Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

กรณีศึกษาที่ 9 Heart failure …

- - - - อาการเหนื่อยล้า (Fatigue),ปัสสาวะออกน้อย (Oliguria) ,ท้องมาน (Ascites)
      - การบวมส่วนปลาย ( Peripheral edema)
      - หัวใจเต้นเร็ว (Tachycarolia),ม้ามโต (Splenomegaly)
      - ชีพจรเบา (Faint pulses),ตับโต ( Hepatomegaly)
      - หลอดเลือดดำที่คอโป่งพอง (Jugular vein distention)
      - น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น (Weight gain)
    - - อาการหายใจลำบาก (Dyspnea) , อาการไอ (Cough) ,อาการผุดลุกผุดนั่ง(Restlessness)
      - อาการนอนราบไม่ได้ (Orthopnea)
      - อาการหายใจไม่สะดวกขณะนอนหลับ (Paroxysmal nocturnal dyspnea)
      - ปอดบวม (Pulmonary edema) ,อาการหายใจเร็ว (Tachypnea)
      - ฟังปอดได้ยินเสียง Crepitation ,อาการเขียว (Cyanosis)
      - หัวใจเต้นเร็ว (Tachycarolia) ,ชีพจรเบา (Faint pulses) ,อาการเหนื่อยล้า (Fatigue)
      - ปัสสาวะออกน้อย (Oliguria) ,แรงดันปอด แรงดันที่หลอดเลือดฝอยสูงขึ้น (Elevated Pulmonary Capillary Wedge Pressure)
  - - - มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 2 กก. , เท้าบวมระดับ +2 , ปลายมือปลายเท้าเย็น , มีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีเเรง
      - PR=102-120 ครั้ง/นาที, Atrial fibrillation rate 112 bpm
    - - อาการหายใจไม่อิ่ม, หายใจหอบเหนื่อย ,นอนราบไม่ได้ ฟังปอดได้ยินเสียง Bibasilar crackles ,อัตราการหายใจ 24-32 ครั้ง/นาที,PR=102-120 ครั้ง/นาที, Atrial fibrillation rate 112 bpm , มีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง,Chest x-ray พบ Pulmonary congrestion , ผู้ป่วยมีลิ้นหัวใจตีบและรั่ว ส่งผลให้เลือดไหลกลับ
- - - - ให้ digoxin 0.5 mg iv stat,
      - ให้ Lasix 40 mg iv push then 250 mg iv drip in 24 hrs
      - ให้ Dobutamine 1 gm ใน D5W 250 ml. (4:1) iv 5 microgram/g/kg/min
      - ให้ O2 cannula 3-5 LPM keep O2>95%
      - low salt and diet
- - - - ผู้ป่วยมีลิ้นหัวใจ Mitral Stenosis เลือดเข้า หัวใจห้องล่างซ้ายลดลง ทำให้ CO ลดลง ทำให้แรงดันที่หัวใจซีกซ้ายเพิ่มขึ้น หัวใจซีกซ้ายโต LA ขยาย ทำให้เลือดที่บีบออกจากหัวใจกลับเข้ามาที่หัวใจมากขึ้น หัวใจทำงานหนัก
      - ผู้ป่วยมีลิ้นหัวใจ Mitral regurgitation ทำให้แรงดันที่หัวใจซีกซ้ายเพิ่มขึ้น หัวใจซีกซ้ายโต LA ขยาย ทำให้เลือดที่บีบออกจากหัวใจกลับเข้ามาที่หัวใจมากขึ้น หัวใจทำงานหนัก
- - - - หัวใจห้องบนซ้ายจึงบีบเลือดส่งมายังหัวใจห้องล่างซ้ายน้อยลงปริมาตรเลือดและความดันเลือดในหัวใจห้องบนซ้ายจึงสูงขึ้นเรื่อยๆ
      - เลือดจากปอดที่ฟอกแล้วไหลเข้าสู่หัวใจห้องบนซ้ายได้น้อยลงเป็นผลทำให้ความดันในหลอดเลือดฝอยที่สูงขึ้นทำให้ของเหลวออกจากหลอดเลือดฝอยที่ปอดเข้าสู่ถุงลมทำให้ผู้ป่วยมีภาวะน้ำท่วมปอด หอบเหนื่อย ไอ และเขียว
      - ส่งผลให้เลือดเหลือค้างในหัวใจห้องล่างซ้ายมากขึ้น ความดันเลือดในหัวใจห้องล่างซ้ายจึงสูงขึ้น
      - เมื่อหัวใจห้องล่างซ้ายบีบตัวลดลง ทำให้ปริมาตรเลือกที่ออกจากหัวใจลดลง
      - เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างซ้ายบีบตัวลดลงทำให้เนื้อเยื่อของร่างกายได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ
    - - เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างขวา ไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปฟอกที่ปอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมักเกิดจากแรงดันในหลอดเลือดฝอยที่ปอดสูงขึ้น และกล้ามเนื้อหัวใจล่างขวาตาย
      - เมื่อหัวใจห้องล่างขวาบีบตัวลดลงทำให้ปริมาณเลือดค้างในหัวใจห้องล่างขวามากขึ้น
      - ส่งผลให้ความดันในหัวใจห้องล่างขวาเพิ่มขึ้นและจะมีผลกระทบต่อการไหลเวียนของเลือดดำทั่วร่างกาย เนื่องจากมีภาวะน้ำคั่ง
      - ทำให้ผู้ป่วยมีอาการบวม ตับและม้ามโต ลำไส้บวมจนมีอาการจุกเเน่นใต้ซายโครง มีอาการเบื่ออาหาร ท้องมาน หลอดเลือดดำที่คอโป่งพอง และปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน
  - - - 1ปีก่อนตรวจพบลิ้นหัวใจข้างซ้ายตีบทำให้เลือดผ่านมาหัวใจห้องล่างซ้ายได้น้อยลง ส่งผลทำให้ Cardiac output ลดลง
    - - 2 วันก่อนมาโรงพยาบาลมีอาการอ่อนเพลียไม่มีแรง หายใจไม่อิ่ม เท้าบวมทั้ง 2 ข้าง และน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 2 กก.
- - - - ความดันโลหิตสูง
      - ดู เช่น ลักษณะการหายใจ หายใจเร็วขึ้น ชีพจรเต้นเร็ว เหงื่อออกตัวเย็น
      - คลำ เช่น คลำม้าม คลำตับ การวินิจฉัยจะคลำพบม้ามโต ตับโต กดเจ็บ, บวมส่วนปลาย
      - ฟังเสียงหัวใจได้ยินเสียงฟู่
    - - การตรวจสวนหลอดเลือดหัวใจ (Coronary angiography) โดยการสอดสายสวนเข้าไปที่หลอดเลือดหัวใจและฉีดสารทึบแสงเพื่อประเมินสภาพการตีบหรืออุดตันและตำแหน่งการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจ
      - การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ
      - การตรวจเลือดหาค่า Cardiac toponine T พบมีค่ามากกว่า 0.1 ng/mL, Toponine I พบมีค่ามากกว่า 2.0 ng/mL และ CK-MB พบมีค่าสูงมากกว่า 6 % หรือ 2 เท่าของค่าปกติ
      - การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ สามารถทราบผลได้ทันที
    - - ลักษณะของการเจ็บหน้าอก เช่น เจ็บแน่นเหมือนถูกทับหรือถูกมัด จุกบริเวณใต้ลิ้นปี่
      - ตำแหน่งที่เจ็บ บอกตำตำแหน่งได้ไม่ชัดเจน ส่วนใหญ่มักเกิดที่ใต้กระดูกกลางอก
      - ปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก เช่น การออกกำลังกาย ความเครียด
      - ความรุนแรงมีได้ตั้งเเต่อาการไม่มากจนถึงรุนแรง
      - การเจ็บร้าว มีการเจ็บร้าวชาไปที่บริเวณแขนซ้่ายมากกว่าแขนขวาทางด้านนิ้วก้อย
      - ระยะเวลาการเจ็บประมาณ 10-30 นาที
    - - Echocardiograpy
      - Chest x-ray
    - - ฟังเสียงหัวใจพบSystolic diastolic murmur ที่บริเวณ Apex , พบปลายมือปลายเท้าเย็น เท้าบวมระดับ+2 , สัญณาณชีพ T=36.3 c, PR=102-120 ครั้ง/นาที irregular,RR=24-32 ครั้ง/นาที BP=139/82 มม.ปรอท O2 sat =92% ผลการตรวจ , Chest X-ray : Pulmonary congestion , Echocardiogram : moderate MR,severe MS ,ejection farction(LVEF)=30% , ผลการตรวจ EKG 12 Leads พบ Atrial fibrillation rate 112 bpm,