Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Dx.Non-Hodkin Lymphoma (มะเร็งต่อมน้ำเหลือง) (ยาที่ผู้ป่วยได้รับ…
Dx.Non-Hodkin Lymphoma
(มะเร็งต่อมน้ำเหลือง)
Patient Data
ผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 57 ปี
วันที่รับไว้ในโรงพยาบาล : 5 กรกฎาคม 2562
Chief Compliant
มีไข้ ไอแห้ง หอบเหนื่อย 1 วันก่อนมาโรงพยาบาล
Present illness
2 Wks PTA ผู้ป่วยมีไข้ ไอแห้งๆ เหนื่อยหอบ กินได้น้อยลง น้ำหนักลดลงประมาน 2 kg ใน 3 Wks แต่ยังสามารถทำงานบ้านได้ จึงมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ได้รับยา Antibiotic กลับไปรับประทานและนัดติดตามดูอาการ
1 Wks PTA ผู้ป่วยไอมากขึ้น มีเสมหะ เหนื่อยหอบ นอนราบไม่ได้ มาพบแพทย์ตามนัด ทำ CT Chest (5/07/2562) พบ Right Pleural Effusion (ภาวะน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด ; ) จึงทำ Ultrasound guided trapping และให้ Addmit
10/08/2562 ผูู้ป่วยหายใจได้เอง สัมพันธ์กับเครื่อง Ventilator ไม่มีไข้ ไม่เหนื่อยหอบ ลืมตา ถามตอบพยักหน้าได้
Past illness
พิการทางสมอง (Mental
Retardation) : ตั้งแต่กำเหนิด
Pleural Effusion (ภาวะน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด) : ได้รับการรักษาโดยการใส่สายระบายผ่านทางผิวหนัง (Percutaneous Drainage)
Problem List
ผู้ป่วยมีภาวะแผลกดทับ เนื่องจากเคลื่อนไหวร่างกายได้น้อย
ข้อมูลสนับสนุน : 1.มีแผลกดทับบริเวณกระดูกก้นกบ stage 2 ขนาด 2x2 มีการหลุดลอกของผิวหนังชั้นบนบางส่วน รอบๆแผลแดง ไม่มี slave 2.ผู้ป่วยมีอาการท้องผูกเป็นเวลาประมาน 3 วัน
วัตถุประสงค์ : แผลกดทับบริเวณก้น มีขนาดเล็กลง ไม่มีอาการท้องผูก
เ์กณฑ์การประเมิน: 1.ผู้ป่วยมีแผลกดทับบริเวณก้นลดลง แผลแดงดี มีการหายของแผล 2.ไม่มีอาการท้องผูก
กิจกรรมการพยาบาล : 1.ประเมินแผลกดทับ ว่าลักษณะของแผลเป็นแบบใด อยู่ stage ไหน
2.ทำความสะอาดผิวหนังเป็นประจำทุกวัน และทุกครั้งหลังการขับถ่ายปัสสาวะ และอุจจาระ
3.ดูแลทา cavilon หลังทำความสะอาดผิดหนัง เพื่อป้องกันผิวหนังถูกทำลาย
4.จัด change position ทุก 2 ชั่วโมง และนำหมอนหรือผ้าห่มมาวางบริเวณปุ่มกระดูกที่เี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับ
เสี่ยงต่อภาวะพร่อง O2 เนื่องจากประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนก๊าซลดลง
ข้อมูลสนับสนุน : Hemoglobin 9.0 g/dL (12.3-15.5) Hematocrit 28.1 % (36.8-46.6)
RBC 3.20 10^6/uL
Cappilary Refill > 2
เยื่อบุตาขาวซีด
มีอาการอ่อนแรง
ผู้ป่วยมีเสมหะ ใส เหนียว เป็นปริมาณมาก
ผล cxr พบว่า bileteral small Pleural effusion,more on the right
ผู้ป่วยมีประวัติเป็น Pleural Effusion ได้รับการรักษาด้วยการใส่ PCD
วัตถุประสงค์ : ป้องกันการเกิดภาวะพร่องออกซิเจน
เกณฑ์การประเมินผล : Hb อยู่ในเกณฑ์ปกติ (12.3-15.5)
Hct อยู่ในเกณฑ์ปกติ (36.8-46.6)
RBC อยู่ในเกณฑ์ปกติ (3.96-5.29)
Cappilary Refill < 2
เยื่อบุตาขาวไม่ซีด
กิจกรรมการพยาบาล :1. ประเมินอาการแสดงของภาวะพร่องออกซิเจน เช่น ผิวหนังซีดเย็น ไอ เหงื่ออกมาก หายใจหอบเหนื่อย หายใจลำบาก
2.ประเมินสัญญานชีพทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะชีพจร อัตราการหายใจ และ O2 Satulation
3.จัดท่านอนศีรษะสูง เพื่อให้กระบังลมเคลื่อนต่ำลง ปอดขยายตัวได้เต็มที่ เพิ่มพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนก๊าซ
4.ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง โดยทำการดูดเสมหะ (suction)
5.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับ O2 3LPM ตามแผนการรักษาของแพทย์
6.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาพ่น Berodual 1 NB q 4 hr สลับกับ 0.9% nss ตามแผนการรักาาของแพทย์
7.ดูแลให้ผู้ป่วยนอนพักบนเตียง เพราะการพักผ่อนบนเตียงจะช่วยลดการใช้ออกซิเจนจากการทำกิจกรรม
8.ดูแลให้ความรู้ผู้ป่วยในเรื่องกายหายใจและการไอ อย่างมีประสิทธิภาพ
9.ติดตามผล Lab Hb Hct และ Chest x-ray เป็นค่าที่แสดงถึงความเข้มข้นของเลือดในร่างกาย เพื่อประเมินความก้าวหน้าของการรักษา
ผู้ป่วยเสี่ยงต่อภาวะแทรก:ซ้อนจากการได้รัยา Enoxaparin
ข้อมูลสนับสนุน : ผู้ป่วยได้รับยา enoxaparin 0.6 ml sc q 12 hr
วัตถุประสงค์ : ป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยา Enoxaparin
เกณฑ์การประเมิน : Enoxaparin
กิจกรรมทางการพยาบาล
1.ประเมินสัญญานชีพ เพื่อดูความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
2.สังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะเลือดออก และประเมินและประเมินผลภาวะซีดของผู้ป่วย โดยดูสีผิวหนัง เยื่อบุตา ลิ้น ริมฝีปาก ปลายมือปลายเท้า ตรวจหาค่าฮีมาโตคริต และผลการตรวจ CBC เป็นระยะๆ ตามแผนการรักษา
3.สังเกต ซักถาม และบันทึกปริมาณเลือดที่สูญเสียจากร่างกาย ได้แก่ ทางช่องคลอด อุจจาระ อาเจียน รายงานแพทย์ เพื่อใช้พิจารณาการทดแทนเลือดให้กับผู้ป่วย
4.ดูแลปากฟัน โดยให้บ้วนปากด้วยนํ้ายาบ้วนปากชนิดอ่อนบ่อยๆ ถ้าแปรงฟัน ได้ใช้แปรงสีฟันที่ขนแปรงนิ่มที่สุด และแปรงด้วยความระมัดระวัง
5.ดูแลให้การพยาบาลที่นุ่มนวล ระมัดระวังเรื่องการให้ยา หรือสารนํ้า การเจาะเลือด ฉีดยา ไม่ฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ เพราะจะทำให้เกิดก้อนเลือดใต้ผิวหนังได้ การเจาะเลือดหลังเจาะเลือดหรือฉีดยาเข้าเส้นจะต้องกดให้นานจนกว่าเลือดหยุดไหล
6.ดูแลเรื่องการขับถ่าย สังเกตและบันทึกลักษณะและปริมาณอุจจาระ ผู้ป่วยขับถ่ายเป็นสีดำคลํ้า อาจมีเลือดออกจากทางเดินอาหารส่วนบน ถ่ายเป็นเลือดสดๆ มักออกจากทางเดินอาหารส่วนล่าง
7.ดูแลให้ผู้ป่วย ABsolute bed rest เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
เสี่ยงต่อภาวะทางเดินหายใจล้มเหลว เนื่องจากมีลิิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด
ข้อมูลสนับสนุน : 1. จากผล CTA Pulmonary Artery พบ Filling defect in lower lobe segament pulmonary artery,pulmonary embolism should be consider
2.พบ minimal loculateed right pleural effusion. moderate locualted left pleural effusion
3.ผู้ป่วยได้รับยา enoxaparin 0.6 ml sc q 12 hr
วัตถุประสงค์ : ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด
กิจกรรมทางการพยาบาล :
1.สังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด เช่น เจ็บหน้าอก หายใจถี่ หายใจลำบาก ไอเป็นเลือด เหงื่อออก เวียนศีรษะ ชีพจรเต้นเร็ว หรือหมดสติ
2.ประเมินสัญญานชีพทุก 4 ชั่วโมง เพื่อประเมินความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
3.หลีกเลี่ยงการนั่งท่าเดิมติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรเคลื่อนไหวร่างกายอยู่เสมอ
4.ดูแลให้ได้รับยา enoxaparin 0.6 ml sc q 12 hr ตามแผนการรักษาของแพทย์
5.ติดตามผล lab ได้แก่ PT PTT INR Pletelet เพื่อประเมินการแข็งตัวของเลือด
เกณฑ์การประเมิน : ผู้ป่วยไม่มีลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด
เสี่ยงต่อภาวะติดเชื้อในร่างกาย เนื่องจากภูมิคุมกันลดลง
ข้อมูลสนับสนุน :
พยาธิสภาพ
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Non-Hodkin's Lymphoma
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) คือมะเร็งที่เกิดขึ้นกับระบบน้ำเหลือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกัน และเป็นระบบที่กระจายอยู่ทั่วร่างกาย ประกอบไปด้วยน้ำเหลือง ท่อน้ำเหลือง และต่อมน้ำเหลือง ทำหน้าที่ป้องกันร่างกายจากเชื้อโรค โดยการทำลายสิ่งมีชีวิตที่ลุกล้ำเข้ามาในร่างกาย
ชนิดของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองสามารถแบ่งได้ 2 ชนิดหลัก
1.มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน (Non-Hodgkin’s lymphoma) ซึ่งสามารถแบ่งชนิดหลักต่อเป็นชนิด B-cell หรือ T-cell
2.มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน (Hodgkin’s lymphoma) พบได้น้อยกว่าชนิดที่ไม่ใช่ฮอดจ์กิน และมักพบตำแหน่งต่อมน้ำเหลืองโตเป็นที่แถวลำคอหรือในช่องอก
ผู้ป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด นอนฮอดจ์กิน (Non-Hodgkin’s lymphoma)
อาการทั่วไปที่บ่งชี้ถึงมะเร็งต่อมน้ำเหลืองคือ เกิดการบวมที่ต่อมน้ำเหลือง ส่วนมากบริเวณคอ รักแร้ ขาหนีบ และมักไม่มีอาการเจ็บร่วมด้วย
มักมีอาการอื่นควบคู่ไปด้วย
มีไข้ เหงื่อออกตอนกลางคืน น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ เหนื่อย อ่อนเพลีย เลือดออกง่าย
การวินิจฉัยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง 1.การตรวจร่างกายเบื้องต้น
2.การตรวจเลือด
3.การตัดเนื้อเยื่อไปตรวจ (ฺBiospy)
4.การสร้างภาพทางด้านรังสีวิทยา (Imaging Tests)
5.การผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopic Surgery)
จากผลการตรวจ cytology พบว่า malignant small roung cell most likly NHL
การรักษา : 1.การให้ยาเคมีบำบัด : สูตรยาเคมีบำบัดสำหรับต่อมน้ำเหลือง คือ CHOP
2.การฉายรังสี
3.การรักษาด้วย antibody
ผู้ป่วยเคยได้รับยาเคมีบำบัด CHOP
Pleural Effusion (ภาวะน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด)
สาเหตุ
สาเหตุที่ทำให้เกิดของเหลวแบบใส
ภาวะหัวใจล้มเหลว
โรคตับแข็ง
โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด
หลังการผ่าตัดหัวใจแบบเปิด
สาเหตุที่ทำให้เกิดของเหลวแบบขุ่น
ไตวาย
อาการอักเสบ
โรคปอดบวมหรือโรคมะเร็ง
สาเหตุอื่น ๆ
การวินิจฉัยภาวะน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด
การสอบถามประวัติทางการแพทย์และการตรวจร่างกาย
การเอกซเรย์
เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (Computerized Tomography: CT Scan)
อัลตราซาวด์ (Ultrasound)
การวิเคราะห์ของเหลวภายในช่องเยื่อหุ้มปอด (Pleural Fluid Analysis)
อาการของภาวะน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด
หอบ หายใจถี่ หายใจลำบากเมื่อนอนราบ หรือหายใจเข้าลึก ๆ ลำบาก เนื่องจากของเหลวในช่องเยื่อหุ้มปอดไปกดทับปอด ทำให้ปอดขยายตัวได้ไม่เต็มที่
ไอแห้งและมีไข้ เนื่องจากปอดติดเชื้อ
เจ็บหน้าอก
การรักษาภาวะน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด
การระบายของเหลวออกจากช่องเยื่อหุ้มปอด
Pleurodesis
การผ่าตัด
ภาวะที่มีของเหลวปริมาณมากเกินปกติในพื้นที่ระหว่างเยื่อหุ้มปอดและเยื่อหุ้มช่องอก โดยปริมาณน้ำที่มากขึ้นจะไปกดทับปอด ส่งผลให้ปอดขยายตัวได้ไม่เต็มที่ โดยปกติภายในช่องว่างระหว่างเยื่อหุ้มปอดและเยื่อหุ้มช่องอกจะมีของเหลวอยู่ในปริมาณเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ปอดเสียดสีกับช่องอกขณะเกิดการขยายตัวในกระบวนการหายใจ แต่หากของเหลวนี้มีปริมาณมากเกินปกติจะทำให้เกิด Pleural Effusion ซึ่งภาวะนี้สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลัก ๆ ตามสาเหตุที่ของเหลวเพิ่มปริมาณขึ้น
ของเหลวแบบใส (Transudate) เกิดจากแรงดันภายในหลอดเลือดที่มากขึ้นหรือโปรตีนในเลือดมีค่าต่ำ ทำให้ของเหลวรั่วไหลเข้ามาในช่องเยื่อหุ้มปอด ซึ่งมักพบในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว
ของเหลวแบบขุ่น (Exudate) ส่วนใหญ่เกิดจากการอักเสบ มะเร็ง หลอดเลือดหรือท่อน้ำเหลืองอุดตัน มักมีอาการที่รุนแรงและรักษาได้ยากกว่าภาวะ Pleural Effusion ชนิดของเหลวแบบใส
ภาวะแทรกซ้อนของภาวะน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด
แผลเป็นที่ปอด (Lung Scarring)
ภาวะหนองในช่องเยื่อหุ้มปอด (Empyema)
ภาวะลมในช่องเยื่อหุ้มปอด (Pneumothorax)
ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Blood Infection)
ยาที่ผู้ป่วยได้รับ
Lamivudine (150) 1x1 รับประทานหลังอาหาร
ข้อบ่งใช้ : ช่วยลดจำนวนเชื้อเอชไอวีในร่างกายของผู้ป่วยติดเชื้อ ซึ่งจะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น
ผลข้างเคียง : ลมพิษ หายใจลำบาก หน้าบวม คอบวม ลิ้นบวม และริมฝีปากบวม
Enoxaparin 0.6 ml sc ทุก 12 ชั่วโมง
ข้อบ่งใช้ :เพื่อป้องกันการจับตัวเป็นก้อนของเลือดและช่วยละลายลิ่มเลือด แพทย์มักนำมาใช้ป้องกันหรือรักษาภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน
ผลข้างเคียง : เกิดภาวะเลือดออก รวมถึงบริเวณที่ได้รับการฉีดยา อาการบวมน้ำบริเวณอวัยวะส่วนปลาย โลหิตจาง เลือดออกในปัสสาวะ
tramal (50) 1 cap รับประทานเมื่อมีอาการ ทุก 8 ชั่วโมง
ข้อบ่งใช้ :รักษาอาการปวดระดับปานกลางถึงรุนแรง
ผลข้างเคียง : วิงเวียนศีรษะคลื่นไส้ ท้องผูก และปวดศีรษะ
Paracetamol (500) 1 tab รับประทาน เมื่อมีอาการทุก 4 ชั่วโมง
ผลข้างเคียง : วิงเวียนศีรษะคลื่นไส้ ท้องผูก และปวดศีรษะ
ข้อบ่งใช้ : ยาที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดและช่วยลดไข้
senokot 2 tabs รับประทานก่อนนอน
ข้อบ่งใช้ :ใช้เป็นยาระบาย (ยาแก้ท้องผูก) บำบัดรักษาอาการท้องผูกในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ
ผลข้างเคียง : การใช้ยานี้ติดต่อกันเป็นเวลานานและใช้ในขนาดสูงจะทำให้มีอาการปวดท้องหรือถ่ายท้องรุนแรงจนเกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ได้ โดยเฉพาะโพแทสเซียม เป็นผลทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงและหัวใจเต้นผิดปกติ[
Lorazepam (0.5) 1 tab รับประทานเมื่อมีอาการ ก่อนนอน
ข้อบ่งใช้ : ออกฤทธิ์เป็นยาคลายความวิตกกังวล ยาช่วยให้หลับ ยาทำให้สงบ ยากล่อมประสาท ยากันชัก และยาคลายกล้ามเนื้อ
ผลข้างเคียง : ง่วงซึม มันศีรษะ อ่อนเพลีย
Omeprazole (20) 1x1 รับประทาน ก่อนอาหาร
ข้อบ่งใช้ : ยาลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร ใช้รักษาอาการกรดไหลย้อนหรือโรคที่มีกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป รักษาโรคหลอดอาหารอักเสบจากกรดในกระเพาะ
ผลข้างเคียง : ปวดศรีษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง มีแก๊สในกระเพาะอาหาร
bromhexine (8) 1x3 รับประทานหลังอาหาร
ข้อบ่งใช้ : เป็นยาช่วยละลายความเหนียวข้นของเสมหะในระบบทางเดินหายใจให้ลดน้อยลง ทำให้ง่ายต่อการขจัดออกจากร่างกายด้วยการไอ
ผลข้างเคียง : คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ
Berodual 1NB ทุก 6 ชั่วโมง
ข้อบางใช้ : :้ยาขยายหลอดลม เป็นยาที่มีฤทธิ์ในการทําให้หลอดลมที่หดเกร็ง ตีบตัว เกิดการ
ขยายตัว
General Appearance (ลักษณะทั่วไปที่พบครั้งแรก) (29/08/62) :
ผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 57 ปี ผิวขาว ผมสีดำสลับขาว การกระกระจายของผมบนศีรษะน้อย รู้สึกตัวดี ไม่สามารถพูดคุยสื่อสารเป็นคำพูดได้ แต่ใช้ท่าทางในการสื่อสาร หูตึงทั้งสองข้าง ไม่มีอาการสับสน ผู้ป่วย on cannula 3LPM ฺสามารถไอเอาเสมหะออกมาเองได้ เสมหะมีลักษณะเหนียวใส มีอาการหายใจหอบเหนื่อยขณะทำกิจกรรมทางการพยาบาล มีรอยแผลเป็นบริเวณกลางหน้าอก บริเวณหน้าอกด้านซ้ายมีรอยแผลจากการทำ chanberain biospy บริเวณใต้ราวนมทั้งสองข้างมีรอบแผลจากการใส่ PCD (Percutaneous Drainage) ปิดด้วย gauze บริเวณต้นขาซ้ายมีรอยช้ำ(Ecchymosis) จากการเจาะ Arterial blood gas มีแผลกดทับบริเวณกระดูกก้นกบ stage 2 ขนาด 2x2 มีการหลุดลอกของผิวหนังชั้นบนบางส่วน รอบๆแผลแดง ไม่มี slave ทำความสะอาดแผลด้วย nss และทา cavilon ปิดด้วย gauze
อัตราการหายใจอยู่ในช่วง 18-20 ครั้ง/นาที ไม่มีไข้ บริเวณแขนข้างขวา on Injection Plug สำหรับให้ยาและสารน้ำทางหลอดเลือดดำ ไม่มีอาการบวมแดง Phepbitis บริเวณปลายมือปลายเท้าซีด Cappilary refill < 2 ผู้ป่วยใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ในการขับถ่าย ผู้ป่วยสามารถช่วยเหลือตนเองได้น้อย ผู้ป่วยรับประทานอาหารอ่อน ประเภท โจ๊ก รับประทานได้วันละประมาน 10 คำ ต่อวัน ไม่มีอาการกลืนลำบาก หรือสำลัก