Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

กรณีศึกษา :<3: โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็ก (กรณีศึกษา :star: : :star: :…

- - - - เซลล์ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ
      - แพร่กระจายไปยังเซลล์ปกติ เนื้อเยื้อรอบๆ อวัยวะใกล้เคียง
      - แพร่กระจายสู่เลือด ระบบน้ำเหลือง
      - เกิดการทำลายและสูญเสียหน้าที่ของอวัยวะนั้นๆตามมา
  - - - ทำให้การผลิตเม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือด ลดต่ำลง
      - อาการซีด เลือดออกง่าย และติดเชื้อง่าย
- - - - การแบ่งตัวของเซลล์ที่ไม่ใช่ชนิดลิมโฟบลาสต์ (Acute Nonlymphoblastic leukemia: ANLL)
      - Myelogenous leukemia คือ การที่พบเซลล์ที่ผิดปกติในสาย myeloid
        
        ได้แก่ eosinophils, neutrophils, และ basophils เพิ่มมากขึ้นในกระแสเลือด
- - - - แต่ละตัวจะออกฤทธิ์ต่อเซลล์ในระยะที่แตกต่างกัน
      - ป้องกันการดื้อยาของเซลล์มะเร็ง
      - ทำให้ยามีประสิทธิภาพในการรักษาเพิ่มมากขึ้น
      - ลดผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดแต่ละชนิด
      - การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด :warning:
        
        การได้รับยาเคมีบำบัดในแต่ละครั้งจะเว้นระยะห่างประมาณ 3 - 4 wk
        
        เซลล์ปกติภายในร่างกายและไขกระดูกมีการฟื้นฟูสภาพ
        การออกฤทธิ์ของยาเคมีบำบัด
        
        ขัดขวางการทำงานของเอนไซม์
        
        สารที่เป็นองค์ประกอบของDNA หรือ RNA
        
        เข้าใจถึงวงจรชีวิตของเซลล์และการแบ่งตัวของเซลล์ของเซลล์มะเร็ง
        
        ยาเคมีบำบัดที่ใช้รักษาเด็กในปัจจุบัน :checkered_flag:
        
        แบ่งตามกลไกการออกฤทธิ์ออกเป็นกลุ่มต่างๆ ดังนี้ (Payne & Miles, 2008) :pencil2:
        
        อัลคาเลติ้ง เอเจนท์ (Alkylating agents)
        
        ออกฤทธิ์ต่อเซลล์ในทุกระยะของวงจร :unlock:
        
        รบกวนสังเคราะห์การเกิดปฏิกิริยาที่ DNA ทำให้เกิดความผิดปกติของสายสะพานที่เชื่อมกัน ระหว่างDNA & RNA ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง (Bower & Waxman, 2010)
        
        ยา: :tada:
        
        ไอฟอสฟามายด์ (Ifosfamide)
        
        ไซโคลฟอสฟามายด์ (Cyclophosphamide)
        
        ซิสพลาติน (Cisplatin)
        
        ยาคาร์โบพลาทิน (Carboplatin)
        
        แอนติเมตาบอไลท์ (Antimetabolites)
        
        ออกฤทธิ์จำเพาะต่อระยะวงจรเซลล์: :unlock:
        
        ยับยั้งการเจริญเติบโตในการแบ่งเซลล์ในระยะ S-phase
        
        ยา: :tada:
        
        4 more items...
        
        แพลน อัลคาลอยด์ (Plant alkaloids/ oncovin)
        
        ออกฤทธิ์ในการยับยั้งไม่ให้มีการสังเคราะห์อาร์เอ็นเอ (RNA) และการแบ่งตัวของเซลล์ในระยะไมโตซิส
        
        ยา: :tada:
        
        2 more items...
        
        Antitumor antibiotics
        
        ยาจะสอดแทรกเข้าไปในสายของ DNA
        
        ยับยั้งการสังเคราะห์ RNA & DNA
        
        ออกฤทธิ์ไม่จำเพาะต่อระยะวงจรเซลล์ มีผลในทุกระยะของเซลล์วงจร
        
        ยา: :tada:
        
        4 more items...
        
        ฮอร์โมน (Hormones)
        
        ยา: :tada:
        
        กลูโคคอร์ติคอยด์ (Glucocorticoids)
        
        Prednisolone/ Dexamethazone/ Hydrocortisone
        
        . อื่นๆ
        
        ยา: :tada:
        
        แอสพาราจิเนส (L-asparaginase)
    - - การรักษาที่สามารถทำให้โรคหายขาดได้
      - ทำในระยะที่โรคสงบหลังได้รับยาเคมีบำบัดแล้ว
    - - ในกรณีที่มีความเสี่ยงในการลุกลามเข้าสมอง
  - - - รักษาอย่างอื่น ๆนอกเหนือจากการให้เคมีบำบัด
        
        1.1 การให้ส่วนประกอบของเลือด
        
        เกล็ดเลือดเข้มข้น เพื่อให้ระดับของเกล็ดเลือดในเลือดสูงเกิน 20 x 109/ลิตร
        
        เม็ดเลือดแดงเข้มข้น
        
        อายุน้อย ซีด ระดับ Hct ต่ำกว่า 24-25%
        
        อายุน้อยน้อยมาก ซึก Hct ต่ำกว่า 28-30%
        
        1.2 ภาวะติดเชื้อ
        
        มีไข้มากกว่า 38 องศาเซลเซียส และมีจำนวนของเม็ดเลือดขาวชนิด neutrophil ต่ำกว่า 0.5 x 109/ลิตร
        
        Investigate source of infection & ABT
        
        1.3 กรดยูริกสูง
        
        ยาต้านกรดยูริก (allopurinal) 300 มก./วัน
        
        1.4 เม็ดเลือดขาวสูง
        
        แยกส่วนประกอบของเม็ดเลือดขาวออก (leukapheresis)
        
        เซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวมากกว่า 100 x109/ลิตร
        
        หรือมีอาการของอวัยวะต่าง ๆ ขาดเลือดจากการที่เม็ดเลือดขาวจำนวนมากไปอุดตันการไหลเวียนของเลือด
        
        มีอาการทางปอด มีอาการหอบเหนื่อย แน่นหน้าอก
        
        อาการทางสมอง เช่น ปวดศีรษะ ซึม สับสน ชัก
    - - แบ่งออกเป็น 2 ตอน
        
        2.1. การรักษาเพื่อชักนำให้โรคสงบสมบูรณ์ (Induction of remission)
        
        การให้ยาเคมีบำบัด: เข้าสู่ระยะโรคสงบสมบูรณ์ (Complete remission หรือ CR)
        
        Criteria ระยะ CR: แสดงอาการทางคลินิก
        
        อาการต่าง ๆ หายเป็นปกติ
        
        ผลการตรวจเลือดกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติหมด
        
        การตรวจไขกระดูก: เซลล์เม็ดเลือดชนิดต่างๆปกติ
        
        เซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว (blast cell) < 5 ของเซลล์ ทั้งหมด :warning:
        
        :warning:ภาวะ CR: ไม่ได้หมายความว่าเซลล์มะเร็งจะหมดไปจากร่างกาย แต่ว่ามี อยู่ในจำนวนที่น้อยเกินกว่าที่วิธีตรวจทางห้องปฏิบัติการธรรมดาจะตรวจได้
        
        ต้องให้เคมีบำบัดต่อเพื่อให้ผู้ป่วยหายขาดจากโรคจริง ๆ
        
        ยาเคมีบำบัดมาตรฐานในปัจจุบัน: สูตร 3+7
        
        ให้ anthracycline (doxorubicin หรือ idarubicin) ทางหลอดเลือดดำ 3 วัน ร่วมกับ cytosine arabinoside ทางหลอดเลือดดำ 7 วัน
        
        ร้อยละ 50-70 ของผู้ป่วยสามารถเข้าสู่ระยะ CR ได้
      - 2.2. การรักษาระยะหลังโรคสงบ (post remission therapy
        
        ป้องกันไม่ให้โรคกลับมาอีก (relapse) & กำจัดเซลล์มะเร็งที่ยังคงเหลืออยู่ให้หมด: ทำได้หลายทาง
        
        Consolidation therapy
        
        การให้ยาเคมีบำบัดในลักษณะเดียวกับใน induction of remission
        
        ให้ติดต่อกัน 3-4 ครั้ง ห่างกันทุก 1-2 เดือน
        
        Intensification
        
        การรักษาแบบเข้มข้น
        
        ให้เคมีบำบัดในขนาดสูงกว่าระยะ induction of remission
        
        เพื่อหวังกำจัดเซลล์มะเร็งที่ยังเหลืออยู่ที่อาจเป็นเซลล์ดื้อยา
    - - ป้องกันการเกิดโรคในตำแหน่งที่ยาเคมีบำบัดเข้าถึงได้ยาก คือ สมอง
      - การฉายรังสีบริเวณสมอง และ/หรือยาเคมีบำบัด ร่วมกับให้ยาเคมีบำบัดทางน้ำไขสันหลัง ทั้งนี้ขึ้นกับแต่ละ โรงพยาบาล
    - - ให้ยาเคมีบำบัดต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง ให้สามารถทำลายเซลล์มะเร็ง (ที่อาจยังหลงเหลืออยู่) ให้มากที่สุดหลังจากที่ผู้ป่วยเข้าสู่ภาวะโรคสงบแล้ว
      - ในผู้ป่วยที่โรคอยู่ในภาวะสงบแล้วหลังให้การรักษาด้วยยาเคมีบำบัดจนครบ
        
        30-35% ของผู้ป่วยมีโอกาสย้อนกลับเป็นโรคอีก
        
        85% เกิดขึ้นที่ไขกระดูก (บางรายเกิดขึ้นที่สมองร่วมด้วย)
        
        15% เกิดในสมอง
        
        5% เกิดในอัณฑะ
  - - - Neurologic: peripheral neuropathy
      - GI: Constipation, abdominal cramp
      - Endocrine -- SIADH: Hyponatremia and seizure
      - Extravasation
    - - Cardiotoxicity
      - Mucositis
      - Extravasation
    - - Hyperglycemia, pancreatitis
    - - Severe mucositis, Myelosuppression