Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต บทที่9 (คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเครือข่ายอิน…
ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
บทที่9
ความหมายของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ สามารถทำการเชื่อมโยงบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ย่อยๆ ที่มีความแตกต่างกันทั้งขนาดทางกายภาพ สถาปัตยกรรมและหน้าที่การทำงาน ให้ติดต่อสื่อสารกันได้ทั่วโลกด้วยมาตรฐานการสื่อสารข้อมูลหรือโพโตคอล TCP/IP
ระบบเครือข่ายอิินเตอร์เน็ตในประเทศไทย
ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เริ่มเข้าสู่ประเทศไทยตั้งแต่ปี ค.ศ 1987 ในลักษณระการรใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์์ โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และสถาบันเอไอที เป็นการเชื่อต่อเครือข่ายด้วยสายโทรศัพท์ จุงมีปัญหาเพราะอัตราการรส่งข้อมูลต่ำ
ต่อมาในปี ค.ศ 1988 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้ทำการขอที่อยู่ในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตในประเทศไทย โดยได้อยู่เป็น Sritranng.psu.th ซึ่งนับว่าเป็นที่อยู่ในระบบเครือข่ายอินเตอร์์เน็ตแห่งแรกของประเทศไทย
การกำหนดตำแหน่งที่อยู่บนระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้งานบบระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์จะมีตำแหน่งที่อยู่ไว้สำหรับอ้างอิง ตำแหน่งที่อยู่นี้เรียกว่า IP Address ซึ่งจะต้องไม่ซ้ำกัน
การกำหนดค่า IP Address ที่มีการใช้งานในปัจจุบันนี้ ประกอบด้วย4 ไบต์(32 บิต) โดยแบ่งออกเป็นสองส่วนด้วยกัน คือส่วนของหมายเลขเครือข่าย (NetID) และส่วนของหมายเลขโฮสต์ (HostID) สำหรรับส่วนของหมายเลขเครือข่ายยังใช้ในการระบุคลาส (Class) ของ IP Address นั้นด้วย ซึ่งแต่ละส่วนของ IP Address ทำหน้าที่ต่างๆดังนี้
1.คลาส(class)
เป็นการระบุว่า IP Address นั้นอยู่ในคลาสใด
2.หมายเลขเครือข่าย (Network identifier)
เป็นส่วนที่ใช้สำหรับเส้นทางการสื่อสารข้อมูลระหว่างเครือข่าย
3.หมายเลขโฮสต์ (Host Identifier)
เป็นส่วนที่ใช้ระบุตำแหน่งของแต่ละอุปกรณ์บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
ระบบการแทนชื่อในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (Domain Name System DNS)
การกำหนดตำแหน่งที่อยู่บนระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตโดยการแทนตัวเลขนั้นสามารถจดจำได้ยาก ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่ายมีจำนวนมาก็จะทำให้สับสนได้ ดังนั้นจึงได้มีการแก้ไขปัญหานี้โดยการตั้งชื่อให้เป็นตัวอักษรขึ้นมาแทน IP Addrsse ซึ่งเรียกวิธีการนี้ว่า ระะบบเครือข่ายโดเมน
วิธีการของระบบชื่อโดเมน ทำได้โดยจัดเก็บชื่อและ
IP Addrsse ลงในฐานข้อมูลแบบลำดับชั้นไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่พิเศษ เรียกว่า โดเมนเนมเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งทำการควบคุมโดยหน่วยงาน Internet Network Information และได้กำหนดรหัสโดเมนระดับสูงสุด (Top level Domain Name) ให้เป็นมาตรฐาน เพื่อใช้งานร่วมกันสำหรับประเทศต่างๆทั่วโลก โดยแบ่งออกเป็น2ประเภท คือ
1.โดเมนระดับบนสุดที่บอกชื่อประเทศที่เครือข่ายตั้งอยู่
2.โดเมนที่อยู่รนะดับบนสุดที่บอกถึงประเภทขององค์กรรณ์ต่างๆ
สำหรับโดเมนระดับบนสุดของประเทศไทยคึือ TH
การขอจดทะเบียนโดเมน
การรขอจดทะเบียนโดเมน จะต้องขอจดทะเบียนกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งชื่อโดเมนที่ขอจดนั้นต้องไม่ซ้ำกับชื่อเดิมที่มีอยู่ มี2 ประเภทด้วยกัน
1.การขอจดทะเบียนให้เป็นโดเมนสากล ต้องขอจดทะเบียนกับหน่วยงาน www.nettworksuluton.com
2.การขอจดทะเบียนภายใต้โดเมนระดับบนสุดของประเทศไทย จ้องขอจดทะเบรยนกับหน่วยงาน www.thnic.net
ประวัติความเป็นมาของระบบเครือข่ายทางอินเตอร์เน็ต
ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้เริี่มต้นขึ้นจากโครงการเครือข่ายพาเน็ต เป็นเครือข่ายทางการนทหารสังกัดกระทรวงกลาโหม สหัรัฐอเมรรริกา ในปี ค.ศ 1969 เพื่อใช้งานวิจัยด้านทหานและการติดต่อสื่อสาร
ต่อมาหน่วยงานต่างๆ ได้เห็นถึงประโยชน์จากเครือข่ายจึงให้ความสนใตฃจและขอเข้าร่วมโครงการนี้เป็นจำนวนมาก และได้ทำการพัฒนาเคึรือขข่ายโดยใช้มาตรฐานการสื่อสารขข้อมูล TCP/IP เป็นครั้งแรก และได้เปลี่ยนจากเครือข่ายเฉพาะกลุ่มมาเป็นเครือข่ายที่สามารถใช้ได้กับบุคคลทั่วๆไป เรียกว่า ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
1.Web site
จำนวนเอกสารทั้งหมดของเว็บไซต์นั้นๆ
2.Web Pages
เอกสารแต่ละหน้าหรือไฟล์แต่ละไฟล์ที่ประกอบกันเป็นเว็บไซต์
3.Home Pages
เอกสารหน้าแรกของแต่ละเว็บไซต์ ที่สร้างขึ้นด้วยภาาษา HTML เปรียบเสือนสารบัญและคำนำที่เจ้าของเว็บไซต์นั้นสร้างขึ้น
4.Webmaster
ผู้ควบคุมดูแลเว็บไซต์ รวมถึงปรับปรุงแก้ไขเว็บไซต์
5.ISP(Internet Serviice Provider)
ผู้ให้บริการระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
6.IP Address
ที่อยู่ของหรือหมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการติดต่อผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ปกติคอมพิวเตอร์บนระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตจะต้องมี IP Address ที่ไม่ซ้ำกัน
Browser
โปรแกรมที่ต้องทำการติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอรร์ของผู้ใช่งาน เพื่อใช้ในการเข้าถึงเว็บไซต์ต่างๆตามความต้องการ ตัวอย่างเช่น Netscape และ Internet Explorer
8.Download
การถ่ายโอนข้อมูลจากโฮสต์คอมพิวเตอร์มายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งาน
9.Upload
การถ่ายโอนข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ขแงผู้ใช้งานไปยังโฮสต์คอมพิวเตอร์
10.URL
ตำแหน่งของที่อยู่ของเว็บไซต์ต่างๆ บนระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ที่ใช้อ้างอิงเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเรียกใช้งานได้
11.Web server
ที่สำหรับเก็บเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเว็บไซต์นั้นได้โดยการเรียกผ่านตำแหน่งของเว็บไซต์ที่เรียกว่า URL
12.World wide web
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ีให้บริการค้นหาข้อมูลและแสดงข้อมูลต่างๆในลักษณะของไฮเปอร์์เท็กซ์
13.Search Engine
เว็บไซต์ประเภทหนึ่งที่ให้บริการสำหรับการค้นหาข้อมูลข่าวสารต่างๆบนระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ตัวอย่างเช่น Google.com หรือ Yahoo.com
14.TCP/IP
โพโตคอลที่ใช้เป็นมาตรฐานการสื่อสารข้อมูลบนระบบเครือข่ายนอินเตอร์เน็ต
15.HTML (Hyper Text Markup Language)
ภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาหนึ่งที่ใช้ในการสร้างเว็บเพจ
คลาส (Class)
รูปแบบของคลาสที่มีการใช้งานในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น5ชนิด คือ
คลาส B
คลาส B มีส่วนของหมายเลขคือ 14 บิต โดยสองบิตแรกจะมีค่าคงที่คือ 10 เพื่อแสดงว่าเป็นคลาส B ดังนั้นคลาสนี้สามารถมีหมายเลขเครือข่ายได้ 16,382
คลาส C
มีส่วนของหมายเลขคือ 21 บิต โดยบิตแรกจะมีค่าคงที่คือ 110 เพื่อแสดงว่า เป็นคลาส C
ดังนั้นคลาสนี้สามารถมีหมายเลขเครือข่ายได้ 254
คลาส D
สงวนใช้งานไว้สำหรับ Mullticast Address
คลาส E
สวงนใช้งานไว้ในอนาคต
คลาส A
มีส่วนของหมายเลขคือ 7 บิต โดยบิตแรกจะมีค่าคงที่คือ 0 เพื่อแสดงว่า เป็นคลาส A
ดังนั้นคลาสนี้สามารถมีหมายเลขเครือข่ายได้ 128
การประยุกต์ใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ต
ปัจจุบันหน่วยงานและองค์กรธุรกิจต่างๆได้เห็นถึงความสำคัญของระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตทั้งในแง่ของการเป็นแหล่งข้อมูล การประชาสัมพันธ์เสริมสร้างภาาพพจน์ขององค์กร ตลอดจนการเป็นตลาดขนาดใหญ่ จึงทำให้มีผู็แข่งขันกันเพื่อเข้าสู่ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต จนทำให้เครื่องตลาดขนนาดขนาดใหญ่ จึงทำให้มีผู้แข่งขันเพื่อเข้าสู่ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตมีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
การนำระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตมาประยุกต์ใช้งาน สามารถทำได้ในรูปแบบต่างๆดังนี้
2.ให้ข้อมูลกับนักลงทุน
1.การนำเสนอสินค้าและเสริมสร้างภาพพจน์
3.หนังสือพิมพ์และวรสารอิเล็กทรอนิกส์
4.เปิดร้านค้าให้เช่าที่
5.ให้คำปรึกษาทางด้านเทคนิค
6.ให้บริการต่างๆกับสาธารณชน
7.ให้ข้อมูลข่าวสารทั่วๆไปกับสาธารณชน
8.เก็บรวบรวมข้อมูลและเสนอขายข้อมูล
9.การจำหน่ายสินค้า