Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Concept of trauma care images (เกณฑ์การตัดสินใจส่งผู้บาดเจ็บมายังหน่วยอุบั…
Concept of trauma care
เป้าหมายการดูแลผู้บาดเจ็บ
1.แก้ไขภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจ
2.ช่วยเหลือและประคับประคองการหายใจ
3.ประเมินและแก้ไขภาวะมีลมในช่องเยื่อหุ้มปอด
4.ยับยั้งภาวะตกเลือดทั้งชนิดตกเลือดภายใน
5.ประเมินและแก้ไขภาวะช็อค
6.ลดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นภายหลังบาดเจ็บศีรษะ
7.ประเมินและช่วยเหลือภาวะบาดเจ็บช่องท้อง
8.ประเมินและแก้ไขภาวะบาดเจ็บของแขนขา
9.ประเมินและแก้ไขภาวะบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง
10.ป้องกันหรือลดความรุนแรงของความพิการ
11.จัดให้มีเวชภัณที่เหมาะสมสำหรับดูแลรักษา : :
เกณฑ์การตัดสินใจส่งผู้บาดเจ็บมายังหน่วยอุบัติเหตุ
1.Glasgow coma น้อยกว่าหรือเท่ากับ 13
GCS น้อยกว่า 8 ให้ใส่ Endotracheal tube
3.Respiratory rate น้อยกว่าหรือเท่ากับ 10 หรือมากกว่าหรือเท่ากับ 29
2.Systolic blood pressure น้อยกว่าหรือเท่ากับ 90 mmHg
4.Revised trauma น้อยกว่า 11
หลักการด้านสรีระ
RTS (Revised Trauma Score)
Anatomy of injury
1.บาดเจ็บแบบทะลุทะลวง ศีรษะ คอและลำตัว
2.ภาวะอกรวน Flail chest
3.แผลไหม้ > 10% ร่วมกับสูดสำลักความร้อน
4.กระดูกขาหัก > 2 แห่ง
5.กระดูกเชิงกรานหัก
6.อัมพาตของแขนขา
7.ตัดขาดของอวัยวะ
Machanism of injury
-กระเด็นออกจากยานพาหนะ
-มีผู้เสียชีวิตร่วมด้วยในการบาดเจ็บครั้งนี้
-ใช้เวลาในการช่วยเหลือผู้ป่วยออกจากที่เกิดเหตุนานกว่า 20 นาที
-ตกจากที่สูง 20 ฟุต
-ถูกอัดกระแทกขณะเดินถนนด้วยยานยนต์ที่มีความเร็วกว่า 5 ไมล์/ชม.
-ถูกชนด้วยรถจักรยานยนต์ที่มีความเร็วกว่า 20 ไมล์/ชมใ
Personal history
1.อายุ < 5 หรือ > 55 ปี
2.มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคจิต เบาหวานต้องกินยาประจำ โรคตับแข็ง โรคมะเร็ง โรคอ้วน โรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด
สังเกตอาการผู้บาดเจ็บ
1.สติสัมปชัญญะ
2.สภาพร่างกายที่ปรากฎ
3.กลิ่น
4.สิ่งแวดล้อมที่ตามมากับผู้ป่วย
กระบวนการดูแลผู้บาดเจ็บฉุกเฉินจากแนวทางของ
American Trauma Life Support
1.เตรียมการรับผู้บาดเจ็บ (preparaton)
2.การแบ่งกลุ่มผู้บาดเจ็บ (triage)
3.การประเมินเบื้องต้น (primary survey)
4.การกู้ชีวิต (resuscitation)
5.การประเมินอย่างละเอียด (secondary survey)
6.การติดตามผู้ป่วยและการประเมินผล (monitoring and evaluation)
7.การเคลื่อนย้ายไปสู่การรักษาเฉพาะ
การดูแลผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บเบื้องต้น
Primary Assessment
ตรวจหาพยาธิสภาพหรือความเปลี่ยนแปลงต่างๆที่อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในเวลาอันสั้น ประเมิน ABCDEF
A-Airway
สาเหตุ
-Tissue
-Trauma
-F.B.
-Decreased consciousness
Moderate obstruction
1.Dyspnea
2.Stridor on slight exertion
3.Rib retraction on inspiration
4.Use of accessory muscles of respiration
5.Dilation of nasal alae on inspiration
6.Retracting cervical solf tissue
7.Tracheal tug on inspiration
Severe obstruction
1.Stridor at rest
2.Apprehension
3.Restlessness
4.Sweating and pallor
5.Increased blood pressure and heart rate
6.Paradoxical movement of chest
อาการและอาการแสดงภาวะ Hypoxemia
ระบบผิวหนัง
ซีดเย็น เขียวคล้ำ เหงื่อออกมาก
ระบบหายใจ
เหนื่อยง่าย หายใจเร็วหายใจลำบากหยุดหายใจ
ระบบประสาท
วิตกกังวลกระสับกระส่ายอ่อนเพลีย coma
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
ชีพจรเร็ว ,EKG ผิดปกติ
เจ็บหน้าอก
ความดันสุงร่วมกับอัตราการเต้นของหัวใจเร็ว
ความดันเลือดต่ำร่วมกับอัตราการเต้นหัวใจช้า
การดูแลเบื้องต้นเกี่ยวกับการหายใจ
1.การเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากปากและลำคอ
**ในผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัวและมีการอุดกั้นโดยสมบูรณ์
-ใช้นิ้วกวาดเข้าไปในปาก แก้มและคอ
-จัดท่าให้ทางเดินหายใจโล่ง อากาศผ่านเข้าไปได้
-ทุบบริเวณกระดูกสันหลังระหว่างกระดูกสะบัก
-ทำ Manual thrusts (Heimlich maneuver)
**ในผู้ป่วยที่พอรู้สึกตัวและไอมาก
-พยายามไอเอาสิ่งแปลกปลอมออกเอง
-ห้าม!!ใช้นิ้วเข้าไปล้วงสิ่งแปลกปลอมภายในปาก
-ควรใส่ airway หรือ larygoscope
-ดูดออกด้วยเครื่องดูดเสมมะ
2.การเปิดทางเดินหายใจให้โล่ง
Jaw thrust
เป็นการยกมุมของขากรรไกรไปข้างหน้า วิธีนี้ !!! ใช้ได้กับผู้ป่วย c-spine
Chin lift
ใช้ปลายนิ้วยกคางขึ้น แต่ไม่ให้คอแหงน
Sniffing position
วิธีนี้ !! ไม่เหมาะกับผู้ป่วย c-spine
เพราะข้อต่อ atlanto-occiptal จะ extend
Head tilt
-ใช้มือกดบริเวณหน้าผากและช้อนใต้คอ
วิธีนี้!!!! ไม่เหมาะกับผู้ป่วย c-spine
3.การใส่ Airway
Naso-phalyngealairway
วัดจากจมูกถึงติ่งหู
Oral airway
วัดจากปากถึงติ่งหูในผู้ใหญ่
4.การให้ออกซิเจนผ่านหน้ากากชนิดต่างๆ
Non rebreathing mask : high flow O2สามารถป้องกันการคั่งของ CO2ได้
Bag-Valve
Mouth-Mask ventilation
ผู้ช่วยอยู่ในท่า Sniffing position และใส่ airway ด้วยผู้ช่วย 2 คน จะช่วยบีบ bag ได้อากาศมากกว่าจะได้ high flow O2 ช่วยการหายใจ 2 ครั้ง(1 ครั้ง 1 วินาที)
ข้อเสีย
ในผู้ป่วยอุบัติเหตุ
-เกิดสูดสำลักจากสิ่งอาเจียนได้
-รายที่มีกระดูก cribriform plate แตกทำให้เกิด Pneumocephalus
-ผู้ป่วยรู้สึกตัวมักทนไม่ได้
-ใช่ไม่ได้ใน severe maxillofacial injury
ข้อดี
ของการให้ออกซิเจน
-ป้องกันภาวะขาดออกซิเจน
-ป้องกันภาวะสมองบวม
5.การใช้วิธีพิเศษในการดูแลทางเดินหายใจ
P-Patency ในกรณีที่ผู้ป่วยมีปัญหา
1.inadequate airway หายใจไม่ได้
2.maxillofacial injury บาดเจ็บบนใบหน้า
3.neck injury บาดเจ็บที่คอ
4.facial burn
P-Protection
P-Pulmonary toilet เสมหะมากต้องระบายเสมหะ
P-Positive pressure แรงดันบวก
บาดเจ็บต่อกระดูกสันหลังส่วนคอ ให้ใส่ cervical collar
ถ้าผู้ป่วยสวมหมวกกัน็อก ไม่ต้องใส่ท่อหายใจไม่ต้องถอดหมวก ห้าม flex หรือ extend
บาดเจ็บต่อกล่องเสียงและหลอดลมแตก
ควรทำ Tracheostomy ต่ำกว่าตำแหน่งที่บาดเจ็บ ใช้ brochoscope ช่วยในการใส่ endotracheal tube
บาดเจ็บต่อใบหน้า
-ควรจัดให้นอนตะแคง ยกคางและขากรรไกรขึ้น จึงใส่ Laryngoscope เพื่อใส่ endotracheal tube
-ถ้าทำยากให้เลือกใช้ cricothyroidotomy หรือ transtracheal jet ventilation
C : Circulation
-คลำชีพจรที่ Radial,Bachial,Carotid artery
-ตรวจ Capillary refill
-ตรวจสอบบาดแผล
-คลำผิวหนัง ปลายมือ ปลายเท้า
-Trauma score
Hypovolemic shock
คงไว้ปริมาตรเลือดไหลเวียน โดยให้สารน้ำหรือเลือด ควรเปิดหลอดเลือดส่วนปลายอย่างน้อย 2 เส้น บริเวณแขน ที่ไม่บาดเจ็บหรือชาถ้าแทงไม่ได้เพราะ peripheral vein collapse ให้ทำ cutdown
นิยมให้ PRC มากกว่า whole blood
Cardiogenic shock
อาการ หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตตก หลอดเลือดดำที่คอโป่งพอง เสียงหัวใจดังอู้อี้ไม่ชัด
Neurogenic shock
สาเหตุ spinal cord injury
สูญเสีย sympathetic tone มีการขยายตัวของหลอดเลือด แต่อัตราเร็วของชีพจรไม่เพิ่มขึ้น
Septic shock
สาเหตุ เกิดจากการติดเชื้อเข้าสู่กระเเสเลือด
อาการ ความดันโลหิตต่ำ (ไม่มาก) pulse pressure กว้าง ผิวหนังอุ่น
การรักษา control source of sepsis
F:Fluid,Foley
วิเคราะห์ปริมาณสารน้ำที่ควรได้รับ
เจาะเลือด CBC ABG Hct WBC
ประเมิน content จากทางเดินอาหาร ดูแล NG tube ประเมินปัสสาวะ
B-Breathing and ventilation
ดู
: อัตราจังหวะ ความลึกตื้นของการหายใจ ความยาวการหายใจเข้าและออก
คลำ
: ตำแหน่งที่กดเจ็บ
เคาะ
: ความผิดปกติคือ hyperresonance หรือ dullness บริเวณปอด
ฟัง
: พบ breath sound ไม่เท่ากัน
AGB
Pulseoximetry
100%=PaO2 90 mmHg
90%=PaO2 60 mmHg
60%= PaO2 30 mmHg
50%= PaO2 27 mmHg
Tension pneumothorax
อาการ หายใจลำบาก ฟังเสียงหายใจข้างนั้นไม่ได้ เคาะโปร่ง
การรักษาฉุกเฉิน ปิดด้วยวาสลินก๊อซ ทำ needle thoracostomy 2nd ICS,MCL เพื่อระบายลมออก หลังจากนั้นส่งผู้ป่วยไป X-Ray และใส่ ICD ที่ 5th ICS,MCL
Open pneumothorax
อาการ หายใจลำบากมาก มีเสียงลมถูกดูดเข้าไป มีเสียงลมในช่องเยื่อหุ้มปอดหายใจเร็ว คล้ายเสียงคำราม
การรักษา
ทำ three sided dressing
-ทำ ICD แยกจากแผล opened wound
-ถ้าผู้ป่วยไม่ดีขึ้น(PaO2<60 มม.ปรอท)
Flail chest
สาเหตุ การบาดเจ็บของเนื้อปอดอย่างรุนแรง
อาการ ปวดมาก หายใจลำบาก เขียว มีภาวะขาดออกซิเจน
การรักษา
-ติดตามดู arterial blood gas อย่างใกล้ชิด
-ใช้ ventilator
Massive hemothorax
ภาวะที่มีเลือดในช่องเยื่อหุ้มปอดมากกว่า 1500 มล.
อาการ หายใจลำบาก เขียว เหนื่อย เคาะทึบ
การรักษาภาวะฉุกเฉิน
-ให้ออกซิเจน
-ใส่ ICD
-ให้สารน้ำ crystalloid
-การช่วยเหลือภาวะตกเลือดโดยให้เลือดทดแทน
E:Exposure,Enviroment control,EKG
ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
ดูความอบอุ่นป้องกันภาวะ hypothermia
D:Disability คือประเมินระบบประสาทอย่างรวดเร็วรู้ถึงระดับความรู้สึกตัวโดยใช้ GCS และปฏิกิริยารูม่านตาต่อแสง
Deformities คือประเมินความผิดปกติของระบบกล้ามเนื้อและกระดูกดูที่รูปร่างและหน้าที่ การทำงานผิดปกติ
Drainage เป็นการสังเกตสิ่งคัดหลั่งจาก ปาก จมูก ช่องหู
Resuscitation
CPR
-Position ตำแหน่งการวางมือของการปั๊มต้องวางมือตรงส่วนล่างของกระดูกหน้าอก
-เริ่มกดหน้าอก 30 ครั้ง กดเร็ว อย่างน้อย 100-120 ครั้ง/นาที
กดลึก อย่างน้อย 2นิ้ว หรือ 5 ซม. ไม่เกิน 2.4 ซม. หรือ 6 ซม. ถอนมือจนสุดปล่อยให้หน้าอกขยายกลับอย่างเต็มที่หลังการกดแต่ละครั้ง กดให้ต่อเนื่อง
-วางส้นมือข้างหนึ่งตรงครึ่งล่างกระดูกหน้าอกและวางส้นมืออีกข้างหนึ่งซ้อนบนมือแรกล๊อคประสานนิ้วมือเข้าด้วยกัน
-ถ้าเป็นผู้ชายวางส้นมือลงตรงระหว่างหัวนม
-แขนเหยียดตรงแนวดิ่งไม่งอศอก
-นับ 1 และ 2 และ 3...สิบเอ็ด สิบสอง ....30
ขั้นตอนการทำ C-A-B
AED (Automatic External Defibrillator) คือ เครื่องช๊อกไฟฟ้าที่ถูกออกแบบให้อ่านคลื่นไฟฟ้าหัวใจและช่วยช๊อคไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ
การกู้ชีวิตขั้นสูง
(Advanced Cardiovascular Lift Support)
หลักสำคัญ
ต้องรักษาลำดับแรก BLS skill
ถ้าใส่ advanced airway กดหน้าอก 100 ครั้ง/นาที ต่อเนื่อง ไม่ต้องสัมพันธ์กับการช่วยหายใจ 8-10 ครั้ง/นาที (1 ครั้งทุก 6-8 วินาที)
ลดการทำหัตถการต่างๆ เพื่อเช็ค rhythm,defibrillation ใส่ advance airway หรือเปิดหลอดเลือด ให้เวลาสั้นที่สุด
Definitive care
เป็นการรักษาผู้ป่วยหลังจากตรวจวินิจฉัยเบื้องต้น เช่นนำผู้ป่วยไปเข้าห้องผ่าตัด หรือนำผู้ป่วยเข้ารับการรักษาหออภิบาลผู้ป่วยหนัก
Secondary Assessment
เป็นการประเมินผู้บาดเจ็บอย่างละเอียดในระบบต่างๆจากการประเมิน PQRST,AMPLE
Multiple trauma,Multiple injury
การบาดเจ็บตั้งแต่ 2 ระบบขึ้นไป พบได้จากอุบัติเหตุ ทำให้ได้รับการบาดเจ็บพร้อมๆกัน เช่น สมอง บาดเจ็บช่องท้อง กระดูกซี่โครงหัก มีเลือดหรือลมในช่องท้อง เยื่อหุ้มปอด เลือดออกในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ กระดูกสันหลังส่วนคอ