Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
อยุธยาตอนปลาย (2.นันโทปนันทสูตรคำหลวง (เนื้อเรื่อง (เริ่มต้นนมัสการพระรัตน…
อยุธยาตอนปลาย
2.นันโทปนันทสูตรคำหลวง
เนื้อเรื่อง
เริ่มต้นนมัสการพระรัตนตรัย บอกนามผู้แต่งว่า “สิริปาโล” พระพุทธเจ้าประทับที่เชตวันมหาวิหาร เศรษฐีอนาถบิณฑิกอาราธนาไปรับบิณฑบาตร พระพุทธเจ้าทรงทราบด้วยญาณว่า พระยานาค ชื่อนันโทปะนันทะ ประกอบด้วยทิฐิ ทรงต้องการจะทรมาน (ทรมานหมายความว่า ทำให้เลิกยึดถือในความถือมั่นเดิม) ให้อยู่ในสัมมนาทิฐิจึงโปรดให้พระโมคคัลลาน์เป็นผู้ทรมาน ส่วนพระองค์และพระอรหันต์ 50 รูป เหาะข้ามเศียรพระยานาคไป พระยานาคโกรธแค้นมากจึงไปยังเขาพระสุเมรุเนรมิตกายให้ใหญ่โตบดบังไปถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แต่พระโมคคัลลาน์ก็แสดงฤทธิ์ให้อัศจรรย์ยิ่งกว่า จนในที่สุดพระยานาคยอมรับว่าตนพ่ายแพ้ พระโมคคัลลาน์จึงนำตัวไปเฝ้าพระพุทธเจ้าฯ ประทานศีลให้รักษา แล้วจึงเสด็จไปรับบาตรที่บ้านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ตามที่ทรงรับนิมนต์ไว้ตอนจบบอกนามผู้แต่งอีกครั้ง
-
ประเภทของคำประพันธ์
เป็นการพิมพ์แบบเดียวกับมหาชาติคำหลวง คือ วางคาถาข้างหน้า แล้วดำเนินความด้วย “ร่ายยาว” ตอนท้ายเป็นโคลงสี่สุภาพ
-
4.กาพย์เห่เรือ
ประเภทของคำประพันธ์
แต่งเป็นกาพย์ห่อโคลง มีโคลงสี่สุภาพนำ 1 บท เรียกว่าเกริ่นเห่ และตามด้วยกาพย์ยานี 11 พรรณนาเนื้อความโดยไม่จำกัดจำนวนบท
เนื้อเรื่อง
กล่าวถึงขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งประกอบด้วยเรือพระที่นั่งกิ่ง และเรือที่มีโขนเรือเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ คือ เรือ ครุฑยุดนาค เรือไกรสรมุข เรือสมรรถชัย เรือสุวรรณหงษ์ เรือชัย เรือคชสีห์ เรือม้า เรือสิงห์ เรือนาคา (วาสุกรี) เรือมังกร เรือเลียงผา เรืออินทรี เห่ ชมปลา กล่าวพรรณนาชมปลาต่าง ๆ มี ปลานวลจันทร์ คางเบือน ตะเพียน กระแห แก้มช้ำ ปลาทุก น้ำเงิน ปลากราย หางไก่ ปลาสร้อย เนื้ออ่อน ปลาเสือ แมลงภู่ หวีเกศ ชะแวง ชะวาด ปลาแปบ เห่ ชมไม้ เมื่อเรือแล่นเลียบชายฝั่ง ชมไม้ที่เห็นตามชายฝั่ง ซึ่งมี นางแย้ม จำปา ประยงค์ พุดจีบ พิกุล สุกรม สายหยุด พุทธชาด บุนนาค เต็ง แต้ว แก้ว กาหลง มะลิวัลย์ ลำดวน เห่ชมนก เมื่อใกล้พลบค่ำเห็นนกบินกลับรัง ก็ชมนกต่าง ๆ มี นกยูง สร้อยทอง สาลิกา นางนวล แก้ว ไก่ฟ้า แขกเต้า ดุเหว่า โนรี สัตวา และจบลงด้วยบทเห่ครวญ เป็นการคร่ำครวญ คิดถึงนางที่เป็นที่รักในยามค่ำคืน
-
-
1.โคลงชะลอพระพุทธไสยาสน์
-
เนื้อเรื่อง
กล่าวถึงนํ้ากัดเซาะเขื่อนด้านตะวันตกของพระพุทธไสยาสน์ แม้วัดจะจัดการก็ไม่ได้ผล พระอธิการจึงถวายรายงานมายังกษัตริย์จึงมีรับสั่งให้พระราชสงครามจัดการชะลอพระให้พ้นนํ้า พระราชสงครามใช้ตะเฆ่รององค์พระแล้วกราบบังคมทูลกษัตริย์ให้ป่าวร้องข้าราชการและประชาชนช่วยกัน ชะลอองค์พระไปประดิษฐานใหม่ได้ปลอดภัยเรียบร้อย กล่าวถึงการสร้างวิหารศาลาการเปรียญพระอุโบสถ เจดีย์ เสนาสนะสงฆ์ ตอนสุดท้ายอัญเชิญพระพุทธรูปปางต่างๆ ทรงอภิบาลกษัตริย์
-
-
3.พระมาลัยคำหลวง
ประเภทของคำประพันธ์
ใช้ร่ายสุภาพ บางตอนคล้ายกาพย์บาลี มีคาถาสั้นๆ แทรกไว้หน้าบท ทำนองแต่ง คล้ายกาพย์มหาชาติ ตอนท้ายเป็นโคลงสี่สุภาพ
เนื้อเรื่อง
เริ่มต้นนมัสการพระรัตนตรัย พระมาลัยเถระเสด็จจากการไปโปรดสัตว์นรก ได้พบชายคนหนึ่งถวายดอกบัว 3 ดอก ทรงรับไว้แล้วตรึกตรองดูว่า จะนำดอกบัวนี้ไปเป็นพุทธบูชาที่ใดจึงจะเหมาะ ในที่สุด ก็ตกลงเหาะไปบนสวรรค์ นำดอกบัวไปผูกพระจุฬามณีเจดีย์ ได้พบพระอินทร์ จึงตรัสถามพระอินทร์ว่า ผู้มีบุญญาธิการแล้ว เหตุใดจึงยังบูชาเจดีย์นี้อยู่ พระอินทร์ เพื่อบำเพ็ญความดีให้ยิ่งขึ้นไป แล้วตรัสเล่าถึงเทวดาทั้งหมด ที่ได้ทำความดีอันใดไว้บ้าง จึงได้มาเสวยสุขในสวรรค์ ครั้นแล้ว พระศรีอาริยเมตไตรยก็ได้เสด็จมายังบริเวณนั้น การทำสักการะพระเจดีย์ได้โปรดเทศนาและได้ส่งข้อความให้ประกาศแก่ชาวโลกว่า ผู้ใดใคร่เกิดทันศาสนาของพระองค์ ให้มาทำความดีต่างๆ เป็นต้นว่า ให้ฟังเทศมหาชาติคาถาพันให้จบในวันเดียวกัน เป็นต้น พระมาลัยได้สดับพระธรรมเทศนาแล้ว ก็นำข้อความมาแถลงแก่ชาวชมพูทวีป ฝ่ายชายที่ถวายดอกบัว เมื่อสิ้นชีวิตไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ชื่อ “อุบลเทวันทร์” จะมีดอกบัวรองรับทุกก้าวที่ย่างไป
-
-
6.นิราศธารโศก
-
เนื้อเรื่อง
กวีครวญถึงนางที่รักซึ่งต้องพลัดพรากจากกัน รำพันไปตามลำดับเวลาตลอดวัน ตลอดคืน เริ่มแต่โมงเช้า สองโมงเช้า สามโมงเช้า สี่โมงเช้า ห้าโมงเช้า เที่ยง บ่ายโมง สองโมง สามโมงเย็น สี่โมงเย็น ห้าโมงเย็น ทุ่มหนึ่ง สองทุ่ม ยามหนึ่ง สี่ทุ่ม ห้าทุ่ม สองยาม เจ็ดทุ่ม แปดทุ่ม ยามสาม สิบทุ่ม ตีสิบเอ็ด จวบจนถึงเช้า แล้วคร่ำครวญไปตามลำดับวัน เดือน ฤดู ปี ตั้งแต่วันอาทิตย์ถึงวันเสาร์ เดือนห้าถึงเดือนสี่ ฤดูคิมหันต์ วัสสันต์(วสันต์) และเหมันต์ ปีชวดถึงปีกุญ(กุน)
-
-
-