Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Pleural effusion (ภาวะน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด) (ข้อมูลผู้ป่วย (การตรวจพิเศษ…

- - - - การดูดซึมของเหลวของระบบน้ำเหลืองกลับเข้าสู่หลอดเลือดดำและร่างกาย
      - ความดันในหลอดเลือดของเยื่อหุ้มปอด
- - - - มะเร็งปอด ทำให้ปอดแฟบ
      - ล้างไตทางหน้าท้อง CAPD
      - โรคตับแข็ง มี Albumin ต่ำ
      - ภาวะหัวใจล้มเหลว โดยเฉพาะห้องล่างซ้าย
    - - โรคปอดบวม โดยเฉพาะจากแบคทีเรีย
      - PE
      - มะเร็งชนิดอื่นๆแล้วลุกลามมายังปอด
      - วัณโรคปอด
      - มะเร็งปอด
      - อื่นๆที่พบได้น้อย
        
        ท่อน้ำเหลือง/หลอดเลือดในปอด injury
        
        มีการทะลุของหลอดอาหาร
        
        ตับอ่อนอักเสบรุนแรง
        
        ปอด/เยื่อหุ้มปิดติดเชื้อรา
        
        SLE
        
        การแพ้ยา
  - - - pt. เป็นโรค Non-Hodgkin lymphoma
- - - - มีก้อนเนื้ัอในเต้านมจากโรคมะเร็งเต้านม
      - ตัว ตาเหลือง เกิดร่วมกับตับแข็ง
      - มีผื่นจาก SLE
      - เท้าบวมร่วมกับชีพจรเต้นเร็ว เต้นช้าจะเหนื่อยง่าย เกิดร่วมกับโรคหัวใจ
      - มีไข้ ไอ เสมหะ จากปอดบวม
    - - Tachypnea
      - แน่นหน้าอก
      - นอนราบแล้วหายใจไม่ได้ ต้องนั่ง/เอนตัว
      - หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย
      - สะอึก
      - เจ็บหน้าอก
      - ไอเรื้อรัง
- - - - เพื่อดูการตติดเชื้อ ตรวจหาเซลล์วิทยาเพื่อวินิจฉัยโรคมะเร็ง
    - - ฟฟังเสียงหายใจ
    - - ตรวจหารสารต่างๆ เช่น สารมะเร็ง ก่อการอักเสบ , หาเชื้อร่วมกับการส่องกล้องตรวจหลอดลม (Broncho scope)
    - - ประวัติการเจ็บป่วยในอดีตและปัจจุบัน
- - - - ให้ยา Antiviral เมื่อของเหลวเกิดจากปอดบวมจากติดเชื้อไวรัส
      - รักษา ควบคุมโรค SLE เมื่อสาเหตุเกิดจากโรคนี้
      - ให้ ATB เมือของเหลวเกิดจาก Pneumonia
    - - ให้ออกซิเจน
      - ให้สารน้ำ/อาหารทาง IV
      - Bed rest งดการออกแรง
      - ให้ยาบรรเทาอาการไอ ยาละลายเสมหะ
      - เจาะ/ดูดของเหลวออกจากโพรงเยื่อหุ้มปอด
  - - - Enoxaparin 0.6 ml sc q 12 hr
      - Cefazolin 1 g oral q 6 hr
      - Tramol 50mg 1cap oral prn Q 8 hr
      - Paracetamol (500) 1 tab oral prn q 4 hr
      - Senokot 2 tabs oral hs
      - Omeprazole (20) 1x1 oral ac
      - Berodual 1 NB q 6 hr
- - - - ชนิดค่อยเป็นค่อยไป(Indolent)
      - ชนิดรุนแรง(Aggressive)
    - - ลักษณะอาการ
        
        ต่อมน้ำเหลืองโต (ไม่เจ็บ) มักพบที่บริเวณคอ รักแร้ หรือขาหนีบ
        
        เหงื่อออกตอนกลางคืน
        
        น้ำหนักลดไม่ทราบสาเหตุ
        
        มีไข้
        
        ไอเรื้อรัง หรือ รู้สึกหายใจลำบาก
        
        คันตามผิวหนังทั่วร่างกายเรื้อรัง
      - พบประมาณ 90%ของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน (Non-Hodgkin lymphoma)
      - การวินิจฉัย
        
        การซักประวัติและการตรวจร่างกาย
        
        การตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยา (Biopsy)
        
        การตรวจไขกระดูก
        
        CT scan
        
        MRI
        
        การตรวจกระดูก (Bone scan)
        
        การตรวจ PET scan
      - การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง
        
        การใช้ยาเคมีบำบัด
        
        การฉายรังสี
        
        การรักษาด้วย Antibody
        
        การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด (Stem cell transplantation)
        
        การดูแลแบบประคับประคอง
      - สาเหตุ
        
        การเปลี่ยนแปลง (การกลายพันธุ์) ภายในดีเอ็นเอ (DNA) ของเซลล์เม็ดเลือดขาว Lymphocyte
- - - - 4.เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการให้ยาละลายลิ่มเลือด
        
        ข้อมูลสนับสนุน : OD -ผู้ป่วยได้รับยา Enoxaparin 0.6 ml sc q 6 hr
        
        วัตถุประสงค์ : ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการให้ยาละลายลิ่มเลือด
        
        เกณฑ์การประเมิน : ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะเลือดออก รวมถึงบริเวณที่ได้รับการฉีดยา อาการบวมน้ำบริเวณอวัยวะส่วนปลาย โลหิตจาง เลือดออกในปัสสาวะ เป็นไข้ สับสน คลื่นไส้ ท้องเสีย หายใจลำบาก ถ้ารุนแรง ได้แก่ ภาวะแทรกซ้อนจากการเลือดออกในระดับรุนแรง เช่น ภาวะเลือดออกในช่องท้อง และภาวะเลือดออกในสมอง
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะเลือดออก มีรอยฟกช้ำ มีจ้ำเลือดตามตาม เลือดไหลไม่หยุด เป็นต้น
        
        2..ประเมิน V/S ทุก 4 ชม เพื่อติดตามและสังเกตอาการเปลี่ยนแปลง
        
        3.ให้การพยาบาลอย่างนุ่มนวล เพื่อลดภาวะ Hematoma
        
        ให้ Absolute bed rest
        
        ติดตามผลlab ได้แก่ PT PTT INR เพื่อประเมินการแข็งตัวของเลือดอย่างต่อเนื่อง
      - เสี่ยงต่อภาวะพร่องออกซิเจน เนื่องจากพื้นที่แลกเปลี่ยนก๊าซลดลง
        
        ข้อมูลสนับสนุน : OD -ผู้ป่วยมีอาการหายใจลำบาก มีเสมหะเหนียวข้น Capilary refill >2 ผลlab Hb=9.0 g/dL , Hct=28.1%, RBC=3.20x10^6/uL -ฟังปอดพบเสียง Wheezing บริเวณด้านขวา -ผลChest X-ray พบ Pleural effusion (23/07/2562)
        
        วัตถุประสงค์ : ไม่เกิดภาวะพร่อง O2
        
        เกณฑ์การประเมิน : ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะพร่อง O2 เช่น ผิวหนังซีดหรือเป็นสีเขียว ไอ เหงื่อออกมาก หายใจมีเสียงหวีด หายใจถี่ หรือหายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว สับสนมึนงง ไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอก เกิดภาวะโคม่าถ้ารุนแรง ไม่มีเสมหะเหนียวข้น Capilary refill <2 ผลlabปกติ Hb=12.3-15.5 g/dL , Hct=36.8-46.6% -ค่า PaO2 มีค่า 80-100 mmHg -ฟังปอดไม่พบเสียงผิดปกติ -ทำ CxR ซ้ำ ไม่พบ Pleural effusion
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะพร่อง O2 เช่น ผิวหนังซีดหรือเป็นสีเขียว ไอ เหงื่อออกมาก หายใจมีเสียงหวีด หายใจถี่ หรือหายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว สับสนมึนงง ไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอก เกิดภาวะโคม่าถ้ารุนแรง เป็นต้น และประเมินลักษณะการหายใจ การใช้กล้ามเนื้อช่วยในการหายใจ ประเมิน Lung sound เป็นต้น
        
        2.ประเมิน V/S และวัด O2 sat ทุก 4 ชม เพื่อติดตามและสังเกตอาการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะ RR และ O2 sat
        
        3.ดูแลให้ไดัรับ O2 3 LPM ตามแผนการรักษา ดูแลสายไม่ให้หัก พับ หรืองอ ไม่ให้มีน้ าขังในสายออกซิเจน และดูแล
        Ventilator ให้อยู่ในระบบปิด และ
        
        ดูแลให้ได้รับการพ่นยา Buroduol 1 NB q 4 hr สลับกับ 0.9% NSS 5 cc ตามแผนการรักษา
        
        ดูแลทางทางเดินหายให้โล่งอยู่เสมอ เพื่อป้องกันเสมหะอุดกลั้นและดูแลให้ผู้ป่วยพักผ่อนเพื่อลดการใช้
        ออกซิเจน Absolute bed rest.
        
        7.ให้การพยาบาลด้วยความถูกต้องและรวดเร็ว เพื่อป้องกันผู้ป่วยเหนี่อย
        
        ติดตามผล ABG เพื่อประเมินค่า O2 อย่างต่อเนื่อง
        
        จัดท่านอนศีรษะสูง (Fowler position) และ
        Suction clear airway เพื่อหายใจได้สะดวก
      - 2.เสี่ยงต่อภาวะติดเชื้อในร่างกาย เนื่องจากภูมิคุ้มกันลดลง
        
        ข้อมูลสนับสนุน : OD -ผู้ป่วยมีแผล PCD บริเวณ หน้าอกด้านซ้าย มีแผล Bed sore stage 2 ที่บริเวณก้นกก ขนาด 5*5 cm ลักษณะเป็นรอยถลอก รอบๆแผลเป็นรอยแดง -มีไข้ 38.6 c (วันที่ 31/08/2562)- Neutropli สูง = 86.0%,Lymphocyte ต่ำ=5.7% (วันที่ 30/08/2562) - Dx. Midiasternal lymphoma - ผล sputum gram stain พบ Gram positive cocci และ Grram negative bacilli (วันที่02/09/2562)
        
        วัตถุประสงค์ : ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะติดเชื้อในร่างกาย
        
        เกณฑ์การประเมิน : ผู้ป่วยไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะติดเชื้อ เช่น ไข้สูง หายใจเร็ว ชีพจรเต้นเร็ว รู้สึกหนาว ตัวสั่น แผลมีลักษณะบวม แดงร้อน มี discharge ซึม เป็นต้น - BODY TEMPERATURE เท่ากับ 36.5 – 37.4 C -ค่า WBC Count 5000-10000 cell/mm, Neutrophli = 48.1-71.2 %, Lymphocyte=21.1-42.7% -ผล sputum cultrue ไม่พบเชื้อ
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะติดเชื้อ เช่น มีไข้สูง หายใจเร็ว ชีพจรเต้นเร็ว รู้สึกหนาว ตัวสั่น แผลมีลักษณะบวม แดงร้อน มี discharge ซึม เป็นต้น
        
        2.ประเมิน V/S และวัด O2 sat ทุก 4 ชม เพื่อติดตามและสังเกตอาการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะ BT เพื่อประเมินภาวะติดเชื้อ
        
        3.ดูแลทำความสะอาดแผลโดยใช้ 0.9% NSS โดยใช้หลัก Aseptic technique ด้วยวิธี Wet dressing
        
        4.ถ้ามีไข้ให้เช็ดตัวลดไข้หรือให้ยาลดไข้ตามแผนการรักษา
        
        ล้างมือทุกครั้ง ก่อน-หลังให้การพยาบาล
        หรือการสัมผัสกับสารคัดหลั่งผู้ป่วย
        
        ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ WBC
        count Neutrophli Lymphocyte เพื่อประเมินภาวะติดเชื้อ
        
        ดูแลให้ได้รับยา Tasozin 4.5 mg IV q 6 hr with stat ตามแผนการรักษา
      - 3.เสี่ยงต่อการเกิดภาวะระบบทางเดินหายใจล้มเหลว เนื่องจากมีลิ่มเลือดไปอุดกลั้นที่ปอด
        
        ข้อมูลสนับสนุน : OD -ผู้ป่วยได้รับยา Enoxaparin 0.6 ml sc q 6 hr และ วันที่ 23/07/2562:ทำ CTA pulmonary artery,CT chest,Ct whole abdomen พบ Pulmonary embolism
        
        วัตถุประสงค์ : ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะระบบทางเดินหายใจล้มเหลว เนื่องจากมีลิ่มเลือดไปอุดกลั้นที่ปอด
        
        เกณฑ์การประเมิน : ผู้ป่วยไม่มีอาการและอาการแสดงของลิ่มเลือดไปอุดกลั้นที่ปอด เช่น หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ เหงื่ออกตัวเย็น cyanosis เป็นต้น
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินอาการและอาการแสดงของอาการของลิ่มเลือดไปอุดกลั้นที่ปอด เช่น หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ เหงื่ออกตัวเย็น cyanosis หายใจเหนื่อยหอบ เป็นต้น
        
        2.ประเมิน V/S และวัด O2 satทุก 4 ชม เพื่อติดตามและสังเกตอาการเปลี่ยนแปลง
        
        ดูแลให้ได้รับยา Enoxaparin 0.6 ml sc q 6 hr ตามแผนการรักษา
        
        4.ให้การพยาบาลอย่างนุ่มนวลและรวดเร็ว เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนจากยาละลายลิ่มเลือด
        
        ให้ Absolute bed rest
        
        6.ติดตามผลlab ได้แก่ PT PTT INR Platelet เพื่อประเมินการแข็งตัวของเลือดอย่างต่อเนื่อง Hb. Hct. เพื่อติดตามภาวะเลือดข้น
      - เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ พลัดตกหกล้ม Hypostatic pneumonia ข้อติดแข็งและกล้ามเนื้อลีบ เนื่องจากเคลื่อนไหวร่างกายได้น้อย
        
        ข้อมูลสนับสนุน : OD - ผู้ป่วยมีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อย -ประเมิน fall score มีค่าเท่ากับ 4 marks หมายถึง มีความเสี่ยงต่ำที่จะเกิด
        pressure sore (วันที่ 28/08/2562)
        
        วัตถุประสงค์ : ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการเคลื่อนไหวร่างกายได้น้อย
        
        เกณฑ์การประเมิน : -ได้รับการประเมิน Fall Sore ทุก 7 วัน -ไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะข้อติด เช่น ข้อติดแข็ง (Stiffness of joint) -ไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะHypostatic pneumonia เช่น เหนื่อย หายใจลำบาก ไอมีเสมหะ มีไข้ เสียงการหายใจลดลง อาจมีภาวะปอดแฟบ (Atelectasis)
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        การพยาบาลป้องกันการเกิดภาวะ Hypostatic Pneumonia
        
        ประเมินลักษณะการหายใจ และฟังเสียงปอดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
        
        ดูแลจัดท่านอนให้ศีรษะสูงเล็กน้อย เพื่อช่วยให้หายใจได้สะดวก
        
        ดูแลได้รับการ Sunction ในปาก Mouth care และแนะนำเรื่อง Breathing Exercise และ Effective Cough
        
        ดูแลให้ผู้ป่วยได้ดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8 แก้วเพื่อช่วยให้เสมหะอ่อนตัว และสามารถขับออกได้ง่าย พร้อมทั้งสังเกตลักษณะของเสมหะที่ออก
        
        ดูแลให้มีการพลิกตัว หรือขยับตัว โดยไม่นอนอยู่ท่าเดียวนาน ๆ เพื่อให้มีการเคลื่อนไหวของร่างกาย
        
        บันทึกสัญญาณชีพ เพื่อดูอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง ถ้าสูงขึ้นอาจมีการติดเชื้อในปอด ให้ประเมินชีพจร และอัตราการหายใจร่วมด้วย
        
        7.แนะนำและสอนให้ผู้ป่วยดูด triflow incentive spirometer อย่างถูกวิธี
        
        การพยาบาลป้องกันการเกิดภาวะข้อติดแข็งและกล้ามเนื้อลีบ
        
        ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะของการที่ข้อติด และกล้ามเนื้อลีบ เช่น มี stiffness of joint
        
        ประเมิน V/S และวัด O2 satทุก 4 ชม เพื่อติดตามและสังเกตอาการเปลี่ยนแปลง
        
        ดูแลให้มีการพลิกตัว หรือขยับตัว โดยไม่นอนอยู่ท่าเดียวนาน ๆ เพื่อให้มีการเคลื่อนไหวของร่างกาย
        
        4.ดูแลให้ผู้ป่วยออกกำลังกายโดยวิธี isometric exercise และ passive exercise
        
        การพยาบาลป้องกันการเกิดพลัดตกหกล้ม
        
        1.ประเมินการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยและประเมิน Fall Sore ทุก 7 วัน
        
        ประเมิน V/S และวัด O2 satทุก 4 ชม เพื่อติดตามและสังเกตอาการเปลี่ยนแปลง
        
        ยกไม้กั้นเตียงขึ้นทุกครั้งหลังให้การพยาบาล
        
        4.ติดป้านสัญลักษณ์ Fall ไว้ที่ติดของผู้ป่วยและให้คำแนะนำญาติเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อการพลัดตกล้ม
      - 5.ผู้ป่วยมีภาวะแผลกดทับ stage 2 เนื่องจากการเคลื่อนไหวร่างกายได้น้อย
        
        เกณฑ์การประเมิน : 1. ระดับแผลกดทับลดลง 2.ผู้ป่วยไม่มีอาการและอาการแสดงของแผลกดทับ ได้แก่ ผิวหนังเริ่มมีอาการแดง บวม มีรอยถลอกเพิ่มเติมบริเวณส่วนอื่นๆของร่างกาย 3. ป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ แผลติดเชื้อ ความเจ็บปวด
        
        ข้อมูลสนับสนุน : SD - ผู้ป่วยบอกว่าปวดบริเวณที่มีแผลกดทับขณะพลิกตะแคงตัว OD -มี Bed sore stage 2 ที่บริเวณก้นกก ขนาด 5*5 cm ลักษณะเป็นรอยถลอก รอบๆแผลเป็นรอยแดงและมี Slough ปน --ประเมิน Braden score มีค่าเท่ากับ 13 marks หมายถึง มีความเสี่ยงปานกลางที่จะเกิด
        pressure sore (วันที่ 22/08/2562)
        
        วัตถุประสงค์ : เพื่อลดระดับแผลกดทับและป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการเกิดแผลกดทับ
        
        กิจกรรมการพยาบาล :
        
        ประเมินสภาพผิวหนังบริเวณก้นกบและปุ่มกระดูกต่างๆ ทุกครั้งที่มีการทำความสะอาดร่างกาย/การเปลี่ยนท่า/การพลิกตะแคงตัว
        
        ดูและการจัดท่าพลิกตะแคงตัว (Keep
        moving) อย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง
        
        ท่ านอนหงายจัดให้เป็น 30-30 องศา Semi-fowler โดยจัดให้ศีรษะสูงไม่เกิน 30องศา และเข่าสูง 30 องศา
        
        ท่านอนตะแคง จัดให้สะโพกเอียงท ามุม 30 องศากับพื้นเตียง ศีรษะสูงไม่เกิน 30 องศา ผู้ป่วยอาจอยู่ในท่าตะแคงกึ่งคว่ า หรือกึ่งหงายและใช้หมอนคั่นระหว่างหัวเข่า
        
        เมื่อต้องการเคลื่อนย้าย หรือยกตัวผู้ป่วย
        ใช้ผ้ารองยกตัว หรืออุปกรณ์ในการยกตัว
        เพื่อหลีกเลี่ยงการลากดึง ป้องกันการ
        บาดเจ็บของผิวหนังจากแรงเสียดสี
        
        ดูและการได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์และเพียงพอ (Nutrition support) คิอ อาหารในผู้ป่วยรายนี้ จะช่วยป้องกันการเกิดแผลกดทับได้
        
        ประเมิน V/S และวัด O2 satทุก 4 ชม เพื่อติดตามและสังเกตอาการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะ BT
        
        4.ดูแล ทำความสะอาดแผลด้วย 0.9% NSS ด้วยวิธี Wet dressing
        
        ประเมิน The Braden Scale for Predicting Pressure Sore Risk ทุก 8 ชั่วโมง
      - ญาติมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วย
        
        ข้อมูลสนับสนุน : OD-ญาติมักจะมาสอบถามเกี่ยวกับโรคที่ผู้ป่วยเป็นอยู่เสมอ -ญาติบอกว่าไม่อยากให้ผู้ป่วยทรมาน ปล่อยให้เป็นไปตามโรคของผู้ป่วย
        
        วัตถุประสงค์ : ลดความวิตกกังวลให้กับญาติผู้ป่วย
        
        เกณฑ์การประเมิน : - ญาติมีความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินไปของโรคและการรักษาของโรคที่ผู้ป่วยเป็น
        
        กิจกรรมการพยาบาล :
        
        อธิบายเกี่ยวกับกับพยาธิสภาพของโรคที่ผู้ป่วยเป็นให้กับญาติได้เข้าใจ
        
        บอกวัตถุประสงค์ของการให้การพยาบาลกับผู้ป่วยและญาติทุกครั้ง
        
        พูดคุยและให้กำลังใจกับผู้ป่วยและญาติอยู่เสมอ
        
        ประเมินผลการพยาบาล : ญาติมีความเข้าใจในโรคที่ผู้ป่วยเป็นและให้ความร่วมมือในการดูแลรักษาผู้ป่วยทุกครั้ง
    - - วันดี โตสุขศรี. (2559). การพยาบาลอายุรศาสตร์ 1(ฉบับบปรับปรุงครั้งที่ 1). กรุงเทพมหานคร: หจก. เอ็นพีเพรส
      - เอื้อมแข สุขประเสริฐ. ควรรู้อะไร…ก่อนให้เคมีบำบัด A step by step practical guide before giving chemotherapy. สืบค้น 2 กันยายน 2562, จากhttp://thaihp.org/index2.php?option=showfile&tbl=home&id=972
  - - - ปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนคำนวณขนาดของยาเคมีบำบัด
        
        Host factors
        
        Disease factors
        
        ผู้ป่วยทุกรายก่อนจะตัดสินใจให้การรักษา แพทย์จะต้อง ทราบโดยละเอียดถึงสถานะของโรคที่
        ผู้ป่วยเป็น
        
        Cancer type
        
        Staging แยกตามระบบ T (primary tumor), N (nodal)
        และ M (distant metastasis)
        
        Treatment goal
        
        Review history of previous treatment
        
        ในกรณีที่ผู้ป่วยเคยได้รับยาเคมีบำบัดในรอบก่อนหน้านี้มาแล้ว ก่อนให้ยาเคมีบำบัดในรอบถัดไป แพทย์ต้องประเมินผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นเมื่อรอบที่แล้ว เพื่อประกอบการตัดสินใจการรักษารอบนี้ ตามมาตรฐาน
        
        การประเมินผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดจะใช้ NCIC (national cancer institute common toxicities criteria)
        
        Basic knowledge of chemotherapy reconstitution and special precaution
        
        วิธีการผสมยากลุ่ม Targeted therapy
        
        Rituximab (Rituxan, 100mg/10ml,500 mg/50ml vial)
        
        การผสมยา สารละลายและ
        ข้อพึงระวัง
        
        ผสมต่อใน NSS, D5W จนได้ความ
        เข้มข้นสุดท้าย 1-4 mg/ml หลังผสมอยู่ได้ 24 hr ในตู้เย็นจากนั้น
        สามารถเก็บได้อีก 24 hr ที่อุณหภูมิห้อง
        
        ขนาดยาที่ใช้
        ทั่วไป
        
        First treatment 375 mg/m2 weekly for 4 –8 doses
        
        วิธีการใช้
        
        IV infusion, first dose
        เริ่มให้ที่อัตรา 50 mg/hr จากนั้นสามารถ
        เพิ่มได้ 50 mg/hr q 30 min
        Second dose สามารถเริ่มได้ที่ 100 mg/hr
        และเพิ่มได้ 100 mg/hr โดยอัตราเร็วสุดไม่
        เกิน 400 mg/hr
        
        ข้อพึงระวังที่จำเพาะ
        
        ควรให้ paracetamol และ
        dephenhydramine เพื่อป้องกันภาวะ allergic reactions (โดยมากเกิด
        ภายใน 30 นาทีถึง 2 ชั่วโมงหลังให้ยา) และถ้าในระหว่างให้เกิดอาการ
        ให้ลดอัตราให้หรือหยุดยาชั่วคราวเมื่อหายกลับมาเป็นปกติให้ต่อใน
        อัตราช้าลงกว่าเดิมเท่าตัว