Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะแทรกซ้อนในระยะคลอดที่ 3และ4 (1.EARLY POSTPARTUM HEMORRHAGE (4 T:…
ภาวะแทรกซ้อนในระยะคลอดที่ 3และ4
1.EARLY POSTPARTUM HEMORRHAGE
การตกเลือดในระยะที่ 3-4 ของการคลอดและ 24 ชั่วโมงแรก หลังคลอดเสียเลือดมากกว่า 500 มิลลลิติรขึ้นไป และ 1000 ml
สาเหตุส่งเสริม
1.มดลูกไม่หดรัดตัว พบร้อยละ 90
2.ช่องทางคลอดฉีกขาดพบรองจาก มดลูกไม่หดรัดตัว
3.เลือดออกจากตำแหน่งรกเกาะ
1.Uterine atony Tone
Prolong labour / Precipitate labour
Distened uterus
Twins / Polyhydramnios / Macrosomia
สูติศาสตร์หัตถการ
Internal version / F/E
2.ช่องทางคลอดฉีกขาด Tear
ตำแหน่งของการฉีกขาด
1.แผลผ่าตัดฝีเย็บ
2.ฝีเย็บ / ส่วนบนของปากช่องคลอด
3.ปากมดลูก
3.Placental bed bleeding
สาเหตุชวนให้เกิด
1.รกเกาะต่ำ มีกล้ามเนื้อน้อยทำให้เลือดหยุดไม่ดี
2.รกมขีนาดใหญ่ (Placenta membanaceas)
3.รกติดค้าง( Placenta adherents)
4.รกหรือเศษรกค้างในโพรงมดลูก:Tissue
4.1.รกลอกตัวแล้วแต่ยังค้างในโพรงมดลูก ( Retained of placenta )
4.2.เศษรกค้างในโพรงมดลูก ( Retained pieces of placenta )
5.ความผดิปกติในการแข็งตัวของเลือด:Thrombin
5.1.DIC จากภาวะ Abruptio placenta , DFIU
5.2.โรคเลือดต่างๆ
5.3การได้รับยาการต้านการแข็งตวัของเลือด
การวินิจฉัย
1.ปริมาณเลือดที่ออกทางช่องคลอด > 500 cc
2.อาการและอาการแสดง
ซีด เหงื่อออก ตัวเยน็ BP drop
3.คลำทางหน้าท้อง พบ มดลูกหดรัดตัวไม่ดี
การป้องกัน
1.ระยะก่อนคลอด
1.1.ซักประวัติเพื่อหาความเสี่ยงของ PPH
1.2.ตรวจร่างกายประเมินภาวะซีด
1.3. Blood transfusion
2.ระยะคลอดและหลังคลอด
2.1.ในรายที่มีความเสี่ยงสูง
2.2.ระวัง Prolong labour
2.3.ท าคลอดในระยะที่ 2 และ 3 อย่างถูกต้องและเหมาะสม
2.4.หลีกเลี่ยงการทำหัตถการอย่างยาก หรือเพมิ่ความเสี่ยงอื่นๆ
การรักษา
1.รักษาตามอาการ Acute blood loss
2.รักษาเพื่อห้ามเลือด รักษาที่สาเหตุ
ภาวะแทรกซ้อน PPH
1.ระยะแรก
Renal failureเนื่องจากภาวะ Hypovolemia ที่ยาวนาน
2.ระยะหลัง
ติดเชื้อ AIDS / Syphilis / Hepatitis B
4 T: EARLY PPH
1)TONE Uterine atony
2)TEAR/TRAUMA Birth canal injury
3)TISSUE Retained placenta
4)THROMBIN Coagulopathy
PLACENTA ADHERENT 3 ระดับ
1.Placenta accreta
บุกรุกเข้าไปชิดกล้ามเนื้อมดลูก แต่ยงัไม่เข้าชั้นกล้ามเนื้อ
2.Placenta increta
บุกรุกเข้าไปชั้นกล้ามเนื้อมดลูก แต่ยังไม่เข้าชั้น Serosa
3.Placenta precreta
บุกรุกเข้าไปชั้นกล้ามเนื้อมดลูก จนทะลุเข้าชั้น Serosa
ปัจจัยส่งเสริม
1.เคยผ่าตัดที่มดลูกมาก่อน C/S
2.เคย D/C….abortion
3.Multiparity
การวินิจฉัย
วินิจฉัยได้ในระยะที่3 ของการคลอด
1.จากการล้วงรกหลงัคลอด
2.ในรายที่ไม่สามารถเซาะรกออกจากมดลูกหลังผ่าตัด ไม่ได้
การรักษา
1.ประคับประคองสารน้ำและเลือด
2.พยายามเซาะรกซึ่งมักทำได้ในราย Placenta accreta
3.ตัดมดลูกออก
3.UTERINE INVERSION
ภาวะที่ยอดมดลูกถูกรั้งลงมาส่วนล่างของโพรงมดลูก อาจพ้นปากมดลูกออกมาหรือโผล่ออกมาถึงปากช่องคลอดหรือ โผล่ออกมาทางแผลผ่าตดัในกรณี C/S
ระดับของมดลูกปลิ้น
1.First degree
ยอดมดลูกเคลื่อนต่ำแต่ไม่เลยปากมดลูก
Second degree
ยอดมดลูกเคลื่อนต่ำเลยปากมดลูกแต่ยังไม่ถึงปากช่องคลอด
Third degree
ยอดมดลูกเคลื่อนต่ำออกมาพ้นปากช่องคลอด
Fourth degree
มีการปลิ้นของช่องคลอดออกมาด้วย
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะมดลูกปลิ้น
1.ทำคลอดรกในกรณีที่ รกยงัไม่ลอกตัวหรือมีภาวะรกติด
2.ดันยอดมดลูกที่หน้าท้อง
3.ดึงสายสะดืออย่างแรง
การรักษา
ให้สารน้ำและเลือดอย่างเพยีงพอ
ถ้ารกลอกตัวแล้วดันกลับเข้าไปได้เลย
ถ้ารกยังไม่ลอกตัวต้องต้องเซาะรกออกก่อนทำการดันมดลูก
ภาวะแทรกซ้อน
เจ็บปวดมาก
เลือดออกรุนแรง..ช็อค
เสียชีวิต
4.SHOCK IN OBSTETRICS
สภาวะที่เนื้อเยื่อต่างๆได้รับ เลือดไปเลี้ยงไม่พอจนเซลล์ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติและทำให้เซลล์ตายในที่สุด
สาเหตุที่ทำให้มีการเสียเลือดทางสูติกรรม
1.การตั้งครรภ์ระยะแรก
Ectopic pregnancy
2.การตั้งครรภ์ระยะท้าย
Placenta previa
3.ในระยะคลอดและหลังคลอด
C/S , Rupture uterine
การวินิจฉัย
1.ปริมาณเลือดที่ออก
2.อาการและอาการแสดง
V/Sชีพจรเบาเร็ว ความดันเลือดต่ำ
ผิวหนังเย็น ซีด เหงื่ออก ปัสสาวะออกน้อย
การรักษาพยาบาล
1.การทำให้ปริมาตรเลือดที่ไหลเวียน
2..กำจัดต้นตอหรือแหล่งที่มีการติดเชื้อ
ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ
Sheehan , syndrome