วามผิดปกติของระบบหัวใจ
และหลอดเลือด

ACD5E329-0643-42D8-AFB9-BA01852EF391

กายวิภาค(Anatomy)

สรีระวิทยา (Physiological)

กายวิภาคของหัวใจ
EACF802F-F3E0-4B6D-9163-F70ADAFAB5FB

กายวิภาคของหลอดเลือด
FF0703E9-B77F-4E7C-91F0-88D4BB0C1391

หลอดเลือดดำ

หลอดเลือดฝอย

click to edit

  1. ระบบหัวใจและหลอดเลือด (cardiovascular system) ประกอบด้วย หัวใจ และเส้นเลือด (blood vessels).
    45EFE150-D12F-4816-BD41-2D8C094D74BB
  1. ระบบหัวใจและหลอดเลือดหัวใจประกอบด้วย 2 แขนง
  1. หัวใจอยู่บริเวณประจันอก (mediastinum) โดยประมาณ 2 ใน 3 อยู่ทางซ้ายต่อแนวตรงกลาง (median)
    2BAC33EC-B656-4E39-A2A4-608F63CE8B58
  1. หัวใจอยู่ภายในถุงหุ้มหัวใจ (pericardium) ที่เป็นถุงเส้นใย (fibrous sac) 2 ชั้น.
  1. ผนังของหัวใจประกอบไปด้วย ผนังด้านนอก (epicardium) กล้ามเนื้อหัวใจ (myocardium) ผนังด้านใน (endocardium)
  1. หัวใจมี 4 ห้อง (chambers)
  1. ลิ้นหัวใจเอตริโอเวินตริคูลาร์ (Atrioventricular (AV) valves) ควบคุมการไหลของเลือดจากเอเตรียมไปยังเวนตริเคิล ลิ้นด้านขวา
  1. ลิ้นหัวใจเซมิลูนาร์ (Semilunar valves) ทําหน้าที่ควบคุมการไหลของเลือดจากเวนตริเคิลไปยังเส้นเลือดใหญ่ ไปยังเส้นเลือดปอด (pulmonary trunk) คือลิ้นพัสโมนารีย์ (pulmonary valve) ไปยังเอออร์ตา (aorta) คือ ลิ้นเอออร์ติค (aortic valve)
    95ACE225-1ECF-4FCF-91D4-14047C639E69
  1. เลือดทั่วกายเข้าสู่หัวใจทางห้องเอเตรียมขวา ไหลผ่านลิ้นเอวีขวา ไปยังห้องเวนตริเคิลขวา
    และสูบฉีดไปยังลิ้นพัลโมนารีย์ ไปยังวงจรปอด (pulmonary circuit).
    เลือดกลับมาจากปอดมายังห้องเอเตรียมซ้าย ผ่านลิ้นเอวีซ้ายไป ยังห้องเวนตริเคิลซ้าย
    และสูบฉีดเลือดผ่านลิ้นเอออร์ติคไปยังวงจรทั่วกาย (systemic circuit).
    05369B1F-82DF-4014-BF0D-EAD938377412
  1. เนื้อเยื่อหัวใจ เลี้ยงโดยระบบหลอดเลือดโคโรนารีย์ (coronary blood vessels) การอุดกั้นของหลอดเลือดโคโรนารี สามารถทําให้เกิด กล้ามเนื้อหัวใจตาย (myocardial infarction) จากการขาดออกซิเจน

ปัจจัยเสี่ยง (Risk factor)

อาการและอาการแสดง
ของระบบหัวใจและหลอดเลือด

click to edit

Insufficient physical activites and stress
กิจกรรมและความเครียด
68BAD5DB-516B-4C3B-ACF5-9E97CE8DAE9B

Alcohol and cigarette consumption แอลกอฮอล์และบุหรี่
CB0D071E-B26F-4789-A74F-BD613A56FB50

High dietary salt เกลือในอาหารสูง
B8C9C107-EB4A-454D-8F73-98420F5FCFB0

Obesity โรคอ้วน
7D8750E9-D4CF-4E53-9A11-FF6E424034B3

Diabetes เบาหวาน

Hypercholestrolemia คอลเลสเตอรอลสูง

Hypertension ความดันโลหิตสูง

อาการเขี้ยวคล้ำ(cyanosis)

เกิดจากสารเลือดแดง (haemoglobin)
อยู่ในสภาพที่ขาดออกซิเจนเป็นจำนวนมาก

อาการบวม (Edema)

ความหมาย เนื่องจากมีการคั่งค้างของน้ำในเนื้อเยื่อเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ อาการบวมที่เกิดขึ้น
ในบริเวณที่อยู่ต่ำของร่างกาย

อาการแสดง เมื่อใช้มือกด ทำให้มีลักษณะเป็นรอยบุ๋ม สาเหตุของการบวมมีได้หลายชนิด เช่น เกิดขึ้น เนื่องจากการสูญเสียโปรตีนจากร่างกายมากกว่าธรรมดา หรือไม่สามารถที่จะสร้างโปรตีนได้ ทำให้ระดับของโปรตีนในเลือดลดลงกว่าเดิม
EB184F4C-70FB-4D65-925D-FDFE6F304510

ส่วนใหญ่เกิดจากโรคปอด โรคหัวใจ การได้รับสารพิษ
และการขาดอากาศหายใจ โรคปอดและหลอดลมที่เป็นมาก

สารพิษและยาบางอย่างเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว
จะจับกับสารเลือดแดง ทำให้สารเลือดแดงไม่สามารถจับออกซิเจนได้

ความดันเลือด(blood pressure)
36476F90-1073-4ECE-9F09-A199CBA82A23

คนปกติความดันในหลอดเลือดแดงจะขึ้น หรือลงตลอดเวลา โดยความดันสูงสุดของหลอดเลือดแดง เรียกว่า ความดันซิสโทลิก และความดันต่ำสุด เรียกว่า ความดันไดแอสโทลิก

     ค่าของความดันเลือดในคนปกติ 
         ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ 

อายุ

สภาพทางอารมณ์

การออกกำลังกาย

Cardiovascular dysfunction

วงจรของปอด (pulmonary circuit) ทําหน้าที่เลี้ยงปอด
8F0F4DF2-094E-4958-8105-44801EAB37CC

วงจรวงจรของทั่วกาย (systemic circuit) ทําหน้าที่เลี้ยงทั่วร่างกายยกเว้นปอด.
4CA84994-B4D6-497C-B7D1-EE2FEC22D88B

เยื่อหุ้มหัวใจชั้นใน (visceral pericardium) ปกคลุมพื้นผิวของหัวใจภายนอก (epicardium)

เยื่อหุ้มหัวใจชั้นนอก (parietal pericardium) ก่อเป็นถุงเยื่อหุ้มหัวใจหล่อลื่นด้วยน้ําถุงเยื่อหุ้มหัวใจ (pericardial fluid)

ห้องรับเลือดเอเตรียม (atrium; atria) 2 ห้อง
และห้องสูบฉีดเลือด เวนตริเคิล (ventricles) 2 ห้อง
แต่ละห้องแยกจากกันโดย ผนังกั้นระหว่างเอเตรียม (interatrial septum)
และเวนตริเคิล (interventricular septum)
EAEB4824-57DB-476B-B3FD-40B72F053A45

ลิ้นไตรคัสปิด (tricuspid valve)

ลิ้นด้านซ้าย คือลิ้นไบคัสปิด (bicuspid valve หรือ mitral valve

ภาวะผนังหลอดเลือดแดงแข็งตัว (atherosclerosis)
9EABB631-E09A-43EB-A8C1-D1C089384AD8

เกิดในหลอดเลือดขนาดใหญ่และขนาดกลาง
ได้แก่ aorta, coronary artery, carotid artery

เป็นสาเหตุของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
และหลอดเลือดเลี้ยงสมองอุดตัน (stroke)

สาเหตุเกิดจากการอักเสบของผนังหลอดเลือดเนื่องได้รับ injury ต่างๆ ทำให้มีการทำงานที่ผิดปกติของเซลล์เยื่อบ หลอดเลือด (endothelial dysfunction)

ทำให้มี สารไขมันสะสมในผนังหลอดเลือด รวมกับมีเซลล์อักเสบเข้ามาทำลาย

เกิดเป็นก้อนแข็งนูนขึ้นมา
เรียกว่า atheromatous plaque

ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด (myocardial infarction)

50DAB2FD-6CA0-494F-8F17-389A2BD68C56

รูปที่ 1 : เป็นหัวใจหลังจากเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือดได้ ประมาณ 5-10 วัน

รูปที่ 2 : เป็นภาพ histology ของบริเวณกล้ามเนื้อหรือหัวใจตาย

หลอดเลือดฝอย (Capillaries) เป็นสถานที่หลักในการแลกเปลี่ยนน้ําในเนื้อเยื่อ ผนังของมันประกอบด้วยเพียง เนื้อเยื่อบุหลอดเลือด (endothelium) และเยื่อบุฐาน (basement membrane)
หลอดเลือดฝอยเรียงตัวกันเป็นโครงข่ายเรียกว่า ร่างแหหลอดเลือดฝอย (capillary beds) ควบคุมการไหลของ เลือดเข้าสู่ร่างแหหลอเลือดฝอยโดยหูรูดก่อนถึงหลอดเลือดฝอย

หลอดเลือดดําที่เล็กที่สุด หรือหลอดเลือดดําเล็ก (venule) ร่วมทําหน้าที่แลกเปลี่ยนน้ําในเนื้อเยื่อ. หลอดเลือดดัง กล่าวรวมตัวกันเป็นหลอดเลือดดํากลาง (medium veins) และรวมตัวต่อเป็นหลอดเลือดดําใหญ่ (large veins). หลอดเลือดดําค่อนข้างมีความดันเลือดต่ํา และมีผนังบางกว่า และมีกล้ามเนื้อกับเนื้อเยื่อยืดหยุ่นน้อยกว่าหลอด เลือดแดง. หลอดเลือดดํากลางที่แขนขา มีลิ้นเพื่อป้องกันการไหลกลับของเลือด

หลอดเลือดแดง

บริเวณที่มีพยาธิสภาพคือ anterior wall ของ left ventricle และ interventricular septum (IS) ประกอบบริเวณเนื้อตาย ( NZ=necrotic zone) และล้อมรอบด้วยบริเวณที่มีการอักเสบ (HZ=hyperemic zone)

PW = posterior wall


RV = right ventricle

LV = left ventricle

ผนังของหลอดเลือดแดงเหนียว และยืดหยุ่นได้หลอดเลือดจะไม่แฟบ เมื่อไม่มีเลือดอยู่ภายในไม่มีลิ้น (Valve) กั้นอยู่ภายใน มีผนัง 3 ชั้น

เห็น cytoplasm (Cp) สีชมพูของกล้ามเนื้อหัวใจที่ ไม่มี nucleus หรือ nucleus (Nu) กำลังหายไป การตายของเซลล์แบบนี้เรียกว่า coagulative necrosis นอกจากนี้ยังมีเลือดออกระหว่างเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจด้วยเนื่องจากมี การทำลายของหลอดเลือด capillary ที่ไปเลี้ยงเซลล์กล้ามเนื้อหรือหัวใจ

โรคหัวใจรูมาติก
(rheumatic heart disease)
70ED2B4C-EA3D-46DB-B8C6-E94A10BD2FE1

เกิดจากการติดเชื้อ group A β-hemolytic streptococcus ที่ลำคอ

➡️ ระยะแรก
มีอาการไอเจ็บคอ (pharyngitis)
➡️ 3-6 สัปดาห์
อาการเจ็บคอหายไป ร่างกายมีการสร้าง antibody ติดเชื้อขึ้นมาแต่ บางคน antibody ตัวนี้ จะไปทำลาย เนื้อเยื่อของร่างกายด้วยทำให้เกิดโรคไข้รูมาติกขึ้นมา

ถ้ามีพยาธิสภาพของหัวใจด้วยเรียกว่า rheumatic heart rheumatic heart disease ซึ่งพยาธิสภาพที่หัวใจ ได้แก่การอักเสบของลิ้นหัวใจ (rheumatic valvular disease) การอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจ (myocarditis) และการอักเสบของเยื่อหุ้มหัวใจ (pericarditis)

โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (myocarditis)
A98CD0C0-C44F-4088-AE93-99A1B3462979

พบบ่อยที่สุดคือ การติดเชื้อไวรัส ได้แก่ coxsackievirus, ECHO, CMV เชื้อชนิดอื่น อาจทำให้เกิดการอักเสบที่กล้ามเนื้อหัวใจได้ แต่พบได้น้อยกว่า เช่น Clamydiae, Trypanosoma เป็นต้น นอกจากนี้ คนที่เป็นโรค SLE, rheumatic fever อาจมีการทำลายกล้ามเนื้อหัวใจจาก immune ที่ผิดปกติไป

การอักเสบติดเชื้อของลิ้นหัวใจ (infective endocarditis)
93120861-DA0E-4280-84B2-93F19CF91099

เชื้อที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจที่พบบ่อยที่สุดคือ
S. viridans และ S. aureus
เกิดจากการที่เชื้อแบคทีเรียหลุดเข้ามาในกระแสเลือดแล้วมาเกาะที่ลิ้นหัวใจทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้น

Ventricular function

ภาวะผนังหลอดเลือดแดงแข็งตัว (atherosclerosis)

ภาวะผนังหลอดเลือดแดงแข็งตัวหรือ atherosclerosis เกิดในหลอดเลือดขนาดใหญ่และขนาดกลาง ได้แก่ aorta, coronary artery, carotid artery เป็นสาเหตุของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และหลอดเลือดเลี้ยงสมองอุดตัน (stroke)

สาเหตุเกิดจากการอักเสบของผนังหลอดเลือดเนื่องได้รับ injury ต่างๆ ได้แก่ สารเคมีในควันบุหรี่ ความดันโลหิตสูง โคเลสเตอรอลในเลือดสูงและโรคเบาหวาน ทำให้มีการทำงานที่ผิดปกติของเซลล์เยื่อบุ หลอดเลือด (endothelial dysfunction) ทำให้มี สารไขมันสะสมในผนังหลอดเลือด รวมกับมีเซลล์อักเสบเข้ามาทำลาย เกิดเป็นก้อนแข็งนูนขึ้นมา เรียกว่า atheromatous plaque ในรูปเป็น atheroslcerosis ของ aorta

การอักเสบติดเชื้อของลิ้นหัวใจ
(infective endocarditis)

• เชื้อที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจที่พบบ่อยที่สุดคือ S. viridans และ S. aureus เกิดจากการที่เชื้อแบคทีเรียหลุดเข้ามาในกระแสเลือดแล้วมาเกาะที่ลิ้นหัวใจทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้น

• รูปที่ 1. เป็นลิ้นหัวใจ ลิ้นหัวใจ aortic valve (AV) ที่มีเชื้อแบคทีเรียมาจบและเพิ่มเชื้อแบคทีเรีย และเพิ่มจำนวนขึ้นมาจำนวนมากจนเกิดเป็นก้อนขึ้นมา เรียกว่า vegetation (Vg)

• รูปที่ 2. เป็น histology ของ vegetation ที่ลิ้นหัวใจ บริเวณก้อนสีน้ำเงินที่อยู่ใต้ลิ้นหัใจ (valve leaflet [Lvf]) คือบริเวณที่มีเชื้อแบคทีเรียรวมกูล ย

9E71A0B0-6A5D-4E92-8821-AEC2018E2AB4

554D9FFA-1848-44AD-A73D-498EBBDA25F6

จะ