Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
วิวัฒนาการการขายสมัยอยุธยา (อุตสาหกรรมในสมัยกรุงศรีอยุธยา (การทอผ้า …
วิวัฒนาการการขายสมัยอยุธยา
เศรษฐกิจ สังคมและการปกครองสมัยกรุงศรีอยุธยา
การปกครอง
เดิมเป็นแบบจตุสดมภ์ เมื่อถึงสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ก็มีการตั้งตำแหน่งใหม่เพิ่มขึ้นมา คือ สมุหนายก และสมุหกลาโหม
เศรษฐกิจ
มีการเก็บภาษีอย่างเข้มงวดมากในรัชกาลนี้ ส่วนสินค้าขาเข้าที่รัฐบาลผูกขาด ได้แก่ ถ้วยชาม อาวุธ
ระบบทางสังคม
สำหรับระบบไพร่ สมัยนี้ก็มีกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวกับประชาชนทั่วไปอย่างแน่นอน สังคมไทยขณะนั้นไม่มีชนชั้นกลาง
ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นการปิดโอกาสให้ชาวจีนเข้ามาแทนที่ได้ง่ายในสมัยรัตนโกสินทร์
ระบบศักดินา
แบ่งออกเป็น 3 อย่างด้วยกัน คือ
ศักดินา หมายถึง การแบ่งที่ดินว่าใครจะมีที่ดินหรือที่นาได้จำนวนเท่าไร
ศักดินาเป็นการใช้มาตรการ "ปรับไหม" ซึ่งหมายถึงโทษการปรับตามกฎหมาย
ศักดินาเป็นตัวกำหนดฐานะทางสังคมว่าคนนั้นเป็นชั้นสูงหรือชั้นต่ำ
อุตสาหกรรมในสมัยกรุงศรีอยุธยา
การทอผ้า
การทอผ้าในสมัยกรุงศรีอยุธยา การทอผ้าส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน คือจะทอผ้าใช้กันภายในครอบครัว
โรงสี
บริเวณที่มีการตั้งโรงสี คือบริเวณตามลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา โรงสีเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นของจีน
การทำเหมืองแร่
สมัยกรุงศรีอยุธยาได้มีการทำเหมืองแร่ที่ทำรายได้ให้กับกรุงศรีอยุธยา เช่นดีบุก
อุตสาหกรรมอื่น ๆ
นอกจากอุตสาหกรรมที่กล่าวแล้ว อุตสาหกรรมที่สำคัญของกรุงศรีอยุธยา ได้แก่ ช่างตีเหล็ก หลอมโลหะ ต่อเรือ ต้มกลั่นสุรา ทำปูน ทำเครื่องเงิน เครื่องเขิน เป็นต้น
เครื่องปั้นดินเผา
เป็นอาชีพที่สำคัญอย่างหนึ่งที่มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยที่ในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้นได้มีการทำถ้วยชามสังคโลก
การประกอบอาชีพในสมัยอยุธยา
เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร โดยเฉพาะข้าว เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญที่ไทยสามารถผลิตได้เป็นจำนวนมาก
การเกษตรสมัยกรุงศรีอยุธยา
มะม่วง
มะพร้าว
หมาก
ฝ้าย
กระเทียม
พริกไทย
กรมนา (กรมเกษตรธิการ) ซึ่งมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบในเรื่องของการทำอาชีพเกษตรกรรมของประชาชน ได้ออกระเบียบต่างๆ เกี่ยวกับการทำอาชีพนี้
ตลาดในสมัยอยุธยา
ตลาดน้ำตลาดบก ตลาดน้ำจะตั้งอยู่บริเวณท้องน้ำหรือปากน้ำพ่อค้าเเม่ค้ามาขายของเช่น ป่าตะกั่ว เเละอื่นๆ ลักษณะการค้าเป็นการผูกขาด
การค้ากับชาติตะวันตก
พ่อค้าชาวตะวันตกเข้ามาติดต่อค้าขายกับกรุงศรีอยุธยานั้น สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ทรงให้การต้อนรับชาวตะวันตกอย่างดี กล่าวคือ ทรงอนุญาตให้โปรตุเกสตั้งบ้านเรือน ห้างร้าน ค้าขายและเผยแพร่คริสต์ศาสนาได้ ซึ่งโปรตุเกสก็ตอบแทนโดยช่วยจัดหาปืน
นอกจากชาวโปรตุเกสแล้วชาวตะวันตกชาติอื่นที่เดินทางเข้ามาติดต่อค้าขายกับกรุงศรีอยุธยา
สเปน
ฝรั่งเศส
อังกฤษ
การค้า
การค้าสมัยกรุงศรีอยุธยาเริ่มเมื่อปี พ.ศ. 1893 ตั้งแต่ปีที่พระเจ้าอู่ทอง ทรงสร้างพระนครใหม่ แล้วทำการราชาภิเษก ทรงพระนามว่า สมเด็จพระรามาธิบดี ขนานนามราชธานี ว่า กรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยา คำว่า ทวาราวดี เอามาจากชื่ออาณาจักรเดิม คือ อาณาจักรทวาราวดี อายุของกรุงศรีอยุธยา ตั้งแต่ปี พ.ศ.1893 ถึง พ.ศ.2320 เป็นจำนวน 417 ปี บ้านเมืองที่มีความเจริญและความเสื่อมจนกระทั่งสิ้นสูญการค้าขายของประเทศในช่วงนี้ มีการเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุการณ์บ้านเมือง
การค้าในสมัยอยุธยาติดต่อค้าขายไม่ราบรื่นต้องชะงักหรือขาดตอนเป็นคราว ๆ ได้แบ่งออกเป็น 3 ตอน
1.ตั้งแต่สมัยพระรามาธิบดีอู่ทอง จนถึงสิ้นแผ่นดินสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 คือตั้งแต่ปี พ.ศ.1893- 2034 จัดเป็นตอนต้นของการค้าในสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นการค้าแบบโบราณที่เป็นอย่างไทยแท้
2.ตั้งแต่แผ่นดินสมเด็จพระรามาธิบดีที่2 จนถึงสิ้นแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตั้งแต่ปีพ.ศ.2034-2230จัดเป็นตอนกลางของการค้าในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นการค้าซึ่งมีอิทธิของชนชาวยุโรปเข้ามาเจือปน
3.ตั้งแต่แผ่นดินสมเด็จพระเทพราชา จนถึง เสียกรุงศรีอยุธยาในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์ คือตั้งแต่ปี พ.ศ.2231 -2310 จัดเป็นตอนปลายของการค้าในสมัยศรีอยุธยา เป็นการค้าซึ่งอิทธิพลของชาวยุโรป คลายออกไป
การแลกเปลี่ยนสินค้า
มีการใช้เงินตรา คือเงินพดด้วงในสมัยนั้นมีตราประทับเพียง 2 ตรา โดยตราที่ประทับอยู่ด้านบนคือ ตราจักร ซึ่งเป็นตราประจำแผ่นดิน ส่วนด้านหน้าเป็นตราประจำรัชกาลลักษณะต่าง ๆ เช่น ตราช่อดอกไม้ ตราช่ออุทุมพร ตราช้าง และตราสังข์ เป็นต้น