Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
TRAUMA AND STRESS-RELATED DISORDERS (POSTTRAUMATIC STRESS DISORDER…
TRAUMA AND STRESS-RELATED DISORDERS
POSTTRAUMATIC STRESS DISORDER
เป็นโรควิตกกังวลที่เกิดภายหลังจากที่ผู้ป่วยเผชิญกับเหตุการณ์ที่รุนแรง
ลักษณะอาการทางคลินิก
หวาดกลัวอย่างรุนแรง รู้สึกสิ้นหวัง รู้สึกผิด อับอาย
คิดและฝันซ้ำๆ หรืออาจหลงลืมเหตุการณ์นั้นๆ
เกณฑ์การวินิจฉัย
A. บุคคลเผชิญกับเหตุการณ์ที่อันตรายถึงชีวิต หรือคุกคามชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บรุนแรง หรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ อย่างน้อย 1 ข้อ ในลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังต่อไปนี้
เป็นผู้ประสบเหตุโดยตรง
เป็นพยานรู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดกับผู้อื่น
ได้รับรู้เหตุภัยพิบัติที่เกิดกับคนในครอบครัว หรือเพื่อนสนิท (หากเป็นกรณีถึงแก่ชีวิต หรือคุกคามชีวิต เหตุการณ์นั้นต้องเกิดจากความรุนแรงหรืออุบัติเหตุ)
ได้ประสบกับรายละเอียดอันน่าสยดสยองของเหตุการณ์นั้นซ้ำ ๆ หรืออย่างมากเกินควร เช่น เป็นคนแรกที่พบศพมนุษย์ ตำรวจที่ต้องเผชิญกับรายละเอียดของการทารุณกรรมเด็กซ้ำ ๆ (ไม่นับการรับรู้ผ่านทางสื่อ หากไม่เกี่ยวข้องกับงาน)
B. มีอาการอย่างน้อย 1 อย่างของการรับรู้เหตุการณ์ดังกล่าวผุดขึ้นมาซ้ำ ๆ หลังประสบเหตุ ดังต่อไปนี้
มโนภาพ ความคิด การรับรู้ เกี่ยวกับเหตุการณ์ผุดขึ้นมาซ้ำๆ อย่างไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้เกิดความทุกข์ทรมาน
ฝันร้ายเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ
มีการกระทำ หรือความรู้สึกเหมือนเหตุการณ์กลับมาเกิดขึ้นซ้ำ ๆ (flashback)
มีความทุกข์ทรมานใจอย่างรุนแรงเมื่อเจอกับสถานการณ์ที่เป็นสัญลักษณ์ หรือคล้ายกับเหตุการณ์นั้น
มีปฏิกิริยาทางกายอย่างชัดเจนเมื่อเผชิญกับสิ่งที่กระตุ้นให้นึกถึงเหตุการณ์
C. พฤติกรรมหลีกเลี่ยงเมื่อเจอสิ่งเร้าที่สัมพันธ์กับเหตุการณ์นั้นอย่างน้อย 1 ข้อ ดังต่อไปนี้
หลีกเลี่ยงที่จะคิด รู้สึก หรือบทสนทนาที่เกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น
หลีกเลี่ยงสิ่งเร้าภายนอกที่ทำให้ระลึกถึง หรือรู้สึกถึงเหตุการณ์นั้น เช่น บุคคล สถานที่ บทสนทนา กิจกรรม วัตถุ สถานการณ์
D. มีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ และความคิดการรับรู้ต่อเหตุการณ์ไปในทางลบหลังเกิดเหตุการณ์ โดยมีลักษณะอย่างน้อย 2 อย่าง ดังต่อไปนี้
จำส่วนสำคัญของเหตุการณ์นั้นไม่ได้ (มักเป็น Dissociative amnesia และไม่ได้เกิดจากปัจจัยอื่น เช่น Head injury, Alcohol, Substance
คาดหวังหรือมีความเชื่อต่อตนเอง ผู้อื่น และโลกภายนอกไปในทางลบมากเกินไปอย่างต่อเนื่อง เช่น ฉันมันไม่ดี เชื่อใจใครไม่ได้เลย โลกเป็นที่อันตรายสุด ๆ
มีความคิด การรับรู้ที่บิดเบือนอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับสาเหตุหรือผลที่ตามมาจากเหตุการณ์ดังกล่าว จนทำให้โทษตนเอง หรือบุคคลอื่น
มีอารมณ์ด้านลบที่ยาวนาน (เช่น หวาดกลัว สะพรึงกลัว โกรธ รู้สึกผิด ละอาย)
มีความสนใจในกิจกรรมที่สำคัญลดลงอย่างชัดเจน
รู้สึกแปลกแยกจากบุคคลอื่น
ไม่สามารถมีอารมณ์ด้านบวก (เช่น มีความสุข พึงพอใจ หรือรัก) ได้เลย
E. มีการเปลี่ยนแปลงความตื่นตัวที่สัมพันธ์กับเหตุการณ์ โดยเริ่มเป็นหรือมีอาการแย่ลงหลังเกิดเหตุการณ์ โดยมีลักษณะอย่างน้อย 2 อย่าง ดังต่อไปนี้
หงุดหงิด ระเบิดอารมณ์โกรธ และมีพฤติกรรมก้าวร้าวต่อบุคคลอื่น หรือวัตถุ ซึ่งมักจะเป็นทางวาจาหรือการกระทำ แม้ไม่มีสิ่งกระตุ้น หรือมีสิ่งกระตุ้นเพียงเล็กน้อย
กระสับกระส่าย หรือมีพฤติกรรมทำลายตนเอง
ระแวดระวัง (Hypervigilance)
สะดุ้งตกใจง่ายเกินเหตุ
มีปัญหาสมาธิ
มีปัญหาการนอนหลับ เช่น หลับยาก หลับๆ ตื่นๆ หรือนอนกะสับกระส่าย
F. มีอาการในข้อ B , C , D และ E นานกว่า 1 เดือน
G. อาการดังกล่าวทำให้เกิดความทุกข์ทรมาน และบกพร่องในหน้าที่ ทั้งทางสังคม ความสัมพันธ์ และด้านอื่นๆ
H. อาการไม่ได้เป็นจากผลของยา หรือสารเสพติด หรือโรคทางกาย
ACUTE STRESS DISORDER
ลักษณะอาการทางคลินิกเป็นโรควิตกกังวลที่เกิดภายหลังจากที่ผู้ป่วยเผชิญกับความตายที่มาคุกคาม , การบาดเจ็บสาหัส , ถูกกระทำรุนแรงทางเพศ ทำให้เกิดความรู้สึกว่าบุคคลหรือสถานที่นั้นๆ อยู่ในใจตลอดเวลา
มีอาการนาน 3 วัน ถึง 1 เดือนหลังเกิดเหตุการณ์
เกณฑ์การวินิจฉัย
A. เหมือน PTSD
B. หลังประสบเหตุดังกล่าว มีอาการดังต่อไปนี้เกิดขึ้น หรือแย่ลงตั้งแต่ 9 ข้อขึ้นไป จาก 5 กลุ่มอาการ
Intrusion symptoms (อาการที่ผุดขึ้นมา)
มีความจำเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นที่ทำให้เกิดความทุกข์ทรมาน ผุดขึ้นมาซ้ำๆ อย่างไม่สามารถควบคุมได้
มีฝันร้ายซ้ำๆ ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น
มี Dissociative reactions (เช่น flashbacks) รู้สึกราวกับว่าเหตุการณ์กำลังเกิดขึ้นซ้ำๆ
มีความทุกข์ทรมานจิตใจอย่างรุนแรง และยาวนาน เมื่อเผชิญกับสิ่งที่กระตุ้นให้นึกถึงเหตุการณ์
ไม่สามารถมีอารมณ์ด้านบวก (เช่น มีความสุข พึงพอใจ หรือรัก) ได้เลย
เปลี่ยนแปลงการรับรู้ความเป็นจริงของตัวอง หรือสิ่งที่อยู่รอบตัว เช่น มองเห็นตัวเองจากมุมมองของคนอื่น รู้สึกเวลาช้าลง
จำส่วนสำคัญของเหตุการณ์นั้นไม่ได้ (มักเป็น Dissociative amnesia และไม่ได้เกิดจากปัจจัยอื่น เช่น Head injury, Alcohol, Substance
พยายามหลีกเลี่ยนความทรงจำ ความคิด ความรู้สึกที่สัมพันธ์กับเหตุการณ์นั้น
พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งเร้าภายนอกที่ทำให้นึกถึงเหตุการณ์นั้น เช่น บุคคล สถานที่ บทสนทนา กิจกรรม วัตถุ สถานการณ์
มีปัญหาการนอน เช่น หลับยาก หรือหลับๆ ตื่นๆ หรือนอนกระสับกระส่าย
หงุดหงิด ระเบิดอารมณ์ และมีพฤติกรรมก้าวร้าวต่อบุคคลอื่นหรือวัตถุ ซึ่งมักเป็นทางวาจาหรือการกระทำ แม้ไม่มีสิ่งกระตุ้นหรือมีสิ่งกระตุ้นเพียงเล็กน้อย
ระแวดระวัง (Hypervigilance)
มีปัญหาเรื่องสมาธิ
สะดุ้งตกใจง่ายเกินเหตุ
C. มีอาการในข้อ B นานอย่างน้อย 3 วัน จนถึง 1 เดือน หลังเกิดเผชิญเหตุการณ์
D. อาการดังกล่าวทำให้เกิดความทุกข์ทรมาน และบกพร่องในหน้าที่ ทั้งทางสังคม ความสัมพันธ์ และด้านอื่นๆ
E. อาการไม่ได้เป็นจากผลของยา หรือสารเสพติด หรือโรคทางกาย และไม่ได้เป็นจากโรค Brief psychotic disorder