Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Pneumonia(ปอดอักเสบ) (ยาที่ผู้ป่วยได้รับ (ฺBerodual 1 NB q 4 hr …

- - - - เมื่อให้ยาแบบบริหารผ่านการสูด จากฤทธิ์ของอะเซทิลโคลีน การยังยั้งประสาทวากัสของไอปราโทเปียมทำให้เกิดการขยายของทางเดินอากาศ ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของหลอดลม
    - - ได้แก่ ปัสสาวะคั่ง อาการแพ้ จมูกแห้ง ระคายเคือง
  - - - ยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A
    - - คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องร่วง
  - - - เป็นหวัด น้ำมูกไหล
      - มีไข้
      - คลื่นไส้ อาเจียน
    - - โดยยาจะช่วยสลายมูกเหนียวข้นให้เจือจางลง เพื่อให้ระบบทางเดินหายใจขับมูกเสมหะเหล่านั้นออกมาได้
  - - - วิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ มวนท้อง
    - - การยับยั้งเอนไซม์ตัวหนึ่งในร่างกาย ทำให้เอนไซม์ไม่ทำงาน ซึ่งเอนไซม์ดังกล่าวเกี่ยวกับการสร้างคอเลสเตอรอล ทำให้ปริมาณคอเลสเตอรอลลดลง
  - - - ะคายเคืองทางเดินอาหาร ไม่สบายท้อง เบื่ออาหาร คลื่นไส้
  - - - เวียนศีรษะ ไม่อยากอาหาร รู้สึกตื่นเต้น กระสับกระส่าย แปรปรวน อยู่ไม่สุข
  - - - ลมพิษ มีผื่นขึ้น อาการคัน หายใจลำบาก แน่นหน้าอก
  - - - คลื่นไส้ อาเจียน
  - - - เบื่ออาหาร หายใจลำบาก
  - - - ท้องเสีย
  - - - ผื่นแดงลมพิษ คลื่นไส้อาเจียน
  - - - คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย
  - - - ปวดท้อง พบท้องเสียได้บ้าง อุจจาระสีคล้ำ มีผื่นคัน
- - - - ผล x-ray ปอดพบ Infiltration of right lung
      - ฟังเสียงปอดได้ยินเสียง crepitationsข้างขวามากกว่าข้างซ้าย
      - secretionมีลักษณะสีขาวขุ่นมีลักษณะเหนียว
      - มีไข้สูง37.8 องศาเซลเซียส ในวันที่23/09/62 : :
      - ผู้ป่วยไม่สามารถหายใจได้ด้วยตัวเองต้อง on ventilater
    - - ไม่มีภาวะพร่องออกซิเจนและการติดเชื้อลดน้อยลง
    - - ฟังเสียงปอดไม่พบเสียงผิดปกติเสียง crepitation
      - ค่าoxygensat 95-100%
      - ปริมาณเสมหะลดลง
      - ค่าv/s ปกติ
      - ไม่มีภาวะ cyanosis
    - - 1.ประเมิน vital sign ของผู้ป่วย
      - suction แบบ aceptic technique ออกจากปอด ลดเสมหะจากปอดและป้องกันการติดเชื้อ
      - 3.ตรวจสอบสภาพสาย Flexible Tube ที่ต่อกับเครื่องไม่ให้พับงอ หลุดและเลื่อนออกจากตัวผู้ป่วย
      - 4.จัดท่านอนผู้ป่วยใน high fowler’s position เนื่องจากให้ผู้ป่วยหายใจสะดวกเคาะปอดเพื่อให้เสมหะหลุด
      - ทำความสะอาดช่องปากเพื่อลดการติดเชื้อดู
      - 6.ดูแลสายNG tube ไม่ให้หักพับงอและไม่ให้เลื่อนหลุด และดูแลความสะอาดของสายNG tube เสมอ
      - 7.ให้ยา fluimucill ปริมาณ 200 mg ต่อครั้ง จำนวน 3 ครั้งต่อวัน เพื่อละลายเสมหะ
      - 8.พ่นยาขยายหลอดลมตามแผนการรักษา
      - 9.ติดตามผลlab การตรวจ x-ray ผลการตรวจเลือดและผลการตรวจsputum ตามแผนการรักษาของแพทย์
      - 10.ล้างมือโดยใช้หลัก5 moment
        
        ก่อนสัมผัสผู้ป่วย
        
        ก่อนทำหัตถการกับผู้ป่วย
        
        หลังสัมผัสสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย
        
        หลังสัมผัสคนไข้
        
        หลังสัมผัสสิ่งที่ล้อมรอบ
  - - - DTX วันที่23/09/62เวลา 11.00น. ได้ 219 mg/dL
      - ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน5ปี
    - - 1.ป้องกันภาวะช็อค
      - 2.เพื่อให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ที่แพทย์กำหนด
    - - ไม่มีการเหงื่อออก ตัวเย็น หรือผิวหนังแห้ง ตาลึกโบ๋ คลื่นไส้อาเจียน ซึมลง หรือหมดสติ
      - สัญญาณชีพปกติอุณหภูมิ 36.5 – 37.4 องศาเซลเซียส ชีพจร 60 – 90 ครั้ง/นาที สมํ่าเสมอ อัตราการหายใจ 18 – 24 ครั้ง/นาที สมํ่าเสมอ ความดันโลหิต 90/60 – 130/90 มิลลิเมตรปรอท
      - ระดับนํ้าตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ 80-200 มิลลิกรัม
    - - 1.วัดสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง เพื่อประเมินอาการเปลี่ยนแปลง และวางแผนการช่วยเหลือได้ทันท่วงที
      - 2.ติดตามผลระดับนํ้าตาลในเลือดเพื่อประเมินระดับนํ้าตาลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันท่วงที
        
        โดยแพทย์ RI scale ไว้ที่ 201-250 HR 4 unit 251-300 HR ุ6 unit
        301-350 HR 8 unit
        350-400 HR 10 unit
      - ประเมินอาการและอาการแสดงของHyperglycemiaและHypoglycemia
      - 4ดูแลการได้รับยาลดระดับนํ้าตาลอินซูลินตามแผนการรักษาของแพทย์
      - 5.สังเกตระดับความรู้สึกตัวและอาการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย เช่น ซึม กระวนกระวาย ชักหรือหมดสติ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันท่วงที
      - 6.ดูแลให้ได้รับการทานอาหารfeed ตามแผนการรักษาของแพทย์
  - - - ผิวของผู้ป่วยมีลักษณะซีด
      - Hct 26.0 %
      - Hb 8.7 g/dL
      - capillary refil 4 s
    - - เพื่อให้ร่างกายได้รับออกซิเจนเพียงพอ
    - - ค่าo2 sat 95-100 %
      - ค่าv/s ปกติ
      - ผู้ป่วยไม่มีภาวะ cyanosis
    - - ลดการใช้ออกซิเจนของผู้ป่วยโดยการให้ผู้ป่วยนอนพักบนเตียงพักผ่อนมากๆ จัดสิ่งแวดล้อมที่สงบเงียบจะช่วยให้พักหลับได้
      - ให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารfeed ตามแผนการรักษาของแพทย์
      - 1.ประเมินสัญญาณชีพทุก4ชั่วโมง
      - สังเกตอาการเหนื่อย อ่อนเพลียของผู้ป่วย
      - ติดตามผลแลป CBC
  - - - ค่าcreatinine=2.75 mg/dL
      - ค่าbun =77.1mg/dL
      - ค่าAlbumin = 2.9g/dL
      - ค่าEGFR=20.99mL/min
      - ค่าHCO3=11.8 mmol/L
      - ผู้ป่วยมีภาวะบวมกดบุ๋ม3+
    - - ป้องกันอันตรายจากภาวะเสียคั่งในร่างกาย
    - - bun อยู่ในค่าปกติ
      - EGFRอยู่ในค่าปกติ
      - creatinineอยู่ในค่าปกติ
      - HCO3อยู่ในค่าปกติ
      - Albumin อยู่ในค่าปกติ
      - ผู้ป่วยไม่มีภาวะบวมกดบุ๋ม
    - - 3.ให้ผู้ป่วยนอนพักบนเตียง ลดการรบกวนผู้ป่วย ให้พักผ่อนมากๆ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
      - 4.สังเกตและบันทึกอาการแสดงของภาวะของเสียคั่งในกระแสเลือด เช่น
        ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง อาการสับสน คลื่นไส้อาเจียน
      - 2.บันทึกปริมาณนํ้าเข้าและปัสสาวะทั้งจำนวนและลักษณะ
      - 5.ดูแลรักษาความสะอาดร่างกาย เสื้อผ้าไม่ให้อับชื้น ทาโลชั่นบริเวณผิวหนังที่แห้ง
      - 1.วัดสัญญาณชีพเพื่อประเมินอาการผิดปกติของคนไข้ทุก4ชั่วโมง
      - 6.ติดตามผลการตรวจค่า BUN และ Creatinine เพื่อประเมินระดับของเสียในร่างกาย
  - - - ผู้ป่วยเป็นbedridden มาเป็นเวลา3ปี
      - ผู้ป่วยควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระไม่ได้
    - - ไม่เกิดแผลกดทับ
    - - ผิวหนังชุ่มชื่นและมความยืดหยุ่นดี
      - ข้อไม่เกิดการยึดติด
      - ผิวหนังไม่มีรอยแดงไม่มีการฉีกขาดของผิวหนังและแผลถลอก
    - - 3.ดูแลผ้าปูที่นอนให้สะอาดและตึง อาจจะเสริมที่นอนลมให้ผู้ป่วยกระจายแรงกดทับไม่ให้กดบริเวณใดบริเวณหนึ่งมากเกินไป
      - 4.ดูแลการขับถ่ายไม่ให้ผู้ป่วยนอนแช่อุจจาระปัสสาวะ
      - 2.พลิกตะแคงตัวผู้ป่วยทุกๆ2ชั่วโมง
      - 5.บริหารข้อต่างๆให้ผู้ป่วย
      - 1.ประเมินสภาพผิวหนัง โดยการสังเกตว่ามีรอยแดงหรือรอยกดทับหรือไม่โดยเฉพาะผิวหนังที่มีปุ่มกระดูกต่างๆ
- - - - จะปรากฏอาการเมื่อได้รับเชื้อ 48 ชม. หรือนานกว่าโดยไม่ได้รับเครื่องช่วย หายใจ
      - เชื้อที่มักเป็นสาเหตุคือ Pseudomonase,enterobacter S. aures
    - - ปอดอักเสบในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อจุลชีพภายหลังจากการใส่ท่อช่วยหายใจและ ได้รับเครื่องช่วยหายใจนานตั้งแต่ 48 ชั่วโมงขึ้นไป
      - การสูดสำลักเชื้อจุลชีพจากปากหรือคอผ่านหลอดลมเข้าสู่ปอด
      - การหายใจเอาละอองที่มีเชื้อจุลชีพเข้าไปในปอด ส่วนใหญ่เกิดจากการปนเปื้อนเชื้อจุลชีพ บน อุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจ
      - การแพร่กระจายของเชื้อจุลชีพตามระบบเลือดหรือระบบน้ำเหลือง มักเกิดหลังการติดเชื้อ ที่ ตำแหน่งอื่นของร่างกาย
    - - เป็นการติดเชื้อขณะที่อยู่ในชุมชนหรือเมื่อเข้าอยู่รพ.ได้ประมาณ 2 วัน
      - ไข้สูงมากกว่า 38 ċ เกิน 24 ชั่วโมง
      - ไอมีเสมหะ, เสมหะเปลี่ยนสี
      - Pleuritic chest pain
      - หายใจเร็วขึ้น RR > 22 /min
      - เหนื่อยหอบ หายใจลําบาก
      - ฟัง Lung มี Crepitation
      - มักเกิดในช่วงอากาศหนาวเย็น
      - คนที่สูบบุหรี่มีภาวะเสี่ยงสูง
      - เชื้อที่พบมักเป็น streptococcus p.
  - - - ผู้ป่วยได้รับการตรวจsputum Gram stain
        พบ numerous PMNS
      - ผล x-ray ปอดพบ Infiltration of right lung
- - - - ไอ มีเสมหะมากขึ้น 2 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล
    - - Pneumonia
    - - 2วันก่อนมาโรงพยาบาลญาติให้ประวัติว่าผู้ป่วยไม่รับประทานอาหาร มีอาการไอมากขึ้น มีเสมหะก้อนใหญ่สีแดงเข้ม มีน้ำมูก และมีไข้ ท้องเสียเป็นน้ำแต่ไม่มีเลือด เมื่อวานปัสสาวะไม่ออก หายใจเหนื่อยเล็กน้อย
    - - ผู้ป่วยมีประวัติเป็นโรคความดันโลหิตสูง(HT)เป็นเวลา5ปีได้รับการรักษาโดยรับยาที่โรงพยาบาลตำรวจเป็นประจำ
      - ผู้ป่วยมีประวัติเป็นโรคไขมันในเลือดสูง(DLP)เป็นเวลา5ปีได้รับการรักษาโดยรับยาที่โรงพยาบาลตำรวจเป็นประจำ
      - ผู้ป่วยมีประวัติเป็นโรคเบาหวาน(DM)เป็นเวลา5ปีได้รับการรักษาโดยรับยาที่โรงพยาบาลตำรวจเป็นประจำ
      - acute stoke 7 ปี