร อาเจียน ร่วมด้วย อาการไข้มักเกิดขึ้นเฉียบพลัน อาจมีลักษณะไอเป็นพักๆหรือไข้ตลอดเวลา บางรายอาจมีไข้ขึ้น มีหนาวสั่นมาก มักตรวจพบไข้สูง บางรายอาจมีไข้ต่ำๆ หรือไม่มีไข้ ตรวจฟังปอดมักมีเสียงกรอบแกรบ(rhonchi) หรือเสียง wheezing และใช้เครื่องฟังตรวจได้ยินเสียงหายใจค่อยๆที่ปอดข้างใดข้างหนึ่ง
        
        กรณีศึกษา
        
        1.มีไข้ 38.0
        2.มีไอมากร่วมกับมีเสมหะก้อนใหญ่สีแดงเข้ม
        3.หายใจหอบเหนื่อยเล็กน้อย
        4.ท้องเสียถ่ายออกเป็นน้ำ
    - - ทฤษฎี
        
        โรคปอดอักเสบอาจเกิดได้ทั้งจากไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา ซึ่งแตกต่างกันในแต่ละกลุ่มอายุ และสภาพแวดล้อมที่เกิดปอดอักเสบ
        
        กรณีศึกษา
        
        พบว่าผู้ป่วยมีไข้อาจเกิดการติดจากคนดูแลเป็นไข้หวัด เนื่องจากสิ่งแวดล้อมที่ผู้ป่วยอยู่เป็นห้องแอร์อาจท้ให้เชื้อไม่มีการระบายออกภายนอก
        หรืออาจเกิดจากการสำลักอาหารหรือเศษอาหารทำให้เกิดการติดเชื้อแบคที่เรีย Numerous Acinetobacter baumannii…(MDR) บริเวณปอด
      - การวินิจฉัย
        
        ทฤษฎี
        
        กรณีศึกษา
        
        การตรวจร่างกาย
        
        ฟังเสียงปอดได้ Crepitation RT > LT ร่วมกับ Retraction และaccessory muscle use
        
        อาการแสดง
        
        :pencil2:หายใจหอบเหนื่อยเล็กน้อย
        :pencil2:มีไข้ 38.0 C
        :pencil2:มีไอมากร่วมกับมีเสมหะก้อนใหญ่สีแดงเข้ม
        :pencil2:ท้องเสียถ่ายออกเป็นน้ำ
        
        การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
        
        2 more items...
        
        การซักประวัติ
        
        สอบถามอาการ โดยเฉพาะอาการไอแบบมีเสมหะ มีไข้ เฉียบพลัน และหายใจหอบในกรรีที่สงสัยว่าเกิดจากการติดเชื้อร่วมกับการตรวจร่างกาย ท้องเดิน เบื่ออาหาร
        
        การตรวจร่างกาย
        
        :pencil2:มีอาการหายใจลำบาก เช่น เวลาหายใจเข้ามีอกบุ๋ม
        :pencil2:หายใจเร็ว มากกว่า 24 ครั้ง/นาที
        :pencil2:ริมฝีปาก ปลายมือปลายเท้าเย็น
        :pencil2:ฟังเสียงปอด ได้ยินเสียง Fine หรือ Medium crepitation ,Rhonchi หรือ Wheezing
        
        ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
        
        :pencil2:การย้อมเสมหะ ส่งเสมหะเพาะเชื้อ
        :pencil2:การภาพถ่ายรังสีทรวงอก
        1.มีน้ำในเยื่อหุ้มปอด Pleural effusion
        2.มีฝ้าขาวในปอด Infiltrate
        :pencil2:การส่งเลือดตรวจ
        :pencil2:ตรวจวิเคราะห์ก๊าซในหลอดเลือดแดง
    - - .การรักษาจำเพาะ
        
        :pencil2:ในรายที่เป็นโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัส ไม่มียารักษาที่จำเพาะควรให้การรักษาแบบประคับประคอง และบำบัดรักษาทางระบบหายใจที่เหมาะสม
        :pencil2:ผู้ป่วยควรได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเร็วที่สุดทันทีที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย การพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะควรเลือกใช้ตามเชื้อที่คิดว่าเป็นสาเหตุ และมีข้อมูลทางคลินิคและทางระบาดวิทยาของท้องถิ่นนั้นๆ
        
        การรักษาทั่วไป
        
        :pencil2:ให้สารน้ำให้เพียงพอ แนะนำให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมากๆ ในรายที่หอบมาก ท้องอืด รับประทานอาหารไม่ได้ พิจารณาให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำและงดอาหารทางปาก
        :pencil2:ให้ออกซิเจนในรายที่มีอาการเขียวหายใจเร็ว หอบชายโครงบุ๋ม กระวนกระวาย หรือซึม
        :pencil2:ใช้ยาขยายหลอดลมในรายที่ได้ยินเสียง wheeze หรือ rhonchi และมีการตอบสนองต่อยาขยายหลอดลม
        :pencil2:พิจารณาให้ยาขับเสมหะ หรือยาละลายเสมหะในกรณีที่ให้สารน้ำเต็มที่แต่เสมหะยังเหนียวอยู่ ไม่ควรให้ยากดอาการไอโดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
        :pencil2:ทำกายภาพบำบัดทรวงอก (chest physical therapy) เพื่อช่วยให้เสมหะถูกขับออกจากปอดและหลอดลมได้ดีขึ้น
        :pencil2:ผู้มีภาวะหายใจล้มเหลวหรือหยุดหายใจพิจารณาใส่ท่อหลอดลมและเครื่องช่วยหายใจ
        :pencil2:การรักษาอื่นๆ ตามอาการ ได้แก่ ให้ยาลดไข้
- - - - ข้อมูลสนับสนุน
        
        OD : 1.ผู้ป่วยมีการหายใจเร็ว 30 ครั้ง/นาที
        2.มีเครื่อง ventrilter ช่วยในการหาย
        3.เสมหะสีขาวขุ่น เหนียว
        4.ฟังเสียงปอดได้ crepitation LT> RT
        
        oxygen saturation 97% ขณะ on endotracheal tube ต่อกับ ventilator Ps
        6.ผลทางห้องปฎิบัติการ
        :star: Sputum culture 30/09/62
        :pencil2:Numerous klebsiella pneumoniae…(CREMDR)
        :pencil2:Numerous Acinetobacter baumannii…(MDR)
        :pencil2:Few Proteus mirabilis….(CREMDR)
        :star:Sputum gram stain 24/09/62
        :pencil2:Numerous : PMNs (polymorphonuclear cell)
        :pencil2:Few : Epithelial cell
        :pencil2:Numerous : Gram negative cocci
        :pencil2:Few : Gram positive cocci
        
        วัตถุประสงค์
        
        ไม่มีภาวะติดเชื้อ
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        1.อัตราการหายใจ 16-24 ครั่ง/นาที
        2.อุณหภูมิกาย BT 36.5-37.5 c
        3.ไม่มีอาการแสดงของการติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น ไอ มีเสมหะ การฟังเสียงปอด
        4.ผลตรวจทางห้องปฎิบัติการไม่พบเชื้อ
        5.oxygen saturation > 95%
        6.ฟังเสียงปอดไม่ได้ยินเสียง crepitation
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.วัด vital sign ทุก 4 ชั่วโมง เพื่อประเมินภาวะติเชื้อ คือ ประเมินอุณหภูมิกาย และเพื่อประเมินประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนก๊าซ คือ ประเมินอัตราการหายใจ และoxygen saturation
        2.ดูแลความสะอาดร่างกายและสิ่งแวดล้อม เช่น
        Mouth care ทุกเช้าและก่อนรับประทานอาหาร
        suction บริเวณในท่อ endotracheal tube เพื่อลดปริมาณเสมหะ และทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนการดีขึ้น
        อาบน้ำ ทำแผลทุกวัน และพลิกตะแคงตัวทุก 2 ชั่วโมง
        ดูแลสิ่งแวดล้อมให้สะอาดอยู่เสมอ
        3.จัดท่า Fowler ' s position โดย
        3.1. อธิบายให้ผู้ปุวยทราบเหตุผลของการจัดท่าเพื่อลดความวิตกกังวลและผู้ปุวยให้ความร่วมมือ
        3.2. ปรับความสูงของระดับเตียงให้เหมาะกับการปฏิบัติการพยาบาลตามหลักการทรงตัวเพื่อป้องกันอาการปวดหลังของพยาบาล
        3.3ปรับเตียงให้ปลายเท้าเพื่อยกเข่าสูงประมาณ 15 องศา ก่อนปรับศีรษะ เพื่อป้องกัน การไหลของตัว
        3.4หมุนเตียงด้านศีรษะให้สูงประมาณ 60-90 องศา สำหรับ Fowler ‘ s position สูงประมาณ 30-60 องศา สำหรับ semi-Fowler ‘ s position หรือสูงประมาณ 15-30 องศา สำหรับlow-Fowler ‘ s position
        เพื่อให้ ให้ผู้ป่วยหายใจสะดวกขึ้น ลดอาการเหนื่อยหอบ ปอดขยายตัวได้ดี กระบังลมไม่ถูกกดทับ ระวัง การไหลเวียนโลหิตลดลงในผู้ป่วยสูงอายุ
        3.สังเกตอาการของการติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น ไอ มีเสมหะมากขึ้นหรือน้อยลง การฟังเสียงปอด
        4.ประเมินและดูแลเครื่อง ventilator รวมไปถึง endotracheal tube ให้อยู่ที่ค่าตั้งไว้ และดูแลให้ด้รับ oxygen อย่างเพียงพอ
        5.ให้การพยาบาลด้วยการยึดหลัก Aseptic technique
        6.ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวะนะตาแผนการรักษา คือ Sulcef 1.5 gm + 5% DW 50 ml V drip IV 3 hr q 12 hr
        และยาสำหรับละลายเสมหะ คือ Berodual 1 NB q 4 hr และNSS 4 ml V q 4 hr (พ่นสลับ Berodual q 2 hr)
        7.ติดตามผลการตรวจทางห้องปฎิบัติการ คือ Hemoculture, Sputum culture , Sputum gram stain และ WBC
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        8/10/62
        1.อัตราการหายใจ 33 ครั้ง/นาที
        2.BT 36.5 C
        3.มีเสมหะสีขาวขุ่น เหนียว ฟังเสียงปอด Clear
        4.ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
        :warning:Sputum culture 07/09/62 normal flora
        5.ได้รับยา Sulcef 1.5 gm + 5% DW 50 ml V drip IV 3 hr q 12 hr ครบ dose วันที่ 11/10/62
        และได้รับ Berodual 1 NB q 4 hr และNSS 4 ml V q 4 hr (พ่นสลับ Berodual q 2 hr)
        
        1 more item...
    - - :check:ข้อที่ 3
        
        :<3:มีความไม่สมดุลของน้ำและอิเล็กโทรไลต์เนื่องจากประสิทธิภาพการทำงานของไตลดลง
        
        วัตถุประสงค์
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        1 more item...
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        1.มีภาวะบวมลดลง
        2.อิเล็กโตรไลต์ในร่างกายปกติ
        Na = 136-145 mEq/
        K 3-55 mEq/l
        Cl 98 – 107 mEq/l
        3.ไม่พบอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง คลื้นไส้ อาเจียน
        
        OD : 1.ผู้ป่วยมีบวมที่บรเวณ แขนและขา กดบุ๋ม ระดับ 2
        2.ผลตรวจทางห้องปฎิบัติการ
        Bun 36.1 สูง
        Creatinine 1.87 สูง
        eGFR 24.85
        Sodium (NA) 130 ต่ำ
        Potasssium K 3.34 ต่ำ
        Chloride 89.5 ต่ำ
        
        ไม่เกิดอันตรายจากภาวะไตทำงานลดลง
        
        :check:ข้อที่ 4
        
        :check:ข้อที่ 5
        
        :<3:มีภาวะแทรกซ้อน เนื่องจากไม่สารถช่วยเหลือตนเองได้
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        1.ผู้ป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และเป็น Bed ridden มา 3 ปี
        2.ผู้ป่วยมีแผลกดทับบริเวณก้นลักษณะขอบแผลแดง ข้างในมี sliogh สีขาว เนื้อแผลสีชมพู ขนาด 5x6 เซนติเมตร stage 3
        4.Braden score 7
        5.Pat score 7
        6.มีข้อยึดติดที่ขาทั้ง 2 ข้าง และะเท้าซ้ายมี foot drop
        
        วัตถุประสงค์
        
        2 more items...
        
        :<3:มีภาวะซีด เนื่องจากร่างกายมีการสร้างเม็ดเลือดลดลง
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        วัตถุประสงค์
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        2 more items...
        
        ผู้ป่วยไม่มีภาวะซีด
        
        1.ผู้ป่วยมีอายุมาก 81 ปี
        2.ผลทางตรวจทางห้องปฏิบัติ
        วันที่ 7 ตุลาคม 2562
        Hb 8.3 g/dL ต่ำ
        Hct 25.1 % ต่ำ
        RBC 3.06 10^6/uL ต่ำ
        3.ผู้ป่วยได้รับเลือด
        28/09/62
        LPRC 2 unit IV drip in 4 hr
        02/10/62
        LPRC 1 unit IV drip in 2 hr
      - :<3:มีการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        วัตถุประสงค์
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินผล
        
        1 more item...
        
        1.สังเกตอาการและอาการแสดงของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เช่น มีไข้ ปัสสาวะสีขุ่น หรือมีเลือดปน มีตะกอน
        2.วัดสัญญาชีพ ทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะอุณหภูมิร่างกาย พร้อมบันทึก
        3.ทำความสะอาดอวัยวะเพศจากข้างหน้าไปด้านหลัง ไม่ทำความสะอาดย้อนไปมา ไม่ให้มีคราบ หรือเชื้อราขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ และบริเวณรอบสาย foley catheter
        4.ดูแลสายfoley catheter ไม่ให้หัก พับ หรือ งอ และ urine bag ให้อยู่ในระดับต่ำกว่ากระเพาะปัสสาวะเพื่อไม่ให้ปัสสาวะคั่งค้างในสาย ลดการสะสมของเชื้อและป้องกันการไหลย้อนกลับของปัสสาวะ พร้อมทั้งสังเกตว่าทั้งระบบของ foley catheter เป็นระบบปิด ไม่มีการอุดกั้น สามารถไหลได้สะดวก
        5.สังเกตสี กลิ่นและปริมาณของปัสสาวะ พร้อมทั้งเทปัสสาวะด้วยหลัก aseptic technique ปิดท่อที่เทปัสสาวะทุกครั้งเพื่อป้องกันเชื้อ และให้อยู่ในระบบปิด
        6.ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ โดยเฉพาะ urine culte และ urine garm's stain
        7.ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษาของแพทย์ คือ Fosfomycin 1 gm V + 5% D/W 100 ml q 8 hr
        
        BT ≥ 37.5 C
        2.สีปัสสาวะเหลืองใส ไม่มีตะกอน
        3.ผลตรวจทางห้องปฎิบัติการ โดยเฉพาะ urine culture
        
        ผู้ป่วยไม่มีภาวะติดเชื้อ
        
        1.ผลทางห้องปฎิบัติการ
        Urine (Culture)(07/10/62) : 10^5 CFU/mL Candida albicans
        2.สังเกตพบปัสสาวะสีเข้มคล้ายเลือด มีตะกอนในวันที่ 10/10/62
        3.ผู้ป่วยได้รับยา Fosfomycin 1 gm V + 5% D/W 100 ml q 8 hr
  - - - :check:ข้อที่ 1
        
        :recycle:การดูแลหลังการหย่าเครื่อง Ventilator
        
        วัตถุประสงค์
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        ผู้ป่วยได้หย่าเครื่องช่วยหายใจเมื่อเวลา 10.00 น
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.จัดท่าให้ผู้ป่วยเป็นท่านั่งศรีษะสูง
        1.1. อธิบายให้ผู้ปุวยทราบเหตุผลของการจัดท่าเพื่อลดความวิตกกังวลและผู้ปุวยให้ความร่วมมือ
        1.2. ปรับความสูงของระดับเตียงให้เหมาะกับการปฏิบัติการพยาบาลตามหลักการทรงตัวเพื่อป้องกันอาการปวดหลังของพยาบาล
        1.3ปรับเตียงให้ปลายเท้าเพื่อยกเข่าสูงประมาณ 15 องศา ก่อนปรับศีรษะ เพื่อป้องกัน การไหลของตัว
        1.4หมุนเตียงด้านศีรษะให้สูงประมาณ 60-90 องศา สำหรับ Fowler ‘ s position สูงประมาณ 30-60 องศา สำหรับ semi-Fowler ‘ s position หรือสูงประมาณ 15-30 องศา สำหรับlow-Fowler ‘ s position
        เพื่อให้ ให้ผู้ป่วยหายใจสะดวกขึ้น ลดอาการเหนื่อยหอบ ปอดขยายตัวได้ดี กระบังลมไม่ถูกกดทับ :warning: ระวัง การไหลเวียนโลหิตลดลงในผู้ป่วยสูงอายุ
        2.หายใจผ่านทาง O2 mask with bag 10 ลิตร/นาที เป็นเวลา 2 ชั่วโมงหลังจากนั้น เปลี่ยนจากO2 mask with bag 10 ลิตร/นาที เป็น O2 cannula 3-6 ลิตร/นาที
        3.วัดสัญญาณชีพ ทุก 15 นาที 2 ครั้ง ทุก 30 นาที และ 1 ชั่วโมง จนกว่าสัญญาณชีพจะคงที่
        4.เฝ้าระวังอาการของผู้ป่วย เช่น มีอาการหอบเหนื่อย หายใจเร็ว O2 sat drop ต้องรายงานแพทย์
        
        ผู้ป่วยสามารถหายใจได้ด้วยตนเองและหายใจ room air
    - - :check: การเตรียมหย่าเครื่อง ventilator
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        วัตถุประสงค์
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ขณะมีการหย่าเครื่องช่วยหายใจ
        
        1 more item...
        
        1.ผู้ป่วยที่มาด้วยโรคต่างกัน การ wean จะต่างกัน สำหรับผู้ป่วย การติดเชื้อบริเวณปอด ไม่มีปัญหาแล้ว ผู้ป่วยไม่มีอาการหอบเหนื่อย
        2.ประเมิน reserve เพียงพอหรือไม่ต่อการแลกเปลี่ยนู gas pH ปกติและ respiratory muscl
        3.Cardiovascular stable หรือไม่
        4.ประเมินผู้ป่วย ก่อนหย่าเครื่องช่วยหายใจ
        
        vital sign คงที่
        
        O2 > 90%
        -PEEP < 5 ซม.น้ำ
        -RVR <105
        -Hct >30% K>3 albumin >2.5
        -spontaneous > 5
        -อัตราการหายใจ < 30 ครั้งฝนาที
        -ดูดเสมหะน้อยกว่า 2 ชั่วโมง
        
        1.พยาธิสภาพของโรคที่ทำให้ต้องใช้เครื่อง ventrilator
        2.สัญชีพคงที่
        3.PEEP < 5 เซนติเมตรน้ำ
        4.RVR <105 5.ผลทางห้องปฏิบัติการ Albumin >2.5, Hct >30%, Potassium >3
        6.spontaneous >5
        7.อัตราการหายใจ <30 ครั้ง/นาที
        8.รู้สึกตัวดี
        9.ดูดเสมหะน้อยกว่า 2 ชั่วโมง
        
        ผู้ป่วยสามารถหย่าเครื่องได้ และไม่ได้รับอันตรายจากการหย่าเครื่อง
        
        1.พยาธิสภาพของโรค Pneunia ไม่พบเชื้อ
        2.เสมหะลดน้อยลง
- - - - :warning:Urine Urine (Culture) (07/10/62) :
        10^5 CFU/mL Candida albicans
    - - :warning:CBC
        ( วันที่ 19 กันยายน 2562)
        Hb 10.4 g/dL ต่ำ
        Hct 30.8 % ต่ำ
        RBC 3.64 10^6/uL ต่ำ
        WBC 16.07 10^3/uL สูง
        Neutrophil 94.0 % สูง
        Lymphocyte 6.0 % ต่ำ
        Eosinophil 0.0 % ต่ำ
        ( วันที่ 7 ตุลาคม 2562 )
        Hb 8.3 g/dL ต่ำ
        Hct 25.1 % ต่ำ
        RBC 3.06 10^6/uL ต่ำ
        ( วันที่ 9 ตุลาคม 2562 )
        Hb 8.6 g/dL ต่ำ
        Hct 25.5 % ต่ำ
        RBC 3.14 10^6/uL ต่ำ
        WBC 11.67 10^3/uL สูง
        Neutrophil 74.8 % สูง
        Lymphocyte 16.9 % ต่ำ
        ( วันที่ 11 ตุลาคม 2562 )
        Hb 9.2 g/dL ต่ำ
        Hct 27.5 % ต่ำ
        RBC 3.34 10^6/uL ต่ำ
        WBC 14.75 10^3/uL สูง
        Neutrophil 86.2 % สูง
        Lymphocyte 9.0 % ต่ำ
        Eosinophil 0.0 % ต่ำ
        ( วันที่ 14 ตุลาคม 2562 )
        Hb 8.8 g/dL ต่ำ
        Hct 26.6 % ต่ำ
        RBC 3.24 10^6/uL ต่ำ
        WBC 20.04 10^3/uL สูง
        Neutrophil 79.1 % สูง
        Lymphocyte 12.3 % ต่ำ
      - เคมีคลินิก
        
        :warning:(07/10/62)
        Bun 36.1 สูง
        Creatinine 1.87 สูง
        eGFR 24.85
        แปลผล ไตมีการทำงานผิดปกติ
        :warning:(08/10/62)
        Sodium (NA) 130 ต่ำแปลผล Hyponatremia
        Potasssium K 3.34 ต่ำ
        แปรผล Hypokalemia
        Chloride 89.5 ต่ำ
        ( 9 /10/62)
        Na 131 mmol/L ต่ำ
        K 3.15 mmol/L ต่ำ
        Cl 89.9 mmol/L ต่ำ BUN 35.9 mg/dL สูง
        Cr 1.66 mg/dLสูง
        eGFR 28.7 mL/min ต่ำ
        Albumin 2.1 g/dL ต่ำ
        Ca 7.6 mg/dL ต่ำ
        ( 11/10 62)
        BUN 46.7 mg/dL สูง
        Cr 1.38 mg/dLสูง
        Na 135 mmol/L ต่ำ
        K 3.25 mmol/L ต่ำ
        Cl 89.5 mmol/L ต่ำ
        ( 14/10 62)
        Chloride 96.3 ต่ำ
        BUN 42.1 mg/dL สูง
        Cr 1.21 mg/dLสูง
        
        จุลชีววิทยา
        
        :warning:Hemoculture 07/10/62
        Blood-Hemoculture 1 No growth after 3 day
        Blood-Hemoculture 2 No growth after 3 day
        
        :warning:ABG 10/10/62
        PH 7.538 สูง
        ร่างกายมีภาวะเป็นด่าง (Alkalosis)
        PO2 209.3 สูง
        มีภาวะ ออกซิเจนเกินปกติ
        PCO2 34.0 ปกติ
        HCO3 std 29.6 สูง
        มีภาวะ metabolic alkalosis
        BE (B) 5.5สูง
        O2 SAT 99.6สูง
        
        14/10/62
        PH 7.494 สูง
        PCO2 26.5 ต่ำ
        PO2 235.6 สูง
        HCO3 act 20.2 ต่ำ
        HCO3 std 21.8 สูง
        O2 SAT 99.7 สูง
        
        :warning:Sputum culture 30/09/62
        Numerous klebsiella pneumoniae…(CREMDR)
        Numerous Acinetobacter baumannii…(MDR)
        Few Proteus mirabilis….(CREMDR)
        
        Sputum culture 07/09/62 normal flora
- - - - ตา
        
        Natear eye drop ยาหยอดตา 2 ข้าง ครั้งละ 1 หยด วันละ 2 ครั้งเช้า เย็น
        รักษาและบรรเทาอาการตาแห้ง
        ผลข้างเคียง : ระคายเคืองตาเล็กน้อย ตาแฉะ
        
        ทางเดินหายใจ
        
        Berodual 1 NB q 4 hr
        ออกฤทธิ์เป็น anticholinergic และ fenoterol เป็น short acting beta-2 agonist
        ยาขยายหลอดลม
        ผลข้างเคียง ปากแห้ง คอแห้ง ตาพร่า ปัสสาวะขัด หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ คลื่นไส้ อาเจียน อาหารไม่ย่อย
        
        NSS 4 ml V q 4 hr (พ่นสลับ Berodual q 2 hr)
        ใช้เพื่อละลายเสมหะ ทำให้เสมหะอ่อนตัวลง
        
        Sulcef 1.5 gm + 5% DW 50 ml V drip IV 3 hr q 12 hr
        กลุ่มยา ต้านจุลชีพ
        มีข้อบ่งใช้ในการรักษาการติดเชื้อแบบ moderate –severe ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินหายใจ
        เป็นยาปฏิชีวนะ ประกอบ ด้วยยา 2 ชนิด คือ cefoperazone และ sulbactam ออกฤทธิ์เป็น bactericidal ต่อเชื้อแบคทีเรีย เหมือนยาในกลุ่ม penicillins กล่าวคือ มีโครงสร้างคล้าย alanine residue ?จึงแย่งจับกับเอนไซม์ transpeptidase แทน alanine residue ของ peptidoglycan สายแรก ทำให้ยับยั้งการเกิด cross link กับ peptidogycan สายที่สอง ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการสร้างผนังเซลล์ ของเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เชื้อมีผนังเซลล์ที่ไม่สมบูรณ์
        :red_cross:ผลข้างเคียง โครงสร้างของ Sulcef จะไปรบกวนการสร้างวิตามินเคของผู้ป่วย ส่งผลให้เกิด hypoprothrombinemia และอาจเพิ่มความเสี่ยงของเลือดออกมากกว่าปกติ
        
        การไหลเวียนเลือด
        
        Clopidogrel 75 mg 1x1 oral pc
        antiplatelet drug
        ช่วยขัดขวางการเกาะกันของเกร็ดเลือด ช่วยให้เลือดไหลได้ดีขึ้น
        ผลข้างเคียง : เลือดออก มีจ้ำเลือดปวดท้อง ท้องเสีย ท้องผูก
        
        ระบบทางเดินปัสสาวะ
        
        Sulam 1.5 gm V + 5% DW 50% V drip in 3 hr q 12 hr
        กลุ่มเพนิซิลลิน
        ยาช่วยขับสารน้ำออกจากร่างกายที่เกิดการบวมจากไต
        ผลข้างเคียง ง่วง ซึม ปวดหัว ตาพร่ามัว ร่างกายขาดน้ำ สูญเสีย Na K Ca
        
        Fosfomycin 1 gm V + 5% D/W 100 ml q 8 hr
        ยาต้านเชื้อตุลชีพ รักษาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
        ผลข้างเคียง : :black_flag:hypokalemia ปวดหัว คลื่นไส้ ปวดท้อง
        
        1 more item...
      - ได้รับเลือด
        
        28/09/62
        LPRC 2 unit IV drip in 4 hr
        
        02/10/62
        LPRC 1 unit IV drip in 2 hr