Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความผิดปกติของระบบหัวใจ
เเละหลอดเลือด
15443835-7114-4CCC-B1EB…
ความผิดปกติของระบบหัวใจ
เเละหลอดเลือด
กายวิภาคของหัวใจ (HEART)
ขนาดและตำแหน่งของหัวใจ
Size and Location
ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ ภายในกลวง อยู่บริเวณช่องอกเหนือกระบังลม มีขนาดเท่ากับกำปั้น มีน้ำหนักประมาณ 300-350กรัมในเพศชาย และ 250-300กรัมในเพศหญิง
-
ผนังของหัวใจ
Wall of the Heart

รูปวาดหน้าตัดโครงสร้างผนังของหัวใจ
ที่มา ; ดัดแปลงจาก Martini (2006)
ชั้นนอกสุด เป็น Epicardium บางๆ ประกอบด้วยเนื้อเยื่อเกี่ยวพันเเละไขมัน รวมทั้งหลอดเลือดแดง coronaryเเละcardiac vein
ชั้นกลางเป็นกล้ามเนื้อหัวใจ
เรียกว่า Myocardium มีความหนามากกว่าชั้นอื่น ประกอบด้วย cardiac muscle fibers เป็นส่วนใหญ่ สามารถหดตัวเพื่อบีบเลือดออกจากหัวใจ
นอกจากนี้ยังมีเส้นเลือดฝอย หลอดเลือดน้ำเหลือง เเละเส้นประสาทมาเลี้ยง
-
ห้องหัวใจ
Chambers of the Heart
หัวใจห้องบนขวา (Right atrium)
เป็นส่วนที่คอยรับเลือดจากร่างกายส่วนบนและส่วนล่างผ่านหลอดเลือดดำใหญ่ 2 เส้น คือ หลอดเลือดดำบน (superior vena cava) และหลอดเลือดดำล่าง (Inferior vena cava)
หัวใจห้องล่างขวา (Right ventricle) เป็นส่วนที่ทำหน้าที่รับเลือดต่อจากหัวใจห้องบนขวา และส่งเลือดต่อไปยังปอดเพื่อทำการฟอก โดยผ่านลิ้นหัวใจพัลโมนารี (pulmonary valve) และหลอดเลือดแดงพัลโมนารี (pulmonary arteries)
หัวใจห้องล่างซ้าย (Left ventricle) ทันทีที่เลือดมาถึงหัวใจส่วนนี้ เลือดจะถูกสูบฉีดไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายผ่านลิ้นหัวใจเอออร์ติก (Aortic valve) และหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ตา (Aorta) ดังนั้น หัวใจส่วนนี้จึงจำเป็นจะต้องมีผนังหัวใจที่หนาและแข็งแรงที่สุด ทั้งยังเป็นห้องหัวใจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดด้วยเพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงพอที่จะสูบฉีดเลือดออกไปทั่วร่างกายได้
หลอดเลือดที่มาเลี้ยงหัวใจ
Blood supply
Coronary arteries มี2เส้นซ้ายเเละขวา เมื่อเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจเเล้ว จะรวมกันเป็น coronary sinus กลับเข้าสู่หัวใจทาง right atrium
ลื้นหัวใจ
Heart valve
ลิ้นหัวใจซึ่งเป็นอวัยวะที่คอยปิดและเปิดให้เลือดผ่านเข้าออกในแต่ละห้องหัวใจทั้งหมดจำนวน 4 ลิ้น ได้แก่
ลิ้นเอออร์ติก (Aortic Valve) ลิ้นไมตรัล (Mitral Valve) ลิ้นไตรคัสปิด (Tricuspid Valve) และลิ้นพูลโมนิค (Pulmonic Valve) ลิ้นทั้งสี่นี้จะทำงานประสานกันเพื่อให้หัวใจสามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้
กล้ามเนื้อหัวใจ
Cardiac muscle
เป็นกล้ามเนื้อลายชนิดหนึ่งที่อยู่นอกอำนาจจิตใจ (involuntary) พบที่หัวใจ ทำหน้าที่ในการสูบฉีดโลหิตไปยังระบบไหลเวียนโลหิตโดยการหดตัวของกล้ามเนื้อ
-
พยาธิสภาพของหัวใจ
โรคของลิ้นหัวใจ
(Valvular heart disease)
ลิ้นหัวใจมีความผิดปกติ ไม่ว่าจะเกิดการตีบ (Stenosis) หรือรั่ว (Regurgitation) จะทำให้การทำงานของหัวใจผิดปกติด้วย ไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้ตามปกติ นอกจากนั้นยังอาจทำให้มีเลือดคั่งในปอด ทำให้ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยง่าย ถ้าเป็นมากขึ้น จะนอนราบศีรษะต่ำไม่ได้ เนื่องจากอาการแน่น และเหนื่อยหายใจลำบาก
1) ความพิการของลิ้นหัวใจแต่กำเนิด
(Congenital Valve Disease)
เช่น ลิ้นหัวใจตีบ เด็กที่เป็นโรคกลุ่มนี้ จะมีอาการตั้งแต่แรกคลอด และมักจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
2) โรคลิ้นหัวใจรูมาติกส์
(Rheumatic Heart Disease)
เป็นโรคลิ้นหัวใจผิดปกติชนิดที่พบมากที่สุดในประเทศไทย เกิดจากการติดเชื้อสเตรปโตคอคคัส กรุ๊ป เอ ทำให้เกิดไข้รูมาติกส์เมื่อครั้งผู้ป่วยยังเป็นเด็กและมีผลทำลายลิ้นหัวใจ ของผู้ป่วยในระยะยาว ส่วนมากจะเริ่มอาการแสดงความผิดปกติของหัวใจ 5-10 ปี หลังจากเป็นไข้รูมาติกส์
4) โรคลิ้นหัวใจอักเสบจากการติดเชื้อ
(Infective Endocarditis)
เกิดจากการติดเชื้อในกระแสเลือด (Bacteremia) และตัวเชื้อโรคไปเกาะกินที่ลิ้นหัวใจ ผู้ป่วยจะมีอาการเฉียบพลัน และหัวใจวายรุนแรงรวดเร็วมาก ซึ่งเกิดจากการฉีกขาดของตัวลิ้น และทำให้เกิดการรั่วของลิ้นอย่างรุนแรง กลุ่มโรคนี้ส่วนหนึ่งพบในผู้ป่วยที่ใช้ ยาเสพติดฉีดเข้าเส้นโดยใช้เข็มที่ไม่สะอาดพอ เป็นเหตุให้เชื้อโรคเข้าในกระแสโลหิตได้ เเละ สามารถพบโรคลิ้นหัวใจอักเสบนี้ในผู้ป่วยที่ไม่ได้ติดยาเสพติดได้ โดยเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายด้วยช่องทางอื่น เช่น ทางฟันในผู้ป่วยที่มีการอักเสบของฟันหรือฟันผุ (Infective Endocarditis) เกิดจากการติดเชื้อในกระแสเลือด (Bacteremia) และตัวเชื้อโรคไปเกาะกินที่ลิ้นหัวใจ ผู้ป่วยจะมีอาการเฉียบพลัน และหัวใจวายรุนแรงรวดเร็วมาก ซึ่งเกิดจากการฉีกขาดของตัวลิ้น และทำให้เกิดการรั่วของลิ้นอย่างรุนแรง กลุ่มโรคนี้ส่วนหนึ่งพบในผู้ป่วยที่ใช้ ยาเสพติดฉีดเข้าเส้นโดยใช้เข็มที่ไม่สะอาดพอ เป็นเหตุให้เชื้อโรคเข้าในกระแสโลหิตได้ อย่างไรก็ตาม สามารถพบโรคลิ้นหัวใจอักเสบนี้ในผู้ป่วยที่ไม่ได้ติดยาเสพติดได้ โดยเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายด้วยช่องทางอื่น เช่น ทางฟันในผู้ป่วยที่มีการอักเสบของฟันหรือฟันผุ
3) โรคลิ้นหัวใจผิดปกติจากการเสื่อมสภาพ
(Degenerative Valve Disease)
มักพบในผู้ป่วยสูงอายุ เกิดจากการเสื่อมสภาพของเนื้อเยื่อของลิ้นหัวใจ ทำให้เกิดการผิดปกติของการเปิดหรือปิดของลิ้น เช่น ลิ้นไมตรัลรั่ว ซึ่งเกิดจากตัวลิ้นมีการเสื่อมและยืดตัวมาก หรือลิ้นเอออร์ติกตีบในผู้สูงอายุ ซึ่งเกิดจากการเสื่อมของเนื้อเยื่อและมีหินปูนมาเกาะที่ตัวลิ้น (Calcification)
โรคกล้ามเนื้อหัวใจ Cardiomyopathy
เป็นโรคที่เกิดกับกล้ามเนื้อหัวใจ
สาเหตุอาจจะเกิดจากพันธุกรรม
โรคหัวใจขาดเลือด
กล้ามเนื้อหัวใจอาจจะหนาตัว (Hypertrophic)
หัวใจอาจจะพองโต(dilate)
-
-
ภาวะหัวใจล้มเหลว หรือ Heart Failure
หัวใจจะหยุดทำงาน แต่เป็นภาวะที่หัวใจไม่สามารถทำงานได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น ภาวะที่หัวใจอ่อนแอหรืออ่อนกำลังลง (Heart Failure) ทำให้การทำสิ่งต่าง ๆ ซึ่งปกติเป็นเรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยากมากขึ้น แต่ก็ยังมีวิธีต่างๆ ที่ผู้ป่วยและแพทย์จะร่วมมือกันเพื่อช่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ดีขึ้
พยาธิสภาพของหลอดเลือด
โรคหลอดเลือดสมอง (stroke)
หลอดเลือดอุดตันหรือหลอดเลือดแตก ส่งผลให้เนื้อเยื่อในสมองถูกทาลาย
1. โรคหลอดเลือดสมองชนิดสมองขาดเลือด
(Ischemic Stroke)
เป็นชนิดของหลอดเลือดสมองที่พบได้กว่า 80% ของโรคหลอดเลือดสมองทั้งหมด เกิดจากอุดตันของหลอดเลือดจนทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไปเพียงพอ ส่วนใหญ่ แล้วมักเกิดร่วมกับภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง ซึ่งมีสาเหตุมาจากไขมันที่เกาะตามผนังหลอดเลือดจนทำให้เกิดเส้นเลือดตีบแข็ง
โรคหลอดเลือดขาดเลือดจากภาวะหลอดเลือดสมองตีบ (Thrombotic Stroke)
เป็นผลมาจากหลอด
เลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) เกิดจากภาวะไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ทาให้เลือด
ไม่สามารถไหลเวียนไปยังสมองได้
โรคหลอดเลือดขาดเลือดจากการอุดตัน (Embolic Stroke) เกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดจนทาให้
เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปที่สมองได้อย่างเพียงพอ
2. โรคหลอดเลือดสมองชนิดเลือดออกในสมอง (Hemorrhagic Stroke)
เกิดจากภาวะหลอดเลือดสมองแตก หรือ ฉีกขาด ทาให้เลือดรั่วไหลเข้าไปในเนื้อเยื่อสมอง พบได้น้อยกว่าชนิดแรก คือประมาณ 20%
-
• โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติ (Arteriovenous Malformation) ที่เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดสมองตั้งแต่กำเนิด
ลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ
ส่วนลึก Deep vein thrombosis

รูปที่เห็นเป็น superficial vein
deep vein คือ FV
อาการแสดง
บวม, ปวด, แดง, ร้อนของขา การคลำได้หลอดเลือดดำที่อุดตันแข็ง เป็นลำ หรือการกดเจ็บตามแนวของหลอดเลือดดำที่อุดตันก็ได้.
เกิดจากการที่เลือดจับตัวเป็น ลิ่มหรือชิ้นเล็กๆ แล้วไหลเข้าไปตามกระแสเลือด และอาจไปอุดตันตามอวัยวะที่สำคัญ เช่น ปอด หรือหัวใจ ทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ปัจจัยเสริมที่ทำให้เกิดโรคดีวีทีตามร่างกายส่วนล่างตั้งแต่ใต้หัวเข่าลงไป ได้แก่ การนั่งในที่คับแคบเป็นเวลานานๆ หลายชั่วโมงโดยไม่ ค่อยได้เปลี่ยนอิริยาบถ การนั่งไขว้ขา การดื่มเครื่องดื่ม ประเภทแอลกอฮอล์ การดื่มน้ำน้อยเกินไป หรือการมีหลอดเลือดขอดหรือโป่งพอง
สาเหตุของลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ
ในสภาพปกติเลือดเรามีการเกิดลิ่มเลือดเล็กอยู่ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันก็มีการละลายลิ่มเลือดเช่นกัน ขบวนการทั้งสองดำเนินต่อเนื่อง ในกรณีที่การไหลเวียนช้าลง หรือเกิดบาดเจ็บที่ผนังหลอดเลือด หรือมีภาวะการเกิดลิ่มเลือดง่ายทำให้เกิดขึ้นลิ่มเลือด thrombus
-
-
คือ Coronary arteries มี 2 เส้น ซ้ายและขวา (Right and Left coronary artery) ซึ่งกระจายออกเป็นเส้นโลหิตฝอยเพื่อเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ แล้วจะรวมกันเข้าเป็น Coronary sinus กลับเข้าสู่หัวใจทาง Right atrium :
-
-
-
-
-
-
-