Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ระบบเครือข่ายท้องถิ่น บทที่7 (มาตรฐาน IEEE 804.5 หรือ โทเคนริง (…
ระบบเครือข่ายท้องถิ่น
บทที่7
ความหมายของระบบเครือข่ายท้องถิ่น
เครือข่ายแลน หรือเครือข่ายท้องถิ่น เป็นเครือข่ายขนาดเ ล็ก ใช้กันอยู่ในบริเวณไม่กว้าง ซึ่งเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สื่อสารที่อยู่ในท้องที่บริเวณเดียวกันเข้าด้วยกัน เช่น ภายในอาคาร หรือภายในองค์การที่มีระยะทางไม่ไกลมากนัก เครือข่ายแลนจัดได้ว่าเป็นเครือข่ายเฉพาะขององค์การ การสร้างเครือข่ายแลนนี้องค์การสามารถดำเนินการทำเองได้ โดยวางสายสัญญาณสื่อสารภายในอาคาร หรือภายในพื้นที่ของตนเอง เครือข่ายแลนมีตั้งแต่เครือข่ายขนาดเล็กที่เชือมโยงคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไป ภายในห้องเดียวกัน จนถึงเชื่อมโยงระหว่างห้อง หรือองค์การขนาดใหญ่ เช่น มหาวิทยาลัย มีการวางเครือข่ายที่เชื่อมโยงระหว่างอาคารภายในมหาวิทยาลัย เครือข่ายแลนจึงเป็นเครือข่ายที่รับผิดชอบโดยองค์การที่เป็นเจ้าของ
มาตรฐาน IEEE 804.5 หรือ โทเคนริง
-โทเคนนี้จะทำหน้าที่วิ่งวนสื่อกลางรอบๆเครือข่าย เพื่อรับ/ส่งข้อมูลจากโหนดต่างๆในเครือข่าย
-แต่ละโหนดคอยตรวจสอบสัญญาณโทเคนที่วิ่งผ่านมาว่ามีข้อมูลส่งถึงตนเองหรือไม่ หรือคอยตรวจสอบว่าสัญญาณโทเคนนั้นส่งให้ตนเองส่งข้อมูลไปโหนดอื่นๆหรือไม่
-ในเครือข่ายจะมีกลุ่มบิตควบคุมที่เรียกว่าโทเคน
-แต่ละโหลดจะมีหมายเลขประจำตัว โดยใช้วิธีการควบคุมการรับ/ส่ง ข้อมูลในเครือข่าย ใช้วิธีการ Token Passing
-หลักการทำงาน แต่ละโหนดในระบบเครือข่าย (เฉพาะโหนดที่เปิดใช้งาน) จะประกอบเป็นวงแหวนทางตรรกะ (Logical Ring)
-กรณีที่แต่ละโหลดตรวจสอบสัญญาณโทเคนที่ผ่านมาและทราบว่ามีข้อมูลส่งมาถึงตนเองโหนดนั้นจะทำตามข้อมูลนั้น พร้อมทั้งเปลี่ยนข้อมูลของสัญญาณโทเคนเพื่อบอกให้โหนดอื่นๆทราบว่าสัญญาณโทเคนนั้นว่าง
-มีโครงสรร้างที่มีการเชื่อมต่อแบบดาว โดยใช้ฮับพิเศษ ที่ซ่อนการทำงานแบบวงแหวนภายใน
-กรณีที่แต่ละโหลดตรวจสอบสัญญาณโทเคนที่ผ่านมานั้นว่าง และต้องส่งข้อมูลโหนดนั้นเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลของสัญญาณโทเคน เพื่อบอกให้โหนดอื่นทราบว่าขณะนี้สัญญาณโทเคนที่กำละังใช้งานอยู่ แล้วส่งข้อมูลไปพร้อมกับสัญญาณโทเคนนั้น
มาตรฐาน IEEE 802
การใช้งานระบบเครือข่ายท้องถิ่น จะต้องคำนึงถึงส่วนประกอบต่างๆ เช่น รูปแบบการเชื่อมต่อ สื่อกลางที่ต้องในการส่งข้อมูล และวิธีการควบคุมการใช้สื่อกลาง และเพื่อระบบเครือข่ายมีมาตรฐานในการใช้งานอย่างกว้างขวาง จึงมีองค์กรต่างๆได้ทำการกำหนดมาตรฐานของระบบเครือข่ายแบบต่างๆ ซึ่งมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับและมีการใช้งานอย่างกว้างขวาง คือ มาตรฐาน IEEE 802
มาตรฐาน IEEE 802 สำหรับระบบลเครือข่ายท้องถิ่น ถูกกำหนดขึ้นโดยองค์กร IEEE (institute of electrical and Electronics Engineers) ซึ่งเป็นองค์กรที่กำหนดมาตรฐานทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์
มาตรฐาน IEEE 802 เป็นมาตรฐานที่แบ่งออกเป็นหลายส่วน แต่ละส่วนใช้อธิบายในการทำงานในลักษณะต่างๆกัน ดังนี้ คือ
2.มาตรฐาน IEEE 802.11
เป็นมาตรฐานที่ใช้อธิบายเกี่ยวกับระบบเครือข่ายท้องถิ่นแบบไร้สาย
3.มาตรฐาน IEEE 802.15
เป็นมาตรฐานที่ใช้อธิบายเกี่ยวกับระบบเครือข่ายแบบไร้สายประเภท WPAN (Wireless Personal Area Network)
4.มาตรฐาน IEEE 802.2
เป็นมาตรฐานที่ใช้อธิบายเกี่ยวกับการควบคุมการส่งข้อมูลระหว่างต้นทางและปลายทางในระบบเครือข่าย
5.มาตรฐาน IEEE 802.3
เป็นมาตรฐานที่ใช้ในการอธิบายเกี่ยวกับการทำงานของระบบเครือข่ายท้องถิ่นประเภทอีเทอร์เน็ต
(Ethernet)
6.มาตรฐาน IEEE 802.4
เป็นมาตรฐานที่ใช้ในการอธิบายเกี่ยวกับการทำงานของระบบเครือข่ายท้องถิ่นประเภทโทเคนบัส (Token Bus)
7.มาตรฐาน IEEE 802.5
เป็นมาตรฐานที่ใช้ในการอธิบายเกี่ยวกับการทำงานของระบบเครือข่ายท้องถิ่นประเภทโทเคนริง (Token Ring)
1.มาตรฐาน IEEE 802.1
เป็นมาตรฐานที่ใช้อธิบายเกี่ยวกับเนื้อหาโดยทั่วๆไปของมาตรฐานต่างๆ IEEE 802
มาตรฐาน IEEE 802.4 หรือโทเคนบัส
เนื่องจากมาตรฐานทมาตรฐาน IEEE 802.4 หรืออีเทอร์เน็ต ไม่สามารถควบคุมอัตราความเร็วในการส่งข้อมูลภายในเครือข่ายได้ เพราะบางประเภท ต้องการควบคุมอัตราความเร็วในการส่งข้อมูล เช่น การทำงานของโรงงานอัตโนมัติ
ดังนัั้นทางองค์กร IEEE จึงได้มีการพัฒนามาตรฐาน IEEE 802.4 หรือโทเคนบัสขึ้นมา ซึ่งเป็นมาาตรฐานที่สามารถควบคุมอัตราความเร็วในการส่งข้อมูลได้ มีหลักการดังนี้คือ
-มีโครงสร้างการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบบัส
-หลักการทำงาน แต่ละโหนดในเครือข่าย (เฉพาะโหนดที่เปิดใช้งาน) จะประกอบเป็นวงแหวนทางตรรกะ (Logical Ring)
-แต่ละโหนดจะมีหมายเลขประจำตัว และรู้ความหมายเลขที่ประจำตัวของโหนดทางซ้ายแลัะขวาของตนเอง
-แต่ละโหนดจะตรวจสอบสัญญาณโทเคนที่ผ่านมาว่ามีข้ัอมูลส่งมาถึงตนเองหรือไม่ หรือคอยตรวจสอบว่าสัญญาณโทเคนนั้นว่างให้ตนเองส่งข้อมูลไปบนโหนดอื่นๆได้หรือไม่
-โทเคนนี้จะทำหน้าวิ่งวนไปในสื่อกลางรอบๆเครือข่าย เพื่อรับ/ส่ง ข้อมูลจากโหนดต่างๆในเครือข่าย
-ในเครือข่ายจะมีกลุ่มบิตควบคุมที่เรียกว่าโทเคน (Token)
ประโยชน์ของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายท้องถิ่น เป็นระบบเครือข่ายที่นิยมนำมาใช้งานที่มีผู้ใช้งานในเครือข่ายจำนวนไม่มากนัก เพราะเป็นการนำเครื่องคอมพิวเตอร์๋และอุปกรณ์ต่างๆ ต่อเข้าด้วยกัน เพื่อนประโยชน์ในด้านต่างๆดังนี้ คือ
1.เพื่อการแบ่งปันการใช้งานแฟ้มข้อมูล
2.ทำให้ระบบสามารถปรับปรุงและจัดการแฟ้มข้อมูลได้ง่าย
3.แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารซึ่งกันและกันได้อย่างสะดววกและรวดเร็ว
4.สามารถใช้ข้อมูลที่อยู่ห่างไกลได้รวดเร็ว
5.สามารถแบบ่งปันกันใช้ทรัพยากรต่างๆ เช่น เครื่งพิมพ์ โมเด็ม และอื่นๆ
6.เพื่อการแบ่งบันซอฟต์แวร์ประยุกต์
7.ประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนอนการ
8.ควบคุมและรักษาข้อมูลได้ง่าย
มาตรฐาน IEEE 802.3 หรือ อีเทอร์เน็ต
มาตรฐาน IEEE 802.3 เป็นมาตรฐานที่ได้กำหนดขึ้นมาแทนที่มาตรฐานอีเทอร์เน็ต ซึ่งมาตรฐานอีเทอร์เน็ตได้ถูกกำหนดขึ้นโดยบริษัทซีร็อกซ์ ในช่วงปี ค.ศ.1985 ต่อมาทางองค์กร IEEE ได้มีการพัฒนาโครงการ IEEE 802 ขึ้นมาและประกาศนำมาตรฐาน IEEE 802.3 ออกมาใช้งาน
ลักษณะทางการทำงานของมาตรฐาน IEEE 802.3 จะคล้ายกับมาตรฐานอีเทอร์เน็ต ปัจจุบันคำว่าอีเทอร์เน็ตและ IEEE 802.3 จึงเป็นคำที่ใช้ในแทนความหมายเดียวกัน
-วิธีการส่งสัญญาณข้อมูลแบบเบสแบนด์
-วิธีการควบคุมการรับ/ส่ง ข้อมูลในเครือข่าย ใช้วิธี CSMA/CD
-อัตราการความเร็วในการส่งข้อมูล
-10 Mbps สำหรับโครงสร้างการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบ 10 Base2,10Baes
-ปัจจุบันได้มีการพัฒนาอัตราความเร็วจาก 10 Mbps เป็น 100 Mbps หรือสูงกว่าเช่น fast Etherner และ Gigabit Ethernet
10 base2
ความหมายของคำว่า 10base2
-10 หมายถึง ความเร็วในการส่งข้อมูล 10 Mbps
-Base หมายถึง การส่งข้อมูลแบบเบสแบนด์
-2 หมายถึง ความยาวูงสุดในแต่ละเซกเมนต์ 200 เมตร
ข้อกำหนดของ 10Base2 คือ
-ใช้สายสัญญาณประเภทโคแอกเชียลอย่างบาง
-เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกและเครื่องสุดท้ายในเครือข่ายต้องปิดด้วย BNC Terminator
-ความยาวสูงสุดในแต่ละเซกเมนต์ 200 เมตร
-ในแต่ละเซกเมนต์สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆได้ไม่เกิน 30 เครื่อง ต้องมีอุปกรณ์ทบทวนสัญญาณ (Repeater) ซึ่งสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ทบทวนสัญญาณได้ไม่เกิน 4 เครื่อง
-ใช้ตัวเชื่อมต่อสายสัญญาณ BNC Cable Connector และ BNC T-Connector
10Base5
ความหมายของคำว่า 10Base5 คือ
-10 หมายถึง ความเร็วในการส่งข้อมูล 10 Mbps
-Base หมายถึง การส่งข้อมูลแบบเบสแบนด์
-5 หมายถึง ความยาวสูงสุดในแต่ละเซกเมนต์ 500 เมตร
ข้อกำหนดของ 10Base5 คือ
-ใช้ตัวเชื่อมต่อสายสัญญาณ AUI และ Transceiver
-เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกและเครื่องสุดท้ายในเครือข่ายต้องปิดด้วย N-series Ter-minator ขนาด 50 โอห์ม
-ระยะห่างระหว่าง Transceiver ต้องไม่ต่ำกว่า 2.5 เมตร
-ใช้สายสัญญาณประเภทสายโคแอกเชียลอย่างหนาประเภท RG-8
ความยาวสูงสุดในแต่ละเซกเมนต์ 500 เมตร
-ในแต่ละเซกเมนต์สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆได้ๆไม่เกิน 100 เมตร
-กรณีที่ต้องการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ 100 เครื่อง ต้องมีอุปกรณ์ทบทวนสัญญาณ (Repeater) ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ทวบทวนสัญญาณได้ไม่เกิน 4 เครื่อง
10Base-T
ความหมายของคำว่า 10Base-T คือ
-10 หมายถึง ความเร็วในการส่งข้อมูล 10 Mbps
-Base หมายถึง การส่งข้อมูลแบบเบสแบนด์
-T หมายถึง Twisted Pair (UTP)
ข้อกับหนด 10Base-T คือ
-1 เซกเมนต์ = 4 ฮับ
-ใน1 เซกเมนต์ สามารถเชื่อต่ออุปกรณ์เครือข่ายได้ 512 เครื่อง
-กรณีที่ต้องการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ 512 เครื่อง ต้องมีอุปกรณ์ทบทวนสัญญาณ (Repeater) ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ทวบทวนสัญญาณได้ไม่เกิน 4 เครื่อง
-ใช้สายสัญญาณประเภทสายคู่ตีเกลียว
-ใช้ตัวเชื่อมต่อสายสัญญาณ RJ-45
-ระยะห่างระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับฮับ หรือระยะห่างฮับกับฮับ ไม่เกินกว่า100 เมตร