Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Birth Asphyxia & Neonatal Resucitation (การแปลผล Apgar score…
Birth Asphyxia & Neonatal Resucitation
ปัจจัยเสี่ยง
ก่อนคลอด
Oligohadramnios / Polyhydramnios
GA < 36 weeks / GA > 41 weeks
HT Preeclampsia Eclampsia
ครรภแฝด ทารกในครรภ์บวมน้ำ
ทารกตัวใหญ่/เล็ก พิการ มารดาไม่ฝากครรภ์
ระหว่างคลอด
การใช้สูติศาสตร์หัตถการ
คีม
เครื่องดูดสุญญากาศ
การผ่าคลอด
ท่าผิดปกติ คลอดติดไหล่
เลือดออกมากผิดปกติ การเต้นของหัวใจทารกผิดปกติ
รกลอกตัวผิดปกติ การติดเชื้อของรกและถุงน้ำคร่ำ
น้ำคร่ำมีขี้เทาปน สายสะดือย้อย
มารดาดมยาสลบ GA หรือ ยาระงับปวด Mg
ภาวะขาดออกซิเจนของทารกแรกเกิด (Birth asphyxia) แบ่งตามหลักทั่วไปเป็น 3 ระดับ
ภาวะขาดออกซิเจนของทารกแรกเกิดขั้นรุนแรง
(Severe birth asphyxia) คือ ทารกแรกเกิดมี
คะแนน APGAR (Apgar score) 0-3คะแนน
ภาวะขาดออกซิเจนของทารกแรกเกิดขั้นปานกลาง
(Moderate birth asphyxia) คือทารกแรกเกิด
มีคะแนน APGAR (Apgar score) 4 –5 คะแนน
ภาวะขาดออกซิเจนของทารกแรกเกิดขั้นน้อย
(Mild birth asphyxia) คือ ทารกแรกเกิดมี
คะแนน APGAR (Apgar score) 6 -7คะแนน
ภาวะขาดออกซิเจนของทารกแรกเกิด (Birth asphyxia) แบ่งตามหลัก ICD 10 เป็น 2 ระดับ
Severe birth asphyxia
Mild and moderate birth asphyxia
การแปลผล Apgar score และให้การช่วยเหลือ
คะแนน 8-10 (ไม่มีภาวะ Asphyxia)
1.เช็ดตัวให้แห้ง ให้ความอบอุ่น
2.ดูดเสมหะ
คะแนน 6 -7 (Mild/ Blue asphyxia)
1.เช็ดตัวให้แห้ง ให้ความอบอุ่น
2.ดูดเสมหะ
3.กระตุ้นโดยการสัมผัส
4.ให้ดมออกซิเจน 100%
คะแนน 4-5 (Moderate/ Blue asphyxia)
เช็ดตัวให้แห้ง ให้ความอบอุ่น
ดูดเสมหะ
เริ่มช่วยการหายใจโดยการใช้ถุงช่วยหายใจ และหน้ากากด้วยออกซิเจน 100%
คะแนน 0-3 ( Severe / White asphyxia)
เช็ดตัวให้แห้งอย่างรวดเร็วให้ความอบอุ่น
ดูดเสมหะ
ช่วยหายใจด้วยแรงดันบวก (PPV)
ถ้าไม่ดีขึ้นให้ใส่ท่อหลอดลมคอ
ถ้า HR < 60 ให้ทำChest compressions แบบ Two thumb ร่วมกับ Ventilation (ETT) ด้วย 100% O2 ในอัตราส่วน 3 : 1
หลัง Chest compression ( 45 –60 วินาที) ถ้า HR < 60 ให้ยากระตุ้นหัวใจ ได้แก่ เอพิเนฟรีน
ให้สารน้ำ (Volume expander)
แนวทางการช่วยฟื้นคืนชีพ
การหยุดหายใจขั้นปฐมภูมิ (primary apnea)
หายใจเร็ว
หยุดหายใจ
อัตราการเต้นของหัวใจจะเริ่มลดลง
ทารกจะสามารถกลับมาหายใจเองได้ใหม่
หลังจากได้รับการกระตุ้นหายใจ
การหยุดหายใจขั้นทุติยภูมิ (Secondary apnea)
หายใจเป็นเฮือก (gasp)
หยุดหายใจ
BP ลดลง
ไม่ตอบสนองต่อการกระตุ้นหายใจ ด้วยการสัมผัส
ทารกต้องการการช่วยหายใจ
การช่วยหายใจด้วยแรงดันบวก (Positive-Pressure Ventilation: PPV) จะมีผลทำให้อัตราการเต้นของหัวใจดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขั้นตอนเบื้องต้น
ทำให้อุณหภูมิกายของทารกอบอุ่น
นอนในท่าSniffing position
ดูดเสมหะ
เช็ดตัวของทารกให้แห้ง
กระตุ้นให้หายใจ
ขั้นตอนเบื้องต้น : มีขี้เทาในน้ำคร่ำ
ทารก Not vigorous: ดูดขี้เทาในหลอดลม
คอทันทีหลังคลอดก่อนให้การช่วยเหลือ
ขั้นต่อไป
ทารกVigorous: ดูดขี้เทาและสารคัดหลั่ง
จากปากและจมูกและช่วยเหลือตามขั้นตอน
การกระตุ้นที่อาจเป็นอันตรายกับทารก
การตบบริเวณหลังหรือก้น
การกดเค้นบริเวณซี่โครง
การยกหน้าขาขึ้นมาบริเวณหน้าท้อง
การขยายหูรูดทวารหนัก
การใช้ถุงน้ำร้อนหรือเย็น
การเขย่าตัวทารก
การประเมินอัตราการเต้นของหัวใจ
ฟังเสียงหัวใจที่หน้าอก
(Pre – cordial Ausciculation)
คลำชีพจรที่สายสะดือ
(Umbilical pulse)
ติดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
( 3leads ECG monitoring)
ข้อบ่งชี้ในการช่วยหายใจด้วยแรงดันบวก
ไม่หายใจหรือหายใจเฮือก
อัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 100 ครั้ง/ นาที
ตัวเขียวขณะได้ก๊าซออกซิเจนเข้มข้น 100%
การใส่ท่อช่วยหายใจ: ข้อบ่งชี้
กรณที่มีขี้เทาปนในน้ำคร่ำหากทารก
Not Vigorous
การช่วยหายใจด้วยแรงดันบวกไม่มี
ประสิทธิภาพ หรือต้องช่วยหายใจเป็น
เวลาหลายนาที
เมื่อต้องทำการกดหน้าอกเพื่อให้สัมพันธ์
กับการช่วยหายใจ
เมื่อต้องการให้ยา Epinephrine ระหว่าง
รอการหาหลอดเลือดดำ
การใส่ท่อช่วยหายใจ
การใส่ ETT ควรจำกัดระยะเวลาในการใส่
ไม่เกิน 20 -30 วินาที
ในระหว่างใส่ ETT
ถ้า HR < 100 ครั้ง/นาที
ต้องหยดุทำ PPV กอ่น
การกดหน้าอก : ข้อบ่งชี้
เมื่ออัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 60 ครั้ง/นาที ทั้งๆ ที่ทารกได้รับการช่วยหายใจด้วยแรงดันบวก อย่างเพียงพอแล้วเป็นเวลา 30 วินาที
เทคนิคการใช้นิ้วหัวแม่มือ (Thumb Technique)
เทคนิคการใช้สองนิ้วมือ (2-Finger Technique)
การให้ยา Epinephrine
ขนาดยา สายสะดือ 0.1-0.3 ml/kg
หยดทาง ET 0.3-1 ml/kg
ถ้าครั้งแรกทางทอชวยหายใจ
ครั้งตอไปให้ซ้ำทางสายสะดือ
ความเข้มข้น 1 : 10,000
ข้อบ่งชี้ในการให้สารน้ำทดแทน
ทารกไม่ตอบสนองต่อการช่วยกู้ชีพ
ทารกอยู่ในภาวะช็อค (สีผิวซีด ชีพจรเบา
อัตรา การเต้นของหัวใจช้า
หรืออาการไม่ดีขึ้น ภายหลังการช่วยกู้ชีพ)
มีประวัติทารกในครรภ์เสียเลือด
ได้แก่ มารดามีเลือดออกทางช่องคลอด
จำนวนมากรกลอกตัว ก่อนกำหนดรกเกาะต่ำ
และมีภาวะ Twin-to-twin transfusion
การดูแลหลังการกู้ชีพ (Postresuscitation Care)
ควรเฝ้าติดตามสัญญาณชีพไปอย่างต่อเนื่อง
หลังการกู้ชีพควรวัดระดับน้ำตาลในเลือด
น้ำตาลต่ำ ส่งผลให้ สมองอันตราย
Postresuscitation Therapeutic Hypothermia
ในทารกที่คลอดจากอายุครรภ์ ≥ 36 สัปดาห์
ที่มีภาวะสมองขาดออกซิเจนควรได้รับการ
รักษาด้วยการควบคุมอุณหภูมิร่างกาย
ให้อยู่ในช่วง 33.5°C – 34.5°C
การหยุดกู้ชีพ
ในทารกแรกเกิดที่คลำชีพจรไม่พบ
นาน 10 นาทีก็ควรหยุดทำการกู้ชีพได้
ความยินยอมของบิดามารดา
ไม่ควรทำการกู้ชีพแก่ทารกแรกเกิดในราย
ทารกแรกเกิดในกรณีที่อายุครรภ์ <23สัปดาห์
น้ำหนักแรกเกิด < 400กรัม
มีความพิการแต่กำเนิดที่ทำให้มีโอกาส
รอดชีวิตต่ำ
ความผิดปกติของโครโมโซม Trisomy 13
ทารกที่ไม่มีศีรษะ(Anencephaly)
นางสาวจินต์จุฑา บุญหลักคำ 570394
อาจารย์มัณฑนา