Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Aspiration Pneumonia (ยาที่ผู้ป่วยได้รับ (vitamin B complex 1*2 p.c…
Aspiration Pneumonia
ยาที่ผู้ป่วยได้รับ
-
trihexyphenidyl 1*2 p.c
ข้อบ่งใช้ : เป็นยาสำหรับรักษาโรคพาร์กินสัน รักษาอาการข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ยาบางชนิด หรืออาจใช้รักษาโรคอื่นๆ
ผลข้างเคียง : อาจทำให้มองเห็นไม่ชัด ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ท้องไส้ปั่นป่วน อาเจียน ท้องผูก ปากแห้ง ง่วงซึม กระวนกระวาย และตื่นเต้นได้ง่าย โดยหากอาการดังกล่าวไม่หายไปหรือรบกวนการใช้ชีวิต ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์
folic acid 1*1 p.c
ข้อบ่งใช้ : วิตามินบีชนิดหนึ่งที่ร่างกายต้องการ จะช่วยเสริมสร้างกระบวนการผลิตเซลล์ใหม่ให้มีสุขภาพดี ใช้รักษาโรคโลหิตจางชนิดที่เกิดจากการขาดกรดโฟลิค ร่วมกับยารักษาตัวอื่น ๆ ด้วย
ผลข้างเคียง : อาจมีอาการเวียนศีรษะ ไม่อยากอาหาร ท้องอืด มีแก๊สในกระเพาะอาหาร ซึมเศร้า มีปัญหาด้านการนอนหลับ ตื่นเต้น กระสับกระส่าย
fenisal (10) 1*3 p.c
ข้อบ่งใช้ : เป็นยาคลายกล้ามเนื้อที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง อาจใช้ร่วมกับการรักษาวิธีอื่น เช่น กายภาพบำบัด เพื่อบรรเทาอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งหรือกระตุก สำหรับผู้ที่มีกล้ามเนื้อแข็งตึงผิดปกติ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง รวมถึงผู้ป่วยโรคมัลติเพิล สเคลอโรซิส (Multiple Sclerosis)
ผลข้างเคียง : ง่วงซึม วิงเวียน รู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ ท้องผูก อาเจียน ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ
plavix (75) 1*1 p.c
ข้อบ่งใช้ : ยาต้านเกล็ดเลือดไม่ให้เกิดการจับตัวกันเป็นลิ่มเลือด นำมาใช้ในการช่วยลดความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และลดการเสียชีวิตในผู้ที่เคยป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดในสมอง หรือโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด ที่เกิดจากการตีบตัวของหลอดเลือดแดง และยังอาจใช้รักษาโรคอื่น ๆ ตามแพทย์เห็นสมควร
ผลข้างเคียง : ยานี้อาจก่อให้เกิดอาการอันไม่พึงประสงค์ ได้แก่ เกิดภาวะเลือดออกในเนื้อเยื่อ เลือดกำเดาไหล ท้องเสีย กลืนลำบาก ปวดท้อง เลือดออกบริเวณที่เจาะเลือด อาการอันไม่พึงประสงค์ที่พบได้น้อย ได้แก่ การแพ้ยาแบบ Steven Johnson syndrome Serum sickness
-
-
Ativan 1*1 h.s
ข้อบ่งใช้ : ออกฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง จึงยับยั้งการทำงานของเซลล์ประสาท ส่งผลให้ลดอาการวิตกกังวล ทำให้ง่วงหลับ ต้านอาการชัก คลายกล้ามเนื้อ และอาจเกิดภาวะเสียความจำชั่วขณะ จึงใช้ในการรักษาผู้ป่วยกระวนกระวาย โรควิตกกังวลและโรคชัก
ผลข้างเคียง : ง่วงนอน เวียนศีรษะ สูญเสียความสามารถในการประสานงานกันของร่างกาย ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ตาพร่า อารมณ์และความสามารถทางเพศเปลี่ยนแปลงไป ท้องผูก แสบร้อนกลางอก หรือความอยากอาหารเปลี่ยนแปลง ถ้าอาการเหล่านี้ไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแย่ลงให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
prenolol (50) 1*1 p.c
ข้อบ่งใช้ : รักษาโรคความดันโลหิตสูงและโรคเส้นเลือดหัวใจ ใช้รักษาอาการเจ็บหน้าอก ลดความรุนแรงของการเกิดภาวะหัวใจวาย การลดความดันยังอาจช่วยลดปัญหาเกี่ยวกับไต prenolol เป็นยาในกลุ่ม Beta blockers ซึ่งช่วยควบคุมโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดด้วยการทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดช้าลงและลดภาระงานของหัวใจ ทำให้ลดความดันโลหิตได้
ผลข้างเคียง : ท้องผูก อาหารไม่ย่อย มีอาการวิงเวียนศีรษะ ริมฝีปากแห้ง อาจเกิดอาการสับสน ซึมเศร้า อ่อนเพลีย อาจนอนไม่หลับ
Madopar (250) 1/2*3 p.c
ข้อบ่งใช้ : ใช้ในการรักษาโรคพาร์กินสัน โดยอาจใช้ร่วมกับยา Carbidopa หรือยา Benserazide ตามการตอบสนองของร่างกายผู้ป่วย ออกฤทธิ์ช่วยให้ร่างกายควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น และช่วยให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวร่างกายได้ง่ายขึ้น ยาชนิดนี้ไม่ช่วยชะลออาการหรือรักษาโรคพาร์กินสันให้หายขาดได้
ผลข้างเคียง : มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ไม่อยากอาหาร วิงเวียนศีรษะ ปวดท้อง ปากแห้ง น้ำลายมากผิดปกติ กลืนลำบาก รู้สึกชาไม่สบายตัว อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายปกติ รู้สึกเครียดหรือวิตกกังวล กระสับกระส่าย ประสาทหลอน มีการเคลื่อนไหวผิดปกติบริเวณใบหน้าหรืออวัยวะส่วนบนของร่างกายอย่างควบคุมไม่ได้
mysoven (200) 1*3 p.c
ข้อบ่งใช้ : ยาขับเสมหะ หรือยาละลายเสมหะ เพื่อรักษาอาการที่มูกเหนียวข้น จนเกิดปัญหาการหายใจ จากภาวะหรือโรคที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะในระบบทางเดินหายใจ เช่น หลอดลมอักเสบ ถุงลมโป่งพอง ปอดบวม ปอดอักเสบ เป็นต้น โดยยาจะช่วยสลายมูกเหนียวข้นให้เจือจางลง เพื่อให้ระบบทางเดินหายใจขับมูกเสมหะเหล่านั้นออกมาได้ และช่วยให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกขึ้นในที่สุด
ผลข้างเคียง : อาจก่อให้เกิดอาการอันไม่พึงประสงค์ ได้แก่ หลอดลมหดเกร็ง อาการบวม เกิดผื่น ความดันโลหิตต่ำ ความดันโลหิตสูง ผิวหนังแดง คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ อาการวูบ เหงื่อออก ปวดข้อ มองเห็นภาพไม่ชัด รบกวนการทำงานของตับ เลือดเป็นกรด อาการชัก หัวใจหยุดเต้น ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว น้ำมูกไหล เกิดการระคายเคือง
bromhexine 1*3 p.c
ข้อบ่งใช้ : เป็นยาช่วยละลายความเหนียวข้นของเสมหะในระบบทางเดินหายใจให้ลดน้อยลง ทำให้ง่ายต่อการขจัดออกจากร่างกายด้วยการไอ ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายในการขจัดสิ่งสกปรก โดยกลไกการออกฤทธิ์ของยาจะไปเพิ่มน้ำในสารคัดหลั่งจนทำให้ขนของเซลล์ (Cilia) โบกพัดเอาเสมหะและสิ่งสกปรกออกจากระบบทางเดินหายใจ
ผลข้างเคียง : หลังการรับประทานยาอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดความผิดปกติขึ้นได้ในบางราย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ มีผื่น ลมพิษขึ้น อาการคันที่ผิวหนัง ท้องเสีย ปวดท้องส่วนบน เกิดภาวะแองจิโออีดีมา (Angioedema) ที่มีการบวมของชั้นผิวหนังแท้ หรือค่าการทำงานของตับเพิ่มสูงขึ้นชั่วคราว
sennosides 2*1 h.s
ข้อบ่งใช้ : ใช้เป็นยาระบาย (ยาแก้ท้องผูก) บำบัดรักษาอาการท้องผูก อาจใช้ยานี้เตรียมลำไส้ขับถ่ายของเสียจากลำไส้ก่อนการผ่าตัดหรือสองกล้อง
ผลข้างเคียง : การใช้ยานี้ติดต่อกันเป็นเวลานานและใช้ในขนาดสูงจะทำให้มีอาการปวดท้องหรือถ่ายท้องรุนแรงจนเกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ได้ โดยเฉพาะโพแทสเซียม เป็นผลทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงและหัวใจเต้นผิดปกติ
General Appearance
-
-
-
-
-
-
-
ผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 65 ปี รูปร่างสมส่วน ผิวสีขาว แห้งไม่ชุ่มชื้น ผมยาวสีขาวปนดำ ใบหน้าสมมารตกันดี ผิวหนังบริเวณจมูกข้างขวามีรอยแผลสีดำ มีอาการหายใจหอบเหนื่อย รู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่องโดยการพยักหน้าตอบ ทำตามที่บอกได้ ลืมตาได้เองแต่ไม่สามารถพูดได้ on NG-tube (Nasogastric tube) no.16 for feeding อาหารสูตร BD (1:1) 250 ml * 4 feed น้ำตาม 50 ml/feed รับ feed ได้ดี ไม่มี gastric content ตกค้าง On T-tube (tracheostomy tube) ผู้ป่วยใส่แพมเพิร์ส รองรับปัสสาวะและอุจจาระ ปัสสาวะสีเหลืองใสไม่มีตะกอน อุจจาระมีสีดำเข้มเป็นก้อนนิ่ม ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ แขน-ขาทั้งสองข้างมีแรง vital signs (21/08/62) อุณหภูมิร่างกาย 37.2 องศาเซลเซียส อัตราการเต้นของหัวใจ 88 ครั้ง/นาที อัตราการหายใจ 20 ครั้ง/นาที O2 sat 95% ความดันโลหิต 126/78 mmHg pain score = 0 คะแนน
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลที่ 2 ผู้ป่วยมีภาวะติดเชื้อบริเวณแผลกดทับ เนื่องจากพร่องประสิทธิภาพในการดูแลตนเอง
-
-
-
กิจกรรมการพยาบาล
- ประเมินสภาพผิวหนัง ลักษณะบาดแผล ขนาด เพื่อประเมินบาดแผลและใช้ในการวางแผนการรักษา
- ประเมินและสังเกตผิวหนังบริเวณที่มีปุ่มกระดูกและบริเวณที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ
- แนะนำญาติให้ช่วยเหลือผู้ป่วยในการพลิกตะแคงตัวอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมงและทำด้วยความนุ่มนวล เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับเพิ่ม
- ดูแลการขับถ่ายไม่ให้ผู้ป่วยนอนแช่อุจจาระปัสสาวะเป็นเวลานาน เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น
- ดูแลความสะอาดร่างกาย สิ่งแวดล้อม และสอนญาติให้นวดหลัง บริเวณผิวหนังที่มีปุ่มกระดูก เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ถ้าผิวแห้งให้ทาน้ำมันหรือโลชั่นช่วยให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้นขึ้น
- ดูแลผ้าปูที่นอนให้แห้งสะอาดและเรียบตึงอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อและป้องกันการเกิดแผลกดทับ
- ดูแลความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ุ เพื่อความสะอาดและป้องกันการติดเชื้อบริเวณแผลกดทับ
- ประเมินสัญญาณชีพ โดยเฉพาะอุณหภูมิร่างกาย เพื่อติดตามและวางแผนการรักษา
- ทายา ketoclonazole วันละ 2 ครั้งเช้า-เย็น ตามแผนการรักษาของแพทย์ เพื่อฆ่าเชื้อรา
-
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลที่ 1 เสี่ยงต่อร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอเนื่องจากไม่สามารถเอาเสมหะออกเองได้
-
กิจกรรมทางการพยาบาล
- จัดท่าผู้ป่วยให้นอนศีรษะสูง เพื่อให้หายใจสะดวก
- ดูแลให้ได้รับ collar mask 3 LPM เพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนในร่างกาย
- ฟังเสียงหายใจและเสียงปอดว่ามีเสมหะมากน้อยเพียงใด เพื่อจะได้ช่วยเคาะปอดให้เสมหะมีการเคลื่อนไหว เพื่อให้ suction ได้ง่ายขึ้น
- ดูแลให้ได้รับยา bromhexinen 1*3 p.c ตามแผนการรักษาของแพทย์ เพื่อละลายเสมหะและประเมินผลข้างเคียงของยา
- ประเมินสัญญาณชีพ โดยเฉพาะอัตราการหายใจ ลักษณะการหายใจ สังเกตอาการ cyanosis
- ดูแลให้ได้รับยา mysoven (200) 1*3 p.c ตามแผนการรักษา เพื่อขับเสมหะและละลายเสมหะ และประเมินผลข้างเคียงของยา
- ดูแลผู้ป่วยให้ได้รับการพ่น NSS ตามแผนการรักษาเพื่อให้เสมหะอ่อนนุ่มขึ้นและ suction เพื่อเอาเสมหะของผู้ป่วยออก
-
-
-
-
-
-
problem list
- ผู้ป่วยมีแผลกดทับบริเวณก้นและมีเชื้อรา
- ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการพร่องออกซิเจน
- วิตกกังวลเนื่องจากพยาธิสภาพของโรค
- ผู้ป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
พยาธิสภาพของโรค
Pneumonia
สาเหตุ
โรคปอดบวมมาในหลากหลายรูปแบบและสาเหตุที่ทำให้เกิดหรือไวรัส น้อยครั้งที่จะเกิดขึ้นจากเชื้อรา พยาธิ สารเคมี การสำลักเอาเชื้อเข้าไปในปอด (Aspirated pneumonia) และภาวะภูมิต้านทานต่ำ
อาการ
มีไข้สูงติดต่อกัน ตัวร้อน หน้าแดง หนาวสั่น หายใจหอบ ไอมีเสมหะเป็นหนอง เจ็บหน้าอก มีเสียงเสมหะในปอด ผิวหนังอาจเขียวคล้ำ คลื่นไส้ อาเจียน อาจปวดศีรษะ ปวดท้อง ปวดเมื่อยตัว ปวดตามข้อ
เป็นอาการปอดติดเชื้อและเกิดภาวะอักเสบ ทำให้มีอาการ เช่น มีไข้ ไอ เจ็บหน้าอก หรือหอบเหนื่อย เป็นต้น โดยอาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส เชื้อรา หรือพยาธิ หากเกิดการติดเชื้อจากสารเคมีหรือยาบางอย่าง มักเรียกว่าปอดอักเสบ
การวินิจฉัยโรค
จากการถ่ายภาพรังสีทรวงอกอาจพบเงาผิดปกติ การตรวจเชื่อจากเสมหะและการตรวจเลือดเพื่อค้นหาเชื้อที่เป็นสาเหตุจะพบเชื้อที่เป็นสาเหตุ
การรักษา
โดยการให้ยาปฏิชีวนะ เช่น Erythromycin 500 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง หรือ Amoxicllin 250-500 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง นาน 7-10 วัน ให้ยาลดไข้ ยาแก้ปวด ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ให้ O2
การพยาบาล
- ดูแลทางเดินหายใจให้โล่งโดยการดูดเสมหะ
- บันทึกสัญญาณชีพทุก 2 ถึง 4 ชั่วโมง
- กระตุ้นให้ผู้ป่วยเปลี่ยนท่าบ่อยๆ ทุก 1-2 ชั่วโมง จัดให้นอนในท่าศีรษะสูง
- ให้ยา bromhexine ตามแผนการรักษาของแพทย์ เพื่อละลายเสมหะ
พยาธิสภาพที่พบในผู้ป่วย
-
สาเหตุ
ญาติของผู้ป่วยบอกว่า ผู้ป่วย on NG-tube เวลา feed อาหารได้ปรับเตียงยกหัวสูงตลอด แต่พักหลังๆมา พบว่าผู้ป่วยมีเสมหะเหนียวข้นมากขึ้น มีอาการหายใจหอบเหนื่อย มีไข้ จึงพามาโรงพยาบาล
-
การรักษา
-
ได้รับยา cef-3 2 gm i.v o.d c stat เป็นยาปฏิชีวนะ(antibiotic) ชนิดหนึ่ง ที่ใช้รักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรีย
-
-
-