Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Sepsis C̅̅ sinus bradycardia (หัวใจเต้นช้ากว่าปกติ) Athlete (Case study,…

- - - - Acetylcysteine 200 mg granules
        
        :check:ยาลดความหนืดข้นของเสมหะเนื่องจากผู้ป่วย on tracheotomy tube
        
        :red_cross: คลื้นไส้ อาเจียน
      - folic acid 5 mg tab 1x1 oral pc
        
        :check:ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดป้องกันการเกิดภาวะโลหิตจาง
        
        :red_cross:
      - bisoprolol 5 mg tool 2.5 mg tab
        1/4x1 oral pc
        
        :check: ยาลดความความดัน
        
        :red_cross:หัวใจเต้นชา เต้นเร็วไม่สม่ำเสมอ
      - paracetamol 500 mg tab
        
        :check:ระงับอาการปวด ลดไข้
        
        :red_cross:ง่วงซึม แพ้ยา เช่น มีผื่น บวม
      - Sodamint 300 mg
        
        :check:ยาขับลม
        
        :check:ช่วยให้เกิดภาวะสมดุลของอิเล็กโตรไลท์ในร่างกาย
        
        :red_cross:มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
      - lactulose syrup 30ml prn
        
        :check: รักษาผู้ป่วยโรคตับที่เกิด Hepatic encephalopathy
        
        :red_cross:ท้องอืด แน่นท้อง
      - chelated magnesium100 mg
        1x3 oral pc
        
        :check:บรรเทาอาการปวดศรีษะไมเกรน
        
        :red_cross:ทำให้ระบบทางเดินอาหารผิดปกติ
        
        :check:อาการเหน็บชา
      - Beradual พ่น ทุก6ชม.
        
        :check:ยาขยายหลอดลมเพราะผู้ป่วยมีปัญหาหายใจเหนื่อยหอบ และปอดมีประสิทธิภาพการทำงานลดน้อยลง
      - E.KCl(50 ml) q 6 hr 2 ครั้ง
        
        :check: ป้องกันและรักษาภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำของผู้ป่วย
        
        :red_cross: คลื่นไส้ หัวใจเต้นช้าหรือเต้นผิดจังหวะ อ่อนเพลีย เคลื่อนไหวร่างกายลำบาก
      - 50%MgSo4 (8ml)+5%D/W(100ml) IV
        
        :check: รักษาอาการจากภาวะแมกนีเซียมในเลือดต่ำ และใช้เสริมระดับแมกนีเซียมในร่างกายของผู้ป่วย
        
        :red_cross:ปวดท้อง ท้องอืด หัวใจเต้นช้า หรือหัวใจเต้นเร็ว
      - mixtard 30 100 iu/ml
        เช้า 12 ยูนิต เย็น 10 ยูนิต
        
        :check:ลดน้ำตาลในเลือด
        
        :red_cross: ใจสั่น,มือสั่นหวิว,เหงือออกมาก
      - tazocin 3.375 gm v q 6 hr.
        
        :check:รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียอย่างรุนแรงเช่นโรคปอดบวมภาวะโลหิตเป็นพิษการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
        
        :red_cross:คลื่นไส้อาเจียน ,ท้องผูก,อาหารไม่ย่อย
  - - - ข้อมูลสนับสนุน
        
        ผู้ป่วยใจหอบเหนื่อย มีเสียงครืดคราด
        
        ผู้ป่วยมีเสมหะสีขาวข้นจำนวนมาก
        
        ผู้ป่วยไม่สามารถไอขับเสมหะออกมาเองได้
        
        ผู้ป่วยมีเสมหะเหนียวข้น
        
        ฟังปอดมีเสียง wheezing ด้านขวา
      - เกณฑ์การประเมินผล
        
        ผู้ป่วยไม่มีลักษณะของภาวะพร่องออกซิเจน เช่นปลายมือปลายเท้าเขียวหรือเย็น หรือมีหอบเหนื่อย
        
        ทางเดินหายใจโล่งฟังเสียงหายใจไม่มีเสียงเสมหะ
        
        ฟังปอดไม่ได้ยินเสียง wheezing
      - วัตถุประสงค์ทางการพยาบาล
        
        ผู้ป่วยไม่มีภาวะพร่องออกซิเจน
      - กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ตรวจวัดสัญญาณชีพ ระดับความรู้สึกตัว ภาวะพร่องออกซิเจน เช่น เหงื่อออก ตัวเย็น กระสับกระส่าย ผิวเขียวคล้ำ cappilary refill
        
        2.ล้างมือทุกครั้งก่อนและหลังสัมผัสผู้ป่วย
        
        3.ฟังเสียงหายใจและเสียงปอด
        
        4.จัดท่านอนตะแคงศีรษะสูงเพื่อขยายปอดและเปลี่ยนท่านอนทุก 2 ชั่วโมงเพื่อให้ปอดขยายตัวได้ดี
        
        5.ดูดเสมหะทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเสมหะ โดยใช้เทคนิคสะอาดปราศจากเชื้อและเพิ่มปริมาณออกซิเจนก่อนและหลังดูดเสมหะทุกครั้งโดยบีบ ambu bag ให้ผู้ป่วยระหว่างดูดเสมหะ ใช้เวลาในการดูดไม่เกิน 10 ถึง 15 นาทีต่อการดูเสมหะหนึ่งครั้งและปรับแรงดันที่ใช้ในการดูเสมหะไม่เกิน 150 มิลลิเมตรปรอท
        
        7.ตรวจสอบท่อหลอดลมคอ ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและวัด cuff pressure 20-30 mmHg
        
        8.ดูแลให้ได้รับยาขยายหลอดลมตามแผนการรักษา (berodual) ทุก 6 ชั่วโมงเพื่อลดอาการหายใจเหนื่อยหอบ เช่น NSS ,Berodal 1 NB ทุก 6 ชม.
        
        6.ดูแลเครื่องช่วยหายใจให้ตรงกับแผนการรักษาให้อยู่ในโหมด Bipap PCV mode และถ้าได้ยินเสียงเตือนจากเครื่องช่วยหายใจต้องหาสาเหตุและทำการแก้ไขทันที ผู้ป่วยสามารถหายใจเองได้ ไม่หายใจต้านเครื่อง ดูแลไม่ให้สายพับหักงอ ข้อต่อของเซอร์กิจต่างๆต้องไม่หลุดหลวม
        
        9.ตรวจก็บอกวัดความชื้นให้มีน้ำอยู่ตลอดเวลาระวังไม่ให้น้ำอยู่ในระดับต่ำกว่าที่กำหนดเพื่อป้องกันเสมหะเหนียวคนและไม่ให้น้ำอยู่ในระดับที่สูงกว่าที่กำหนดเพราะทำให้แรงดันขณะหายใจเข้าของผู้ป่วยทำให้น้ำเข้าสู่หลอดลมได้อุณหภูมิของน้ำในการทำความชื้นอยู่ระหว่าง 35 ถึง 36 องศาเซลเซียส
      - การประเมินผลการพยาบาล
        
        ผู้ป่วยไม่มีลักษณะพร่องออกซิเจน ปลายมือ ปลายเท้าไม่เขียว
        
        ค่า o2 sat อนู่ที่ 95-100 %
    - - ข้อมูลสนับสนุน
        
        ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
        
        24/09/62
        
        Bun 87.0 mg/dL (7.0-18.7)
        
        Creatinie 2.04 mg/dL (0.55-1.02)
        
        eGFR 22.21 mL/min (>90)
        
        26/09/62
        
        Bun 81.5 mg/dL (7.0-18.7)
        
        Creatinine 1.54 mg/dL (0.55-1.02)
        
        eGFR 31.2 mL/min/1.73m2
      - วัตถุประสงค์
        
        ลดภาวะของเสียคั่งในร่างกาย
      - เกณฑ์การประเมินผล
        
        1.ค่า Bun อยู่ในช่วง 7.0-18.7 mg/dL
        
        2.ค่า Creatinie อยู่ในช่วง 0.55-1.02 mg/dL
      - กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.วัดสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมงเพื่อประเมินอาการผิดปกติของผู้ป่วย
        
        2.สังเกตและบันทึกอาการแสดงของภาวะของเสียคั่ง เช่น ระดับการรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง อาการคลื่นไส้ อาเจียน อาการสับสน
        
        3.ให้ผู้ป่วยได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ
        
        4.ดูแลให้ได้รับสารน้ำและยาตามแผนการรักษาของแพทย์
        
        5.บันทึกสารน้ำเข้า ปัสสาวะที่ออก ทั้งลักษณะและปริมาณ
        
        ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ BUN,Creatinine เพื่อประเมินระดับของเสียในร่างกาย
      - การประเมินผลการพยาบาล
        
        ผู้ป่วยไม่มีอาการระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลงเช่น คลื่นไส้ อาเจียน สับสน
        
        ผลตวรจทางห้องปฏิบัติการ(26/0962)
        
        ค่าBUN=81.5 md/dl
        
        creatinine=1.54 md/dl
        
        eGFR=31.2
    - - ข้อมูลสนับสนุน
        
        ผู้ป่วยได้รับยา Enoxaparin 0.4 ml sc bid
        ฉีด 0.4 ml ชั้นใต้ผิวหนัง วันละครั้ง
      - วัตถุประสงค์ทางการพยาบาล
        
        เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยา
      - เกณฑ์การประเมินผล
        
        ผู้ป่วยไม่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ
        
        ผู้ป่วยไม่มีอาการแพ้ยา
        
        ผู้ป่วยไม่มีอาการอ่อนเพลีย มึนงง และปวดศีรษะอย่างรุนแรง
      - กิจกรรมทางการพยาบาล
        
        ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะอุณหภูมิร่างกายและอัตราการหายใจของผู้ป่วย เพื่อดูอาการแพ้ยาของผู้ป่วย
        
        2.สังเกตอาการแพ้ยาของผู้ป่วย เช่น ผื่นคัน หายใจลำบาก แน่นหน้าอก มีอาการบวมตามใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ ผิวลอกพร้อมกับมีไข้
        
        3.ก่อนฉีดยาควรดูตำแหน่งของการฉีดยา ห้ามฉีดซ้ำกับบริเวณเดิม เพราะจะทำให้เกิด bleeding ได้ง่าย
        
        4.หลังจากฉีดยา ห้ามคลึงผิวหนังบริเวณที่ฉีด เพราะจะทำให้เกิดรอยช้ำ หรือbleeding
        
        5.ให้การพยาบาลกับผู้ป่วยอย่างนุ่มนวล เพื่อป้องกันรอยฟกช้ำและbleeding
        
        6.ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ CBC(platelete)
      - การประเมินผลการพยาบาล
        
        ผู้ป่วยไม่มีอาการแทรกซ้อนจากการได้รับยา เช่น อ่อนเพลีย มึนงง ปวดศรีษะ
        
        ผู้ป่วยไม่มีไข้ อุณหภูมิได้ 36.9 องศา(26/0962)
        
        ไมีมีภาวะเลือดง่าย
    - - ข้อมูลสนับสนุน
        
        ผู้ป่วยมีลักษณะอ่อนเพลีย หายใจเร็ว อัตราการหายใจ 28 ครั้ง/นาที (27/09/62)
        
        Sputum culture พบ numerous gram possitive bacilli,gram negtive bacilli ,moderate yeast
        
        ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
        
        ค่า neutrophil 77.6% (48.1-71.2)
        
        ค่า lymphocyte 16.3 (21.1-42.7)
        
        ค่า eosinophil 0.1 (0.4-7.2)
        
        ผู้ป่วยมีไข้ 39.2 องศาเซลเซียส (27/09/62)
      - วัตถุประสงค์ทางการพยาบาล
        
        เพื่อลดการติดเชื้อ
      - เกณฑ์การประเมินผล
        
        อุณหภูมิร่างกายอยู่ในช่วง 36.5-37.4
        
        ไม่มีภาวะอ่อนเพลีย อัตราการหายใจ อยู่ในช่วง 16-24 ครั้ง/นาที
        
        ผล sputum culture ไม่พบการติดเชื้อ
        
        neutrophil อยู่ในช่วง 48.1-71.2 %
        
        eosinophil อยู่ในช่วง 0.4-7.2 %
        
        lymphocyte อยู่ในช่วง 21.1-42.7 %
      - กิจกรรมทางการพยาบาล
        
        ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะ อุณหภูมิร่างกายและอัตราการหายใจ เพื่อติดตามอาการของผู้ป่วย
        
        2.จัดสิ่งแวดล้อมให้สะอาด และปลอดโปร่ง
        
        3.ล้างมือโดยยึดหลัก 5 moment เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
        
        4.ทำความสะอาดช่องปาก เพื่อลดการติดเชื้อ
        
        5.ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษาของแพทย์ Tazocin 3.5 gm iv drip ทุก 6 ชั่วโมง
        
        6.ติดตามผล lab ผล Chest x-rayการตรวจ Sputum Culture และผลการตรวจ Complete Blood Count
  - - - CBC (23/09/62)
        
        RBC 3.55 10^6/ul (ค่าปกติ 3.96-5.96 10^6/ul)
        
        MCV 75.5 fL (ค่าปกติ 79.9 - 97.6 fL)
        
        Hematocrit 26.8 % (ค่าปกติ 36.8-46.6 %)
        
        MCH 23.1 pg (ค่าปกติ 25.9-32.4 pg)
        
        Hemoglobin 8.2 g/dl (ค่าปกติ 12.3-15.5 g/dl)
        
        MCHC 30.6 g/dL (ค่าปกติ 31.5-34.5 g/dL)
      - เคมีคลินิก 24/09/62
        
        CO2 18.5 mmol/L (ค่าปกติ 22-29 mmol/L )
        
        BUN 87.0 mg/dL (ค่าปกติ 7.0-18.7 mg/dL)
        
        Chloride 97.4 mmol/L (ค่าปกติ 98-107 mmol/L)
        
        Creatinine 2.04 mg/dL (ค่าปกติ 0.55-1.02 mg/dL)
        
        Sodium 131 mmol/L (ค่าปกติ 136-145 mmol/L)
        
        eGFR 22.21 ml/min (ค่าปกติ <90 ml/min)
      - จุลชีววิทยา (23/09/62)
        
        pO2 42.9 mmHg (ค่าปกติ 74.0-108.0 mmHg)
        
        HCO3 std 20.8 mmo/L (ค่าปกติ 1.0 - 1.3 mmol/L )
        
        PH 7.316 (ค่าปกติ 7.350-7.450)
        
        O2SAT 75% (ค่าปกติ 92.0-96.0 %)
      - จุลชีววิทยา 28/09/62
        
        Gram's stain (Sputum) พบ numerous gram possitive bacilli,gram negtive bacilli ,moderate yeast
- - - - ระบบทางเดินปัสสาวะ
      - ทางเดินหายใจ
      - ทางเดินอาหาร
    - - ตามผิวหนัง
      - ระบบหายใจ
    - - ทางเดินปัสสาวะ
      - ผิวหนัง
      - ระบบหายใจ
      - ระบบประสาท
      - อวัยวะในช่องท้อง
  - - - ให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดโดยครอบคลุมเชื้อที่น่าจะเป็นสาเหตุ
    - - เช่น การให้ยาลดไข้ ให้ยาลดกรดที่เกิดจากร่างกายมีภาวะเครียดสูง เพื่อป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร หรือการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำให้เพียงพอ การให้ออกซิเจน
  - - - การใส่ท่อช่วยหายใจ
      - การใส่สายสวนปัสสาวะ
      - การสอดใส่ท่อเข้าหลอดเลือดเพื่อให้สารนํ้าต่างๆ
      - การใส่สาย/ที่หลอดเลือดเพื่อการรักษา
  - - - มีไข้หนาวสั่น ชีพจรเร็ว หายใจเร็ว การมีไข้ ซึ่งพบในผู้ป่วยส่วนใหญ่
    - - ช่วยให้ระบุตําแหน่งของการติดเชื้อ ซึ่งจะทําให้พอจะทราบถึงชนิดของเชื้อก่อโรคได้
    - - ช่น ระบบหัวใจและไหลเวียนเลือด คือ ภาวะความดันโลหิตตํ่า อวัยวะต่างๆ ได้รับเลือดและออกซิเจนไม่พอเพียง ผู้ป่วยอาจมีอาการสับสน กระวนกระวาย ซึม หมดสติมีปัสสาวะน้อยลงหรือไม่มีปัสสาวะเลย
      - อาการต่างๆ จะดีขึ้นใน 24 - 96 ชั่วโมงในผู้ป่วยที่ตอบสนองต่อการรักษา ในผู้ป่วยที่มีอาการหนักอาจพบ ภาวะช็อกรุนแรงร่วมกับอาการของการทำงานที่ผิดปกติของอวัยวะ (organ dysfunction)
      - ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการ septic shock โดยไม่มีอาการจําเพาะ การวินิจฉัยสาเหตุ ของภาวะดังกล่าว อาจทําได้หากทําการเพาะเชื้อจากเลือดได้
  - - - อุณหภูมิร่างกาย ≥ 38 องศาเซลเซียส
        หรือ < 36 องศาเซลเซียส :warning:
      - อัตราการเต้นของหัวใจ > 90 ครั้งต่อนาที
      - อัตราการหายใจ > 20 ครั้งต่อนาที
        หรือ PaCO2 ≤ 32 มิลลิเมตรปรอท
      - White blood cell count ≥ 12,000 ลูกบาศก์มิลลิเมตร หรือมี immature polymorphonuclear cell > 10 เปอร์เซ็นต์
    - - Urine output < 0.5 ml./kg./hr.
      - ของเสียในร่างกายคั่ง ,
        Creatinine > 2.0 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
      - ภาวะเลือดเป็นกรด ,
        blood lactate level > 4 มิลลิโมล/ลิตร
      - Apillary refill time > 2 วินาที,
        ผิวหนังลาย (mottling) จากการไหลเวียนเลือดที่ลดลง
      - ปริมาณ O2ในเลือดลดลง
        ระดับ O2sat < 95 %
      - ระดับความรู้สึกตัวลดลง
      - ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด
        INR > 1.5 หรือ PTT > 60 วินาที
      - Platelet count < 100,000 ตัว/ไมโครลิตร
      - Bilirubin > 2 มิลลกรัม/เดซิลิตร
      - Systolic blood pressure < 90 มิลลิเมตรปรอทหรือลดลง> 40 มิลลิเมตรปรอท หรือความดันโลหิตเฉลี่ย > 65 มิลลิเมตรปรอท
- - - - โดยรูปแบบการทำงานของเครื่องสอดคล้องกับปอดของคนทั่วไป ระดับปริมาตรอากาศที่เข้าสู่ร่างกายผู้ป่วยจึงใกล้เคียงกับการหายใจของคนปกติ ทำให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
    - - ใช้กับผู้ป่วยที่มีภาวะหายใจลำบาก เนื่องจากปอดทำงานได้ไม่เต็มที่ เครื่องช่วยหายใจชนิดนี้มีการสูบฉีดออกซิเจนค่อนข้างถี่ ปริมาตรของอากาศที่เข้าสู่ร่างกายผู้ป่วยอยู่ในระดับต่ำ เพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถในการรับออกซิเจนของปอดในขณะนั้น