Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กฎหมาย จริยธรรมและความปลอดภัย (• จริยธรรมทางด้านคอมพิวเตอร์ …
กฎหมาย จริยธรรมและความปลอดภัย
•
ความหมายของจริยธรรม
จริยธรรม หมายถึง คุณสมบัติทางความประพฤติ ที่สังคมมุ่งหวังให้คนในสังคมนั้นประพฤติ มีความถูกต้องในความประพฤติ มีเสรีภาพภายในขอบเขตของมโนธรรม (Conscience) เป็นหน้าที่ที่สมาชิกในสังคมพึงประพฤติปฏิบัติต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อสังคม ทั้งนี้เพื่อก่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองขึ้นในสังคม การที่จะปฏิบัติให้เป็นไปเช่นนั้นได้ ผู้ปฏิบัติจะต้องรู้ว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด
• อาชญากรรมคอมพิวเตอร์
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ หมายถึง การกระทำผิดทางอาญาในระบบคอมพิวเตอร์ หรือการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อกระทำผิดทางอาญา เช่น ทำลาย เปลี่ยนแปลง หรือขโมยข้อมูลต่าง ๆ เป็นต้น ระบบคอมพิวเตอร์ในที่นี้ หมายรวมถึงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เชื่อมกับระบบดังกล่าวด้วย
สำหรับอาชญากรรมในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (เช่น อินเทอร์เน็ต) อาจเรียกได้อีกอย่างหนึ่ง คืออาชญากรรมไซเบอร์ (อังกฤษ: Cybercrime) อาชญากรที่ก่ออาชญากรรมประเภทนี้ มักถูกเรียกว่า แครกเกอร์
อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ คือ การกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ อันทำให้เหยื่อได้รับความเสียหาย และผู้กระทำได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเเละการกระทำผิดกฎหมายใด ๆ ซึ่งใช้เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ
• การรักษาความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์
ระบบที่มีไว้เพื่อป้องกันภัยคุกคามจากผู้ที่ประสงค์ร้ายต่อธุรกิจข้อมูลที่เป็นความลับขององค์กรหรือข้อมูลส่วนตัวของบุคคลทั่วไปที่องค์กรนั้นมีอยู่รวมไปถึงข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลจากผู้ที่ต้องการคุกคามผู้ใช้คอมพิวเตอร์บนโลกอินเตอร์เน็ตหรือจากระบบรักษาความปลอดภัยในเครื่องคอมพิวเตอร์เอง
• จริยธรรมทางด้านคอมพิวเตอร์
จริยธรรม เป็นศาสตร์แขนงหนึ่งของปรัชญาที่เกี่ยวข้องกับหลักในการประพฤติปฏิบัติตนของมนุษย์ ที่มุ่งเน้นแต่การทำดี คิดดี ซึ่งทางด้านการใช้งานคอมพิวเตอร์แล้ว จริยธรรมเป็นสิ่งสำคัญประการหนึ่งที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทุกคนควรจะตระหนักถึงตลอดเวลา เพื่อไม่ให้มีการใช้ความสามารถทางด้านคอมพิวเตอร์ไปในทางที่ผิด อันจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่นได้
ความเป็นส่วนตัว (Privacy)
ความเป็นเจ้าของ(Property)
ความถูกต้องเเม่นยำ (Accuracy)
การเข้าถึงข้อมูล(Information Accessibility)
• พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
2.2. ในปี พ.ศ. 2550 ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 128 ตอน 27 ก. ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2550 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 19 กรกฎาคม 2550 โดยสามารถสรุปแบ่งตามฐานความผิดและบทลงโทษสำหรับการกระทำโดยมิชอบต่างๆ
1.จงอธิบายคำต่อไปนี้ว่าคืออะไร พร้อมยกตัวอย่างประกอบคำอธิบาย
• จริยธรรม คือ ความประพฤติที่เป็นธรรมชาติ เกิดจากคุณธรรมในตัวเอง ก่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในสังคม รวมสรุปว่าคือ ข้อควรประพฤติปฏิบัติจริยธรรม(Ethics) ความเป็นผู้มีจิตใจสะอาด บริสุทธิ์ เสียสละหรือประพฤติดีงาม
• ความถูกต้องแม่นยำของสารสนเทศ (information accuracy)ในการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการรวบรวม จัดเก็บ และเรียกใช้ข้อมูลนั้น คุณลักษณะที่สำคัญประการหนึ่ง คือ ความน่าเชื่อถือได้ของข้อมูล ทั้งนี้ จะขึ้นอยู่กับความถูกต้องในการบันทึกข้อมูลด้วย โดยทั่วไปจะพิจารณาว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความถูกต้องของข้อมูลที่จัดเก็บและเผยแพร่ ดังนั้น ในการจัดทำข้อมูลและสารสนเทศให้มีความถูกต้องและน่าเชื่อถือนั้น ข้อมูลควรได้รับการตรวจสอบความถูกต้องก่อนที่จะนำเข้าฐานข้อมูล รวมถึงการปรับปรุงข้อมูลให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ นอกจากนี้ ควรให้สิทธิแก่บุคคลในการเข้าไปตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลตนเองด้วย
• ความเป็นส่วนตัวทางด้านสารสนเทศ (Information Privacy)สิทธิที่จะอยู่ตามลำพัง และเป็นสิทธิที่เจ้าของสามารถที่จะควบคุมข้อมูลของตนเองในการเปิดเผยให้กับ ผู้อื่น สิทธินี้ใช้ได้ครอบคลุมทั้งปัจเจกบุคคล กลุ่มบุคคล และองค์การต่างๆ
• ความเป็นเจ้าของในสารสนเทศ (Information Property)สิทธิความเป็นเจ้าของ หมายถึง กรรมสิทธิ์ในการถือครองทรัพย์สิน ซึ่งอาจเป็นทรัพย์สินทั่วไปที่จับต้องได้ เช่น คอมพิวเตอร์ รถยนต์ หรืออาจเป็นทรัพย์สินทางปัญญา (ความคิด) ที่จับต้องไม่ได้ เช่น บทเพลงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แต่สามารถถ่ายทอดและบันทึกลงในสื่อต่างๆ ได้ เช่น สิ่งพิมพ์ เทป ซีดีรอม เป็นต้น
สปายแวร (Spyware)แม้จะชื่อว่า สปายแวร์ แต่ไม่ได้มีความหมายลึกลับเหมือนอย่างชื่อ แต่กลับถูกใช้สำหรับการโฆษณาประชาสัมพันธ์เสียมากกว่า ในอันที่จริง สปายแวร์จะได้รับความรู้จักในชื่อของ แอดแวร์ ด้วย ดังนั้นคำว่าสปายแวร์จึงเป็นเพียงการระบุประเภทของซอฟต์แวร์เท่านั้น ส่วนความหมายที่แท้จริง สปายแวร์ หมายถึงโปรแกรมที่แอบเข้ามาติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยที่ผู้ใช้อาจไม่ได้เจตนา
• สแปมเมล (Spam Mail)คืออีเมลที่ไม่พึงประสงค์อย่างหนึ่งที่ถูกส่งมาจากที่ผู้ที่ไม่สามารถระบุตัวตนได่ว่าเป็นใคร (โดเมนที่ไม่ได้รับการยืนยันตัวตน) ซึ่งวัตถุประสงค์ที่ส่งอีเมลลักษณะนี้ก็เพื่อที่จะใช้เป็นการประชาสัมพันธ์, โฆษณา, ก่อกวน เป็นต้น แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะส่งเพื่อก่อกวน หรือกระจายข้อความที่ไม่พึงประสงค์ อาจจะมีการฝั่ง Script (สคลิปต์) ต่างๆไว้ในไฟล์เอกสารที่แนบมากับอีเมลนั้นด้วย ซึ่งเมื่อเปิดไฟล์นั้นหรือดาวน์โหลดลงมาที่เครื่องคอมพิวเตอร์ อาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้ สำหรับ Spam mail
• ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus)ซึ่งเรียกชื่อเลียนแบบ ไวรัส ที่เป็นสิ่งมีชีวิต แต่เป็นคำเรียกแบบย่อของ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่มีชุดคำสั่งระบบปฏิบัติการใดๆก็ตามเท่าที่โปรแกรมถูกเขียนขึ้นมาเพื่อการใดการหนึ่งทั้งที่มีประโยชน์ทางการทำงานตามผู้เขียนโปรแกรมนั้นขึ้นมาและไวรัสสามารถทำให้คอมพิวเตอร์พังได้
• หนอนอินเทอร์เน็ต (Worm)เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เช่นเดียวกับโปรแกรมไวรัส แต่แพร่กระจายผ่านเครือข่ายไปยังคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เครื่องอื่น ๆ ที่ต่ออยู่บนเครือข่ายด้วยกัน ลักษณะการแพร่กระจายคล้ายตัวหนอนที่เจาะไชไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ แพร่พันธุ์ด้วยการคัดลอกตัวเองออกเป็นหลาย ๆ โปรแกรม และส่งต่อผ่านเครือข่ายออกไป และสามารถแพร่กระจายผ่านทางอีเมล์ได้ ไม่ว่าจะเป็น Outlook Express หรือ Microsoft Outlook
• การหลอกลวงเหยื่อเพื่อล้วงเอาข้อมูลส่วนตัว (Phishing)การใช้งานบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการทำธุรกรรมที่จำเป็น ต้องใช้ข้อมูลส่วนตัวป้อนเข้าไปก่อน เรียกขอใช้บริการ เช่น รายละเอียดหมายเลขบัตรเครดิต ชื่อผู้ใช้ หรือรหัสผ่านในการใช้งานบนเว็บไซต์ของผู้ให้บริการตัวจริง เช่น เว็บไซต์ประมูลสินค้าออนไลน์ เว็บไซต์ทำธุรกรรมการเงิน อาจถูกหลอกลวงจากผู้ไม่ประสงค์ดีด้วยการส่งอีเมล์ไปยังสมาชิก เพื่อขอข้อมูลบางอย่างที่จำเป็นโดยใช้คำกล่าวอ้างต่างๆเขียนขึ้นมาเองให้เชื่อใจและหลงเชื่อในที่สุด
• แครกเกอร (Cracker)การก่ออาชญากรรมทางโลกไซเบอร์ มีลักษณะคล้ายกกับแฮกเกอร์แต่แตกต่างกันตรงความคิดและเจตณา แฮกเกอร์ คือผู้ที่นำความรู้ในการแฮกไปใช้ในทางที่มีประโยชน์ ส่วนแครกเกอร์ คือผู้ที่นำความรู้ในการแฮกไปใช้ในการทำความผิด เช่น การขโมยข้อมูล การทำลายข้อมูล หรือแม้กระทั่งการครอบครองคอมพิวเตอร์คนอื่น
• การสำรองข้อมูล คือ เป็นการคัดลอกแฟ้มข้อมูลเพื่อทำสำเนา เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นหากข้อมูลเกิดการเสียหายหรือสูญหาย โดยสามารถนำข้อมูลที่สำรองไว้มาใช้งานได้ทันทีการสำรองข้อมูลทีอยู่ 2 แบบ คือแบบออนไลน์ และออฟไลน์
คำถาม