Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล 6174E30A-24CA-41DD-B13F-BCDB9969427D…
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่1 :
ผู้ป่วยมีความวิตกกังวล
เกี่ยวกับความเจ็บป่วยเรื้อรัง
ข้อมูลสนับสนุน
1.ผู้ป่วยบอกว่า “ปลงสังขาร”
2.ผู้ป่วยบอกว่า”อยากไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสงฆ์”
3.ผู้ป่วยบอกว่า “หมอรักษาดีแต่อยู่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”
4.ผู้ป่วยมีสีหน้าวิตกกังวล
5.ผู้ป่วยไม่สามารถขยับตัวได้โดยไม่มีใครดูแล ผู้ป่วยบอกว่า “ไม่มีใครเอามาให้ก็เลยนอนไปอย่างงั้น”
6.ผู้ป่วยมีแผลกดทับบริเวณหลัง ผู้ป่วยบอกว่า “ลูบไปบริเวณหลังพรุนไปหมดแล้ว”
เกณฑ์การประเมิน
ผู้ป่วยแสดงสีหน้าสบายใจขึ้น พัก หลับได้
2ผู้ป่วยปฏิบัติตามคําแนะนําต่างๆได้ดี
3.ผู้ดูแลปฏิบัติตามคําแนะนําต่างๆได้ดี
4.ผู้ป่วยสนใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
5.ผู้ป่วยลด ละ เลิกบุหรี่ได้โดยไม่กลับไปสูบอีก
กิจกรรมการพยาบาล
สร้างสัมพันธ์ภาพที่ดีกับผู้ป่วยและญาติให้การช่วยเหลืออย่างเอื้ออาทร
ประเมินความรู้สึกของผู้ป่วยและญาติ เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยและญาติได้พูดระบายความรู้สึก ออกมาและซักถามเกี่ยวกับอาการของตนเอง
อธิบายวัตถุประสงค์และขั้นตอนใน การรักษาพยาบาลต่างๆ ให้ผู้ป่วยและญาติได้มีส่วน ร่วมในการตัดสินใจมากที่สุด
วางแผนการพยาบาล เพื่อประคับ ประคองผู้ป่วยอธิบาย และตอบคําถามของผู้ป่วย และครอบครัวเพื่อคลายความวิตกกังวล
ใหผู้ป่วยและญาตได้กำหนดและควบคุม การปฏิบัติกิจวัตรประจําวันต่างๆ ได้ด้วยตนเองโดย ไม่ขัดต่อแผนการรักษาของแพทย์
ตอบคําถามเกี่ยวกับความกลัวต่อสิ่งต่างๆ และความกลัวต่อการดําเนินชีวิตประจําวันของ ผู้ป่วยด้วยความจริงใจและมีเหตุผล
แนะนําวิธีผ่อนคลายความเครียด เช่น ฟังดนตรี ทําสมาธิ กําหนดลมหายใจ ฟังธรรมมะ ปฎิบัติกิจของสงฆ์
แนะนําญาติให้จัดหาวิทยุเพื่อใหผู้ป่วย ได้ฟังเพลงหรือเทปธรรมะที่ผู้ป่วยชอบมาให้ฟัง
แนะนําญาติให้ดูแลเอาใจผู้ป่วยอย่าง ใกล้ชิดและพูดคุย
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยและญาติมีสีหน้าแจ่มใส พูดคุย ตอบคําถามกับพยาบาลและญาติที่มาเยี่ยมเป็น อย่างดี
ผู้ป่วยและญาติบอกถึงวิธีการปฏิบัติ ตัวขณะอยู่โรงพยาบาลได้ถูกต้อง และให้ความร่วม มือในการรักษาพยาบาลเป็นอย่างดี
3.ผู้ป่วยเลิกสูบบุหรี่
4.ผู้ป่วยมีสุขภาพร่างกายสีแข็งแรงขึ้นเนื่องจากเลิกสูบบุหรี่
การขับถ่ายอุจจาระเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการเคลื่อนไหวลดลง
ข้อมูลสนับสนุน
ผู้ป่วยขับถ่ายไม่สะดวกเนื่องจากไม่สามารถขยับร่างกายได้
ผู้ป่วยบอกว่า”ไม่มีใครเอาที่รองข้บถ่ายมาให้ก็เลยอยู่ไปอย่างงั้น”
3.สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยในการขับถ่าย
4.ผู้ป่วยสูบบุหรี่วันละ1ซอง
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยไม่มีอาการท้องอืด
ผู้ป่วยสามารถบอกความต้องการถ่ายอุจจารุได้ โดยถ่ายอุจจาระทุดวันเป็นก้อนขับถ่าย ไม่ลําบาก
เกณฑ์การประเมิน
ถ่ายอุจจาระทุกวัน หรืออย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์หรือตามสุขวิทยาส่วนบุคคล
สามารถสื่อความต้องการเมื่ออยาก ถ่ายอุจจาระได้
ไม่มีอาการท้องอืด
กิจกรรมการประเมิน
ประเมินอุปนิสัยในการขับถ่ายอุจจาระ ของผู้ป่วย
ประเมินว่าผู้ป่วยสามารถรับรู้หรือบอก ความต้องการถ่ายอุจจาระเวลาปวดได้หรือไม่
สังเกตการขับถ่ายอุจจาระทั้งจํานวน ครั้งต่อวันและลักษณะอุจจาระ
ประเมินอาการและอาการแสดงที่บ่ง บอกว่าอาจมีท้องผูก เช่น
ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร
แนะนําใหผู้ป่วยทุกครั้งเมื่อรู้สึกอยากถ่ายอุจจาระ
จัดให้ขับถ่ายในท่าศีรษะสูงยกเว้นมี ข้อห้าม
แนะนําและจัดให้ดื่มละ 2,000 – 2,500 มล. ยกเว้นมีข้อห้าม
แนะนําให้ดื่มน้ําอุ่นเพื่อกระตุ้นการ เคลื่อนไหวของลําไส้
ช่วยให้ผู้ป่วยทํากิจกรรมต่างๆ ตาม ความสามารถ
จัดเวลาการขับถ่ายอุจจาระให้เป็น เวลาเดิมตามสุขนิสัยของผู้ป่วย
ช่วยกระตุ้นให้มีการขับถ่ายตามเวลา ที่วางแผน โดยวิธีต่างๆที่ไม่มีผลต่อการรักษา
ให้ยาที่ทําให้อุจจาระอ่อนตัวหรือยา ระบายอย่างอ่อนตามแนวทางการรักษา
ประเมินอาการอจุจาระอัดแน่นทกุ 2 – 4 วัน ถ้าหากพบมีอุจจาระเหลวผ่านออกมาได้และมีอุจจาระอัดแข็งอยู่ภายในต้องล้วงหรือสวนล้างตาม ความเหมาะสม
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะ ผิวหนังเสียหน้าที่เนื่องจากการกดทับเป็นเวลานานเนื่องจากไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้
ข้อมูลสนับสนุน
1.ผู้ป่วยไม่สามรถขยับร่างกายได้
2.สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยไม่มีคนค่อยช่วยเหลือพลิกตะแคงตัว
3.ผู้ป่วยบอกว่า”คลำไปข้างหลังพรุนหมดแล้ว”
วัตถุประสงค์
ขณะเข้ารับการรักษาผู้ป่วยไม่สามารถ ลุกไปเข้าห้องน้ําเพื่อขับถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะเองได้ ใส่ผ้าอ้อมไว้ต้องหลังให้การพยาบาลตามแผนการ พยาบาลที่วางไว้ ไม่เกิดแผลกดทับเพิ่มในผู้ป่วยรายนี้
2.ผู้ป่วยหายจากแผลกดทับ
3.แผลกดทับมีลดลง
เป้าหมาการพยาบาล
เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ
ญาติสามารถมารถดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยเพื่อป้องกันการ เกิดแผลกดทับได้
กิจกรรมการพยาบาล
ให้การพยาบาลโดยการลดแรงกดลง บนผิวหนัง
2.อธิบายให้ผู้ป่วยและญาติเข้า ใจเรื่องแผลกดทบั สาเหตุและการป้องกัน
3.ประเมินอัตราเสี่ยงต่อการเกิด แผลกดทับเพื่อวางแผนให้การช่วยเหลือต่อไป
4.ให้ผู้ป่วยนอนบนที่นอนนุ่มเพื่อลด แรงกดและดูแลให้นอนในท่าที่ถูกต้องพร้อมพลิกตะแคงทุก 2 ชั่วโมง
5.สอนและสาธิตให้ญาติปฏิบัติตามเมื่อเปลี่ยนท่านอนให้ผู้ป่วย ควรใช้ผ้าขวางเตียง ช่วยยกตัวผู้ป่วยขึ้น
ไม่ใช้วิธีลากดึงเพราะจะทําให้ ผิวหนัง เกิดการเสียดสีทําให้เส้นเลือดฝอยฉีกขาด และเนื้อเยื่อถูกทําลายได้
8.แนะนําญาตหลังผู้ป่วยถ่ายอจุจาระควรทําความสะอาดและเช็ดผิวหนังบริเวณนั้นให้แห้ง ผิวหนังที่แห้งเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง
9.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับอาหาร วันละ 2,000 แคลอรี่ เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
6.สอนและสาธิตให้ญาติปฏิบัติ ตามเมื่อดูแลเปลี่นผ้าปูที่นอนดึงผ้าขวางเตียงให้ตึงเรียบและสะอาดปราศจากฝุ่นละอองเศษผงหรืออื่นๆเพื่อป้องกันการระคายเคือง
7.แนะนําญาตดูแลผิวหนังของผู้ป่วย ให้แห้งและสะอาดอยู่เสมอ ถ้าอากาศร้อนควรเช็ด ตัวและเปลี่ยนผ้าปูบ่อยๆ เพื่อลดแบคทีเรียที่อยู่บนผิวหนัง
ปรับตัวไม่ได้กับปัญหาความเจ็บป่วยที่เผชิญอยู่ เนื่องจากการสูญเสียภาพลักษณ์ บทบาทเปลี่ยนแปลงต้องพึ่งพาผู้อื่น
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถปรับตัว
ให้เข้ากับสภาพ ศักยภาพและบทบาท
เกณฑ์การประเมิน
1.ยอมรับภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลง ให้ความร่วมมือในกิจกรรม
2.การรักษาพยาบาล และสามารถช่วยตนเองได้มากขึ้น
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินแบบแผนการดำรงชีวิต บทบาท และความรับผิดชอบ ของผู้ป่วยในครอบครัว
อธิบายให้ผู้ป่วยและครอบครัว เข้าใจเกี่ยวกับการที่ไม่สามารถ ควบคุมการทำงานของร่างกายได้ตามปกติ การพูดไม่ได้ การไม่สามารถช่วยตัวเองได้ และแม้แต่ความตาย
ช่วยให้ผู้ป่วยได้ระบายปัญหาข้องใจ โดยพยาบาลจะต้องรับฟัง และ
แสดงความเห็นอกเห็นใจให้การพยาบาลด้วยความเอาใจใส่ เมื่อผู้ป่วยได้ระบายความโกรธความกลัว
ความสิ้นหวังจะทำให้ผู้ป่วยสบายใจขึ้น พยาบาลคอยปลุกปลอบประโลมใจ ให้ผู้ป่วยมีความหวังและเสริมแรงทางบวก
ให้ญาติมีส่วนในการดูแลผู้ป่วยด้านความสะอาด ร่างกาย การ ฟื้นฟูสภาพการให้อาหาร
ช่วยครอบครัวในการหาทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินชีวิตต่อไป
ส่งปรึกษานักสังคมสังเคราะห์หรือบริการให้คำปรึกษาถ้าจำเป็น
การประเมินผล
ผู้ป่วยช่วยตัวเองได้มากขึ้น และยอมรับภาพลักษณ์ บทบาทที่
เปลี่ยนแปลงและญาติให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย
การช่วยเหลือตนเองบกพร่องเนื่องจากแขน-ขาอ่อนแรงอัมพาตและเสียความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน
วัตถุประสงค์
กำลังกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ช่วยตัวเอง
ได้ดีขึ้น
เกณฑ์การประเมิน
1.เปลี่ยนท่าลุกนั่งบนเตียง และรถเข็นได้
2.ไม่มีแผลกดทับ กล้ามเนื้อเหี่ยวลีบหรือการหดรั้ง
3.ไม่มีธรอมบัสที่ขา (ขาบวมกดเจ็บ ขาบวมแดง)
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินอาการทางระบบประสาทว่า ผู้ป่วยมีข้อจำกัดในการ เคลื่อนไหวมากน้อยเพียงใด
ตรวจสอบสีผิว ความตึงตัวของผิวหนัง อุณหภูมิ คไปวามชื้น ทุก 2-4 ชั่วโมง ดูว่ามีอาการบวมแดงหรือแดงบริเวณใดบ้าง โดยเฉพาะบริเวณที่กดทับนานๆ
จัดท่าให้ผู้ป่วยนอนในท่าที่สบายและถูกต้อง ให้ศีรษะ ไหล่ สะโพก อยู่ในท่าที่ถูกต้อง
ช่วยเปลี่ยนท่านอนทุก 2 ชั่วโมง ด้านที่เป็นอัมพาตอาจจะเปลี่ยนทุก 1 ชั่วโมง และจัดให้นอนบนที่นอนที่สามารถเฉลี่ยนํ้าหนักได้ทั้งตัว เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ
มีหมอนนุ่มๆ รองตรงปุ่มกระดูก และข้อพับ ปลายเท้ามีไม้ กระดานยัน เพื่อป้องกันเท้าตก ระวังมิให้ข้อตะโพกแบะออก ซึ่งจะทำให้ไม่สุขสบายและเดินไม่ได้จัดให้มีหมอนรองให้ข้อมือ อยู่ในท่าที่ถูกต้อง คือ ข้อศอกงอเล็กน้อย ข้อมือเหยียด และให้นิ้วมือกำลูกยางนุ่มๆ และยกปลายมือให้สูงเพื่อป้องกันการบวม และช่วยให้ออกกำลังกายทุก 4-8 ชั่วโมง
กระตุ้นให้ผู้ป่วยออกกำลังกายกล้ามเนื้อส่วนที่ยังแข็งแรงอยู่ และพยาบาลช่วยออกกำลังที่อ่อนแรง ทุก 2 – 4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันกล้ามเนื้อเหี่ยวและหดรั้ง
ส่งผู้ป่วยไปฝึกการฟื้นฟูสภาพกับนักกายภาพบำบัด เมื่ออาการทั่วไปดีขึ้น และมีความพิการเหลืออยู่
รักษาความสะอาดของร่างกาย โดยเฉพาะอวัยวะสืบพันธุ์ทุกวัน
กระตุ้นให้ผู้ป่วยให้ได้รับนํ้าและอาหารเพียงพอ
สอนญาติให้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูสภาพผู้ป่วยเมื่ออาการทั่วไปดีขึ้นจะช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นเร็วขึ้น
การประเมินผล
ผู้ป่วยให้ความร่วมมือกับกิจกรรมการฟื้นฟูสภาพ สามารถลง
นั่งรถเข็นได้นานๆ ไม่มีแผลกดทับ ไม่มีกล้ามเนื้อเหี่ยวลีบ