Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นในภาวะฉุกเฉิน (การบาดเจ็บที่กระดูกและกล้ามเนื้อ…
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นในภาวะฉุกเฉิน
สัตว์กัดต่อย
งูพิษ
พิษต่อระบบประสาท [Neurotoxin]
งูจงอาง
งูทับสมิงคลา
งูสามเหลี่ยม
งูเห่า
ทำให้เกิดอัมพาตของกล้ามเนื้อ ลืมตาไม่ได้ กลืนลำบาก
และที่สำคัญคือทำให้หยุดหายใจเสียชีวิตได้
พิษต่อโลหิต [Hemotoxin]
งูแมวเซา
งูกะปะ
งูเขียวหางไหม้
ทำให้มีเลือดออกตามที่ต่างๆ ตามผิวหนัง เหงือก
อาเจียนเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นเลือด
พิษต่อกล้ามเนื้อ [Myotoxin]
ทำอันตรายต่อกล้ามเนื้อ ปวดกล้ามเนื้อมาก ปัสสาวะสีดำ
เนื่องจากกล้ามเนื้อถูกทำลายเกิด myoglobinuria
งูทะเล
พิษต่อกล้ามเนื้อหัวใจ [Cardiotoxin]
การดูแลผู้ที่ถูกงูพิษกัด
หยุดการเคลื่อนไหวของร่างกาย ปลอบโยน ให้กำลังใจ
ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือทันที
ปิดแผลด้วยผ้าสะอาด ทาเฝือกชั่วคราว
จัดให้อวัยวะที่ถูกกัดอยู่ต่ำกว่าระดับหัวใจ
นำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ให้เร็วที่สุด
ผึ้ง ต่อ แตน
อาวุธที่ใช้ทำร้ายศัตรูก็คือ เหล็กใน
เหล็กในอยู่ทางปลายสุดของลำตัว
และเป็นอวัยวะสำหรับวางไข่ในเพศเมียที่ดัดแปลงไป
ตัวที่ทำร้ายคนได้เป็นตัวเมียเท่านั้น
การดูแลผู้ที่ถูกผึ้ง ต่อ แตนต่อย
กรณีที่มีเหล็กในติดอยู่ในแผล ต้องเอาเหล็กในออกก่อน
ล้างบาดแผลด้วยสบู่และน้ำสะอาด
ประคบด้วยน้ำเย็น
ถ้ามีอาการปวดมากให้รับประทานยาแก้ปวด
ถ้ามีอาการมากขึ้นให้นาส่งโรงพยาบาล
แมงกะพรุนกล่อง (Box jellyfish)
สัตว์มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก
มีพิษต่อหลายระบบในร่างกายทั้งเลือด เนื้อหนัง หัวใจ ประสาท
ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อหน้าท้องและหลังเกร็ง เวียนหัว คลื่นไส้ ปวดหัว กระสับกระส่าย แน่นหน้าอก
การดูแลผู้ที่ถูกแมงกะพรุนกล่องกัดต่อย
ให้ผู้บาดเจ็บอยู่นิ่งๆ เพื่อลดการยิงพิษจากแมงกะพรุน
ล้างด้วยน้ำส้มสายชูอย่างน้อย 30วินาที หากไม่มีให้ใช้น้ำทะเล
ใช้ถุงมือหนา หรือแหนบคีบหนวดที่ยังติดอยู่ ห้ามใช้มือหยิบ
ให้ใช้วัสดุขอบเรียบ เช่น เปลือกหอย บัตร สันมีด ขูดเอาเมือกออก
ใช้น้ำแข็งประคบลดอาการปวด หลังจากที่ล้างด้วยน้ำส้มสายชูแล้ว หรือใช้ผักบุ้งทะเลตาพอกที่แผล
ข้อควรระวัง
ห้ามใช้น้าจืดล้าง
ห้ามถูหรือขยี้ หลีกเลี่ยงการใช้เทคนิคพันรัดแน่นด้วยผ้ายืด
แมงป่อง ตะขาบ
ปวด บวม และแดง บางรายถ้าแพ้อาจมีไข้ ปวดศีรษะ และปวดแผลมาก
การปฏิบัติเมื่อถูกแมงป่องต่อย
ล้าง และฟอกบริเวณแผลด้วยสบู่ ล้างด้วยน้ำสะอาด
ใช้แอมโมเนียหอมชุบปิดแผลไว้
ถ้าปวดให้กินยาแก้ปวดพาราเซตามอลและประคบบริเวณแผลด้วยความเย็น
ถ้ามีอาการแพ้ คือ ไข้สูง ปวดแผลมาก ปวดศีรษะ ควรพาไปพบแพทย์
ได้รับสารพิษ
ทางเข้าของสารพิษ
ทางปาก
การพยาบาลเบื้องต้น
กรณีผู้ป่วยมีสติดีอยู่
และทราบประวัติแน่ชัดว่าไม่ได้กินกรด ด่าง น้ำมันก๊าด เบนซิน ทินเนอร์หรือสารพิษที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
รีบให้ผู้ป่วยดื่มนมหรือน้ำเปล่าเพื่อให้พิษเจือจาง
รีบทำให้ผู้ป่วยอาเจียน เพื่อเอาสารพิษออก
ผู้ป่วยหมดสติ
หรือ กินกรด ด่าง น้ามันก๊าด
เบนซิน ทินเนอร์ ถ้ายังไม่ทราบชนิดของสารพิษที่แน่ชัด
ห้าม
ทำให้ผู้ป่วยอาเจียนโดยเด็ดขาด
ทางเดินหายใจ
การพยาบาลเบื้องต้น
เคลื่อนย้ายผู้ที่ได้รับสารพิษไปยังสถานที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ ถ่ายเทสะดวกและห้ามคนมุง
คลายเสื้อผ้าให้หลวม เปิดทางเดินหายใจให้โล่ง ถ้าหยุดหายใจให้รีบช่วยเหลือ
รีบนำส่งโรงพยาบาล
ทางผิวหนัง
การพยาบาลเบื้องต้น
ล้างด้วยน้ำสะอาดนาน ๆอย่างน้อย 15นาที
อย่าใช้ยาแก้พิษทางเคมี
บรรเทาอาการปวดและรักษาภาวะช็อค
ปิดแผล แล้วนำส่งโรงพยาบาล
การบาดเจ็บที่กระดูกและกล้ามเนื้อ
แนวทางในการรักษาเบื้องต้น ภายใน 24-48 ชม.ใช้หลัก4 ย.
หยุด,เย็น,ยึด และยก หรือ“
RICE
”
Rest
Ice
Compression
Elevation
PRICED เพิ่ม Protection และ Diagnosis/Disposal
P=PROTECTION
การป้องกันการบาดเจ็บที่จะตามมาอีก
ให้หยุดการเล่นกีฬาทันที นำนักกีฬาออกจากสถานที่ที่ได้รับบาดเจ็บ
เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บที่จะตามมาอีก
R=REST
การพัก
พักส่วนที่ได้รับบาดเจ็บทันที
การเคลื่อนไหวส่วนที่บาดเจ็บจะทำให้เลือดออกมากขึ้น
I=ICE
การใช้ความเย็น
ประคบเย็นบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บด้วยน้ำแข็งน้ำเย็น ผ้าเย็น
หรือน้ำเย็นจากน้ำก๊อก
ลดอาการบวม การเจ็บปวด กล้ามเนื้อเกร็งตัวและการอักเสบ
ประคบครั้งละ 15-20 นาที วันละ 3-4 ครั้ง ใช้ภายใน24-48 ชม.แรก
C=COMPRESSION
การพันผ้ายืด (compression bandage)
พันกระชับส่วนที่ได้รับบาดเจ็บด้วยผ้ายืด
หรือใช้ผ้าสาลีผืนใหญ่รองไว้หนาๆ โดยรอบก่อน
ป้องกันไม่ให้เลือดออกมาก ลดบวมและเป็นการประคองส่วนที่ได้รับบาดเจ็บ
E=ELEVATION
การยก
ยกส่วนที่ได้รับบาดเจ็บนั้นให้สูงกว่าระดับหัวใจ
เพื่อให้เลือดไหลเวียนกลับได้สะดวก ลดเลือดออก ลดบวม และลดอาการเจ็บปวด
D=DIAGNOSIS/DISPOSAL
การวินิจฉัย/การจัดการ
ส่งพบแพทย์หรือสถานพยาบาลเพื่อให้การรักษาพยาบาลที่ถูกต้องต่อไป
ข้อระวังในช่วงแรกของการบาดเจ็บ (24-48 ชม.แรก)
ใช้หลักการ (No HARM Factor)
H (heat) การใช้ความร้อนประคบ ทำให้บวมและปวดมากขึ้น
A (alcohol) การทายาที่มีฤทธิ์ร้อน
R (running/exercise) การวิ่งหรือทำกิจกรรม จะทำให้บาดเจ็บมากขึ้น
M (massage) การนวดจะยิ่งทำให้เลือดออกและบวมมากขึ้น
ข้อเคล็ด (Sprain)
การฉีกขาดของกล้ามเนื้อรอบๆ ข้อต่อเนื่องจากการถูกดึงหรือบิดมากเกินไป
การดูแล
หยุดการเคลื่อนไหวข้อที่บาดเจ็บ และให้พักในท่าที่สบายที่สุด
ประคบเย็นภายใน 24ชม. หลังการบาดเจ็บ
พันด้วยผ้าม้วนยืด (Elastic bandage)
ยกอวัยวะที่ได้รับบาดเจ็บให้สูง เพื่อลดอาการปวด บวม
กระดูกหัก (Fracture)
Open fracture
การดูแล
ระมัดระวังไม่ให้มีการเคลื่อนไหวบริเวณที่มีข้อเคลื่อน หรือกระดูกหัก
ถ้าต้องถอดเสื้อผ้า ต้องตัดตามตะเข็บ อย่าพยายามให้ผู้บาดเจ็บถอดเอง
ถ้าบวมและชามากให้จับชีพจรเปรียบเทียบกับแขนหรือขา ทั้ง 2ข้างเปรียบกัน
การตรวจบริเวณที่หัก ต้องทำด้วยความระมัดระวัง
เพราะอาจทาให้ปลายกระดูกที่หักเคลื่อนมาเกยกัน
ถ้าต้องมีการห้ามเลือด หลีกเลี่ยงวิธีการห้ามเลือดแบบขันชะเนาะ
เพราะถ้ารัดแน่นเกินไป อาจจะทาให้เลือดแดงไปเลี้ยงส่วนปลายไม่พอ
ในรายที่กระดูกหักแบบเปิดให้ใช้ผ้าสะอาดคลุมทับ แล้วพันไว้
เข้าเฝือกชั่วคราว
Closed fracture
ประคบเย็นภายใน 24 ชม. แรก ต่อมาให้ประคบความร้อน
ทำความสะอาดแผลใช้ผ้าสะอาดกดลงบนแผลจนกว่าเลือดจะหยุดไหล
ถ้าผ้าปิดแผลชุ่มเลือด ไม่ควรเอาออก ให้ใช้ผ้าสะอาดผืนใหม่ปิดทับ
ไฟฟ้าดูด
ไม่รู้สึกตัว หายใจลำบาก/หยุดหายใจ ชีพจรเต้นไม่สม่ำเสมอ/หยุดเต้น แผลไหม้
การดูแล
ห้ามจับตัวผู้ป่วยก่อนตัดกระแสไฟ
กำจัดสาเหตุ โดยใช้วัตถุที่เป็นฉนวนเขี่ยสายไฟออก หรือสับสะพานไฟลง
ตรวจชีพจรและการหายใจ
ตรวจดูแผลไหม้
เป็นลม (FAINTING)
การหมดความรู้สึกในช่วงสั้นๆ เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ
การดูแล
นอนราบ ยกปลายเท้าสูง
คลายเสื้อผ้าให้หลวม หายใจเข้า-ออกลึกๆ
ให้ดื่มน้ำหวาน และหรือน้ำเกลือแร่
จัดสิ่งแวดล้อมให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก
ตะคริว
การหดเกร็งมัดกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการเจ็บปวด
การรักษา
หยุดพักทันที ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ 5-10นาที
นวดด้วยน้ำมันร้อนเบาๆ ห้ามบีบหรือขยำ
ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
ชั้นผิวหนัง
ระบายความร้อนออกจากแผล ไม่ควรใช้น้ำแข็งประคบโดยตรง
ทาด้วยยาทาแผลไหม้
ห้ามเจาะถุงน้าหรือตัดส่วนที่พองออก
ปิดด้วยผ้าสะอาด แล้วพันไว้
ปวดแสบ ร้อน แห้ง แดง ถ้าถึงหนังแท้จะพองเป็นตุ่มน้าใสบวม
ชั้นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง
ไม่ต้องระบายความร้อนออกจากแผล
ห้ามใส่ยาใดๆ ทั้งสิ้นลงในบาดแผล
ใช้ผ้าสะอาดปิดบริเวณบาดแผล
ให้ผู้ป่วยนอนราบ ยกขาสูง และรีบนำส่งโรงพยาบาล
แผลมีสีน้าตาลเทาหรือดา ผิวหนังรอบๆจะซีด
มีกลิ่นไหม้ มักไม่รู้สึกเจ็บปวด
นางสาวจุฑามาศ รัตนวงค์ ชั้นปีที่3รุ่นที่24A เลขที่80