Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หญิงตั้งครรภ์ที่มีความดันโลหิตสูงในระยะตั้งครรภ์ (Hypertensive Disorders…
หญิงตั้งครรภ์ที่มีความดันโลหิตสูงในระยะตั้งครรภ์ (Hypertensive Disorders In Pregnancy)
The America College of Obstetricians and Gynecologists : ACOG
การวินิจฉัย
SBP สูงขึ้นจากเดิม > 30 mm.Hg.
DBP สูงขึ้นจากเดิม > 15 mm.Hg.
SBP ≥ 140 mm.Hg.
DBP ≥ 90 mm.Hg.
:red_flag: วัดห่างกันอย่างน้อย 6 ชั่วโมงและมีข้อใดข้อหนึ่งใน 4 ข้อ วินิจฉัยว่า มีภาวะความดันโลหิตสูงระหว่างตั้งครรภ์
พยาธิสภาพ
ระบบประสาท
เส้นเลือดในสมองหดเกร็ง เกิดการทำลาย Endothelial cell ในสมอง ทําให้เนื้อเยื่อในสมองบวม มีเลือดออกและเนื้อตาย จะมีอาการปวดศีรษะ ตาพร่ามัว เห็นภาพไม่ชัด เห็นภาพซ้อน หรืออาจมองไม่เห็น มีปฏิกิริยาสะท้อนที่เร็วเกินไป (Hyparreflexia) มีการกระตุกสั่นของกล้ามเนื้อ (Clonus) ระดับความรู้สึกเปลี่ยนแปลง และมีอาการชัก
ระบบหัวใจเเละหลอดเลือด
การเพิ่มปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจ (CO) อย่างมากในระยะต้น อาจเกิดอันตรายต่อ Endothelial cell ส่งผลให้ CO ลดลงและสารน้ำระหว่างในและนอกหลอดเลือด (Vascular permeability) เสียไป สารน้ำในหลอดเลือดรั่วออกคั่งตามเนื้อเยื่อ ส่งผลให้ปริมาตรการไหลเวียนเลือดลดลงร่วมกับมีความเข้มข้นของเลือดสูงขึ้น (Hemoconcentration)
ระบบโลหิตวิทยา
การทําลายของ Endotheial cell มีผลทําให้เม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดถูกทำลายมากยิ่งขึ้น มีภาวะเม็ดเลือดแดงแตกและเกล็ดเลือดลดลง
ภาวะแทรกซ้อน HELLP syndrome
H : Hemolysis of red blood cell
RBC พบ Small irregularly shaped red cells และ Echinocytes
EL : Elevated liver enzyme
การเพิ่มของ Alanine aminotransferase (ALT) และ Aspartate anminotransferase (AST)
LP : Low platelete count
ภาวะเลือดไม่แข็งตัว คือ มีเกล็ดเลือด < 100,000 cell/mm3
ระบบการทำงานของปอด
ทําให้เกิดภาวะปอดบวม ซึ่งมีผลมาจากการลดลงของ Plasma oncotic pressure และการเพิ่ม Permeability ในหลอดเลือดชั้น Endothelial จึงทําให้มีเข้าสู่ Pulmonary interstitial space ได้
ระบบปัสสาวะ
การทําลายของ Endothelial ของหลอดเลือดไต มีผลทําให้เกิดการบวมของ Glomerular cell ขณะที่หลอดเลือดฝอยภายในหดรัดทําให้เกิด eGFR ลดลง ส่งผลให้ Cr และ Uric acid เพิ่มขึ้น พบโปรตีนในปัสสาวะ ถ้ามีอาการรุนแรงอาจพบ ปัสสาวะออกน้อยและไตวายได้
ระบบการทำงานของตับ
การถูกทําลายของ Endothlial มักเกิดรอยโรคที่ตับ ได้แก่ มีเลือดออกและเกิดการตายของเนื้อเยื่อในตับ การมีเลือดออกจากรอยโรคมักเกิดบริเวณแคปซูลของตับ หรือถ้ามีอาการรุนแรงอาจเกิดภาวะแคปซูลแตก (Capsule arteries) มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดบริเวณชายโครงขวาหรือใต้ลิ้นปี
การเปลี่ยนเเปลงของกล้ามเนื้อมดลูกและรก
การถูกทําลายของ Endothelial มี ผลทําให้หลอดเลือดในแนวเฉียงของมดลูก (Spiral arteries) แคบลงและเหยียดออกจาก intervillous space ซึ่งในส่วนที่รกสัมผัสกับกล้ามเนื้อจึงทําให้มีหลอดเลือดไปเลี้ยงบริเวณรกน้อยกว่าปกติ ส่งผลให้ทารกได้รับเลือตจากมารดาน้อยลง มีภาวะเจริญเติบโตช้าในครรภ์
สาเหตุ
ความบกพร่องของภาวะโภชนาการ การขาดสารอาหารโปรตีนและแคลอรี่
ภูมิคุ้มกันบกพร่อง (Immunologic deficiency) ที่เกิดขึ้นใน ญ. ตั้งครรภ์ที่มีปฏิกิริยาต่อต้านกันระหว่างรกและตัวอ่อน
พันธุกรรม อาจสัมพันธ์กับยีนแฝง (Autosomal racessive gene)
การหดเกร็งของเส้นเลือด (Vascaction compounds) ทําให้ Endothelial cells ถูกทําลาย
การเปลี่ยนแปลงภายในผนังหลอดเลือดชั้นใน (Endothelial dysfunction) จากชั้น Trophoblast ของรกถูกทําลาย ทําให้การกําซาบ (Parfusion) บริเวณรกไม่ดี
ชนิด
Gestational hypertensive
ความดันโลหิตสูงที่เกิดขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์ เมื่อ GA ≥ 20 Wks. หรือระยะ 24 hr. หลังคลอด ไม่พบโปรตีนในปัสสาวะ/ไม่มีภาวะบวม โดยลดลงปกติภายใน 10 วันหลังคลอด
Pre-eclampsia
ความดันโลหิตสูงที่เกิดขึ้นในขณะตั้งครรภ์ เมื่อ GA ≥ 20 Wks. ร่วมกับตรวจพบ โปรตีนในปัสสาวะ > 1 gm.% หรือ 1-2 บวก ทดสอบโดย uring reagent strips หรือโปรตีน > 0.3 gm.% จาก Urine 24 ชั่วโมง และ/หรือมีอาการบวม กดบุ๋ม
Mild pre-eclampsia
ความดันโลหิตสูงก่อนชักระดับเล็กน้อย มีค่า DBP 90 - < 110 mm.Hg, หรือ SBP 140 - <160 mm.Hg ร่วมกับมีโปรตีนในปัสสาวะ 5 gm.% หรือ 1-2 บวก ในปัสสาวะที่เก็บ 24 ชั่วโมง และ/หรือ อาการบวม กดบุ๋ม
Severe pre-eclampsia
ความดันโลหิตสูงก่อนชักระดับรุนแรง
BP ค่า SBP ≥ 160 mm.Hg. หรือ DBP ≥ 110 mm.Hg. we
โปรตีน > 5 gm.% ในปัสสาวะที่เก็บ 24 ชั่วโมงหรือ 3-4 บวก
ปัสสาวะใน 24 ชั่วโมง < 400-500 ml. หรือ < 100 ml. ใน 4 ชั่วโมง
อาการทางสมองและการมองเห็น เช่น ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง ปวดศีรษะ จุดบอดที่ลานสายตา เห็นภาพไม่ชัด
มีพยาธิสภาพที่ตับ เซลล์ตับถูกทําลาย
มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia)
มีพยาธิสภาพที่หลอดเลือดและหัวใจ
มีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะ Eclampsia ได้ในระยะต่อมา
มีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะ HELLP syndrome ได้ในระยะต่อมา
ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์
Eclampsis
มี Severe pre-eclampsia และมีอาการชัก เกร็งร่วมด้วยอาการชัก จะต้องไม่มีสาเหตุจากภาวะอื่นๆ เช่น ลมบ้าหมู โรคทางสมอง
Chronic hypertension
ความดันโลหิตสูงที่เกิดขึ้นเรื้อรังมาก่อน GA 20 Wks. และมีความดันโลหิตสูงนานเกิน 6 Wks. หลังคลอด หรือมีโปรตีนในปัสสาวะมาก่อนการตั้งครรภ์
Mild hypertension คือ DBP 90 -< 110 mm.Hg
Severe hypertension คือ DBP ≥ 110 mm.Hg
Chronic hypertension with superimposed preeclampsia
การมี Chronic hypertension และมีอาการแสดงของ Pre-clampsia และ Eclampsia ร่วมด้วย
ผลกระทบ
มารดา
อาจเสียชีวิต เนื่องจากมีเลือดออกในสมองและการสําลักเศษอาหารและน้ำย่อยเข้าหลอดลม
Congestive heart failure จากการมีภาวะ Preload ลดลง และ Afterload เพิ่มขึ้นเกินเป็นเวลานาน
เสียเลือดและช็อคจากรกลอกตัวก่อนกําหนด ตับแตกและตกเลือดหลังคลอด
ภาวะ HELLP syndrome และภาวะ DIC
Acute renal failure เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงไตลดลง
มีความดันโลหิตซ้ําอีกในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป ซึ่งความดันโลหิตจะกลับสู่ภาวะปกติภายใน 1-2 วันหลังคลอด บางรายอาจถึง 6-4 wks. หลังคลอด
ทารก
รกเสื่อม แท้ง หรือทารกเสียชีวิตในครรภ์
คลอดก่อนกําหนดเนื่องจากออกซิเจนไปเลี้ยงรกไม่เพียงพอ ทําให้รกเสื่อม
รกลอกตัวก่อนกําหนดทําให้ทารกขาดออกชิเจนและอาหารทําให้เสียชีวิตได้
ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์เนื่องจากได้รับสารน้ำ สารอาหารไม่เพียงพอ
ทารกที่คลอดจะมีภาวะแทรกซ้อน
ขาดออกซิเจนเรื้อรัง ภาวะแทรกซ้อนจากการคลอดก่อนกําหนด ภาวะแทรกซ้อนจาก MgSo4 ที่มารดาได้รับในระยะคลอด