Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Pneumonia โรคปอดอักเสบ 238c3140137d88e9474de6f4241b5fbf (Medication…

- - - - ปอดอักเสบที่เกิดการจากติดเชื้อ
        
        เชื้อแบคทีเรีย
        
        Streptococcus pneumoniae
        
        Haemophilus influenza type B
        
        Chlamydia pneumoniae
        
        Legionella spp.
        
        Mycoplasma pneumon
        
        เชื้อไวรัส
        
        Respiratory syncytial virus (RSV)
        
        Influenza
      - ปอดอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ
        
        ฝุ่น ควัน สารเคมีที่ระเหยได้ การใช้ยาปฏิชีวนะ ยาเคมีบำบัด และยาสำหรับควบคุมการเต้นของหัวใจ
    - - หายใจหอบเหนื่อย
      - ระยะเเรก ไอแห้งไม่มีเสมหะ ต่อมาไอมีเสมหะขุ่นข้นเป็นสีเหลือง สีสนิมหรือมีเลือดปน
      - ใจสั่นขณะไอ
    - - 1.ระยะบวมคั่ง (Stage of Congestion or Edema)
        
        เชื้อโรคเข้าสู่ปอดแบ่งตัวอย่างรวดเร็วและร่างกายตอบสนองโดยมีเลือดมาคั่งบริเวณที่อักเสบ หลอดเลือดขยายตัว มีแบคทีเรีย เม็ดเลือดแดง ไฟบริน เม็ดเลือดขาวมากินแบคทีเรีย ระยะนี้ใช้เวลา 24-46 ชม และเข้าสู่ปอด
      - 2.ระยะเนื้อปอดแข็ง (tage of Consolidation)
        
        ระยะแรกพบเม็ดเลือดแดงและไฟบรินอยู่ในถุงลมส่วนใหญ่ หลอดเลือดฝอยถุงลมปอดขยายตัวทำให้ปอดสีแดงจัดคล้ายตับสด (Red heptization) ต่อมามีเม็ดเลือดขาวมาแทนทีในถุงลมเพื่อกัดกินเชื้อโรค ระยะนี้ตัดเนื้อปอดมาดูจะเป็นสีเทาปนดำ (Gray hepatation) มีหนอง (Exudate)เซลล์โพลีเมอร์และไฟบริน หลอดเลือดฝอยบริเวณถุงลมจะหดเล็ก ใช้เวลา 3-5วัน ทำให้อุดกั้นทางเดินหายใจ O2ลดลง
      - 3.ระยะปอดฟื้นตัว (Stage of Resolution)
        
        เมื่อร่างกายสามารถต้านทานโรคได้ เม็ดเลือดขาวสามารถทำลายเชื้อโรคในถุงลมปอดได้หมด จะมี Enzyme มาละลายไฟบริน เม็ดเลือดขาวและหนองจะถูกขับออกมาเป็นเสมหะเป็นลักษณะสีสนิมเหล็ก เพราะมีเลือดค้างอยู่ การอักเสบจะหายไปและมีพังผืดขึ้นเเทน
    - - ผู้ที่สูบบุหรี่
      - ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
        
        ผู้ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ
        
        ผู้ได้รับยากดภูมิคุุ้มกัน
      - ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
        
        โรคเบาหวาน
        
        โรคหอบหืด
        
        โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
        
        โรคหัวใจ
    - - ถ่ายภาพรังสีทรวงอก
        
        น้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด (Pleural effusion)
        
        เกิดฝ้าขาวในปอด (infiltrate)
      - Lab
        
        CBC
        
        การตรวจนับเม็ดเลือดขาว
        
        ตรวจวิเคราะห์ก๊าซในหลอดเลือดแดง
        
        ตรวจเพาะเชื้อจากเสมหะเเละเลือด
      - ตรวจร่างกาย
        
        เสียงปอด ได้ยินเสียง Creptotation เนื่องจากมีหนองหรือน้ำอยู่ในถุงลม
        
        เคาะปอดเสียงทึบ
        
        มีอาการขาด O2 หายใจเร็ว หอบเหนื่อย เหงื่ออกมาก เขียวคล้ำ
        
        ค่าความอิ่มตัวของ O2 ลดลงน้อยกว่า 95%
        
        ใช้กล้ามเนื้อคอและหน้าท้องช่วยหายใจ
      - ซักประวัติ
        
        อาการเป็นไข้สูงเฉียบพลัน BT= 39.5-40'C
        
        ไอมีเสมหะสีเหลืองข้นหรือหนอง
        
        หนาวสั่น
        
        หายใจเร็วมากกว่า 24ครั้ง/นาที
        
        เจ็บหน้าอกเหมือนของมีคมทิ่มแทงโดยเฉพาะเวลาหายใจเข้า
        
        ใช้กล้ามเนื้อคอและหน้าท้องช่วยหายใจ
        
        ริมฝีปาก ปลายมือ ปลายเท้าเขียวเย็น
  - - - ประมาณ 15 ปี ผ่าตัดเเล้ว
    - - มีอาการอ่อนแรงซีกซ้าย ประมาณ 7 ปี เป็นผู้ป่วยติดเตียง
- - - - ป้องกันอาการหอบหืด และการหดเกร็งของหลอดลม
      - การออกฤทธิ์ B2-adrenergic agonist
      - S/E: กระสับกระส่าย มึนงง กลัว อ่อนล้า HR เร็ว แสบอก กล้ามเนื้อเป็นตะคริว
- - - - SD
        
        ญาติให้ประวัติว่าก่อน On endotracheal tube ผู้ป่วยมีเสมหะเหนียวข้นจำนวนมากและไม่สามารถขับออกเองได้
      - OD
        
        ผู้ป่วยมีเสมหะสีเหลืองข้นจำนวนมาก ไม่สามารถขับออกเองได้
        
        Sputum culture : พบ Pseudomonas aeruginosa. (23/08/62)
        
        มีไข้ 38.0'C (14.00น. 26/08/62)
    - - ป้องกนไม่ให้ผู้ป่วยมีภาวะพร่องออกซิเจน
    - - ฟังเสียงปอดไม่ได้ยินเสียง Crepitation
      - O2 sat 95-100%
      - ผู้ป่วยไม่มีการติดเชื้อทางเดินหายใจ
      - RR=18-20 ครั้ง/นาที
    - - 1.ประเมินลักษณะการหายใจ สังเกตอาการและอาการแสดงเช่น อัตรการหายใจลักษณะการหายใจ O2 sat เพื่อประเมินประสิทธภาพในการแลกเปลี่ยนก๊าซ
      - 2.จัดท่าให้ผู้ป่วยนอนศรีษะสูง เพื่อให้กระบังลมหย่อนให้ปอดมีการขยายตัวได้เต็มที่
      - 3.ดูแลให้ O2 ET On vetiletor P-CMV mode PC=14 RR=14 PEEP =15 FiO2=0.4 ตามแผนการรักษาของแพทย์เพื่อเพิ่มความเข้มข้นของ O2 ในการหายใจเข้าเพื่อบรรเทาอาการกระสับกระส่าย เหนื่อย อ่อนเพลีย หายใจลำบาก ตรวจสอบตำแหน่งของ ET tube mark 21 และบริเวณข้อต่อสายไม่ให้หักพับงอ และวัด cuff pressure เสมอ
      - Suction clear airway เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนก๊าซ ใช้เทคนิคปราศจากเชื้อและเพิ่มปริมาณ O2 ก่อนและหลังดูดเสมหะ ไม่เกิน 10-15 s ต่อการดุด 1 ครั้งและปรับเเรงดูดไม่เกิน 150mmHg.
      - 5.ดูแลพ่น 0.9% NSS 4ml nb q 6hr, INHALEK 1 nb q 6 hr ตามแผนการรักษาของแพทย์
      - 6.ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ
      - 7.ล้างมือก่อนและหลังทำหัตถการเพื่อไม่เป็นการเพิ่มเชื้อในผู้ป่วย
  - - - OD
        
        retain foley's
        
        Urine culture พบ Candida tropicalis (12/08/62)
        
        มีไข้ 38.0'C (14.00น. 26/08/62)
      - SD-
    - - ผู้ป่วยไม่มีภาวะติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
    - - Bt อยู่ในเกณฑ์ปกติ 36.5-37.4'C
      - Urine culture ไม่พบเชื้อ
    - - 1.ประเมิน vital sign สังเกตลักษณะสีปัสสาวะ และปริมาณของปัสสาวะ
      - 2.ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกทุกวัน และทุกครั้งหลังถ่ายอุจจาระ
      - 3.พิจารณาเปลี่ยนสายสวนคาภายใน 30 วัน เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนจากการใส่สายสวนให้น้อยที่สุด
      - 4.แขวนถุงรองรับน้ำปัสสาวะให้ต่ำกว่าตัวผู้ป่วย ป้องกันการไหลย้อนของน้ำปัสสาวะ ตรึงสายสวนให้อยู่กับที่ไม่หักพับงอ บีบรูดคลึงสายท่อปัสสาวะที่ต่อลงถุงปัสสาวะหรือขวดปัสสาวะเป็นระยะๆป้องกันการอุดตันหรือค้างคาของปัสสาวะตามสาย
      - 5.ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ
      - 6.บันทึกปริมาณของสารน้ำที่เข้าออกร่างกายในระยะ 24 ชม.เพื่อดูความสมดุลของร่างกาย
      - 7.ดูแลให้ได้รับยา Ceftrizidime 2gm=0.9% NSS 100 ml IV in 1 hr
  - - - OD
        
        K=2.91 mmol/L (20/08/62)
    - - มีความสมดุลของระดับโพแทสเซียมในเลือด
    - - K อยู่ในเกณฑ์ปกติ =3.5-5.1mmol/L
    - - 1.ดูแลให้ได้รับ E.KCL 50 ml Oral q 3 hr x 3dose ตามแผลการรักษาของแพทย์
      - 2.บันทึก vital sign ถ้าหาก PR ต่ำไม่สม่ำเสมอ RR ตื้น BPต่ำ รายงานแพทย์ สังเกตอาการและอาการแสดงของ Hypokalemia คือ กล้ามเนื้อขาอ่อนแรง หายใจตื้น คลื่นไส้ าเจียน ท้องอืด เพื่อประเมินการตอบสนองต่อการรักษา
      - 3.บันทึก I/O หากปัสสาวะออกน้อยกว่า 20 ml/hr 600ml/day รายงานแพทย์เนื่องจากอาจเกิดภาวะ Hyperkalemia
      - 4.ติดตามผลตรวจ Elyte เพื่อประเมินระดับโพแทสเซียม
  - - - SD
        
        ญาติให้ประวัติว่าผู้ป่วยนอนติดเตียงมาประมาณ 10 ปี
      - OD
        
        ผู้ป่วยมีแผลกดทับ บริเวณ Coccyx stage 2 ขนาด 5x6
        
        ผู้ป่วยช่วยเหลือตนเองไม่ได้
    - - ป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการนอนนาน เช่น แผลกดทับ กล้ามเนื้อลีบ ข้อติดแข็ง Hypostatic Pneumonia
    - - แผลกดทับมีขนาดเล็กลง ไม่มีข้อติดเเข็ง ไม่มีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
    - - ป้องกันการเกิดแผลกดทับ
        
        ทำความสะอาดแผลยึดหลักปราศจากเชื้อ ปิดแผลด้วย Ducatem
        
        ทาครีมเพื่อความชุ่มชื้น
        
        พลิกตะเเคงตัวทุก 2 ชม .ใช้หมอนรองปุ่มกระดูก
      - ป้องกันการเกิดภาวะกล้ามเนื้อลีบ
        
        ทำกายบริหารแบบ ROM
      - ป้องกันภาวะ DVT
        
        ดูแลให้ได้รับยา Clopidogel และสังเกตภาวะแทรกซ้อนเช่น เลือกออกง่ายหยุดยาก
      - ระบบย่อยอาหารทำงานลดลง
        
        Sennosides tab รับประทาน 2 เม็ด วันละ 1ครั้ง ก่อนนอน