Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความผิดปกติของการนอนหลับและการตื่น (sleep-wake disorder)…
ความผิดปกติของการนอนหลับและการตื่น (sleep-wake disorder)
ประกอบด้วย10โรค
5.ความผิดปกติจากวงจรเวลาการนอนหลับและการตื่น(circadian rhythm
Sleep-wake disorder) ทำให้การง่วงนอนเกิดขึ้นไม่เหมาะสมกับช่วงเวลาที่สามารถนอนหลับได้
6.โรคการตื่นตัวผิดปกติขณะนอนหลับในช่วงไม่มีการกลอกลูกตาอย่างรวดเร็ว(non-
Rapid eye movement sleep arousal disorder)แบ่งเป็น2ชนิดคือ ชนิดละเมอเดิน(sleep walking type) และชนิดฝันผวา(sleep terror)
4.กลุ่มโรคนอนหลับจากปัญหาการหายใจ(breating-related sleep
disorder) ผู้ป่วยขาดหายใจเป็นช่วงหรือลมหายใจลดลงจนเป็นผลให้ระดับออกซิเจนในเลือดน้อยลง
7.โรคฝันร้าย(nightmare disorder)
3.โรคลมหลับ(narcolepsy) ง่วงนอนมากเกินไป ไม่สามารถต้านทานความง่วง
ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วได้
8.โรคผิดปกติของพฤติกรรมการนอนหลับในช่วง rem sleep (rapid eye movement sleep behavior disorder) เคลื่อนไหวร่างกายตามความฝัน
2.โรคนอนหลับมากผิดปกติ(hypersomnolence disorder) มีอาการง่วงนอนหรือนอนหลับมากกว่าปกติ รู้สึกเหมือนนอนไม่พอ ไม่สดชื่น ทั้งที่ได้นอนหลับตอนกลางคืนอย่างเต็มที่ตั้งแต่7ชั่วโมงขึ้นไป
9.โรคขาอยู่ไม่สุข(restless legs syndrom)
1.โรคนอนไม่หลับ (insomnia disorder) อาการหลักได้แก่ นอนหลับยาก นอนหลับไม่สนิทหรือตื่นบ่อยๆกลางดึกหรือมีการตื่นนอนเร็วกว่าปกติ
10.โรคการนอนที่เกิดจากสารหรือยา (substance/medication-induced sleep disorder)
การรักษา
1.ยานอนหลับ ในปัจจุบันใช้ยาในกลุ่ม benzodiazepines
ผลข้างเคียง
4.ผลทางจิตเวชอื่นๆ อาจทำให้การยับยั้งหรือการควบคุมพฤติกรรมลดลง ถ้าใช้ยาเป็นเวลานานจะมีอาการวิตกกังวลและซึมเศร้า
3.ความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อสุขภาพ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
2.ผลต่อการรู้การเข้าใจ และpsychomotor ทำให้เกิดอาการง่วงนอน บกพร่องในการมองเห็นภาพ3มิติและความสนใจ
1.ความบกพร่องของความจำ
2.ยาต้านเศร้า(antidepressants)และผลต่อการนอนหลับ
ยาที่ใช้
4.nortriptyline
5.ยาในกลุ่ม ssri s (escitalopram,sertraline,fluoxetine,fluvoxamine,paroxetine)
3.imipramine
2.clomipramine
6.ยาต้านเศร้าอื่นๆ (venlafaxine,trazadone,nefazodone,mirtazapine)
1.amitriptyline
3.การแก้ไขการรู้การเข้าใจและพฤติกรรม (cognitive-behavioral therapy)
หลักการที่สำคัญ
2.ให้ความรู้เกี่ยวกับจังหวะวงจรชีวิต (circadian rhythm)
2.1พฤติกรรมที่เหมาะสมตามเวลาของการหลับและตื่น
2.2การรับแสง
1 เปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วย
1.1ให้การศึกษาเรื่อง sleep hygine
1.2ควบคุมการกระตุ้น
1.3จำกัดการนอน
3.เปลี่ยนแปลงการรู้การเข้าใจเพื่อเพิ่มความร่วมมือกับพฤติกรรมและลดภาวะการตื่นตัว
4.เข้าถึงระบบการตื่นตัว(arousal system)ผ่านการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจและมีวิธีลดความกังวล
5.เทคนิคการลดความเครียดอย่างอื่น
5.2การนวด
5.3การอบตัว
5.1การฝึกการหายใจ
5.4รสสุคนธ์บำบัด
สุขอนามัยที่ดีของการนอนหลับ (sleep-hygiene)
สิ่งที่ควรปฎิบัติ
7.ก่อนนอน ควรทำกิจกรรมสั้นๆ ให้ร่างกายทราบว่าถึงเวลาเข้านอนแล้ว เช่น ฟังดนตรีที่ผ่อนคลาย, อ่านหนังสือธรรมะ, เหยียดกล้ามเนื้อเพื่อผ่อนคลาย, ทำโยคะ, อาบน้ำอุ่น เป็นต้น
ควรหลับต่อเนื่องอย่างน้อย 6 -8 ชั่วโมง ต่อวัน และควรเข้านอนก่อนเที่ยงคืน
อาบน้ำ หรือแช่น้ำอุ่นก่อนนอนประมาณ 1 - 1½ ชั่วโมง อาจทำให้หลับดีขึ้นได้
ถ้าไม่สามารถหลับได้ หลังจากเข้านอนแล้ว เกิน 30 นาที ไม่ควรนอนอยู่บนเตียง ควรลุกขึ้นจากเตียงนอน และออกจากห้องนอน แล้วทำกิจกรรมชนิดอื่นแทน เช่น อ่านหนังสือ, รับประทานอาหารว่างเบาๆ, ทำใจสบาย ๆ หรือ ฟังวิทยุเบา ๆภายใต้แสงที่สลัว (ไม่ควรเปิดไฟสว่างจ้า) แต่ไม่ควรทำงาน หรือดูโทรทัศน์ เมื่อเกิดความง่วงแล้ว จึงเข้าไปนอนอีกครั้ง
5.หาวิธีผ่อนคลายความเครียดบ้าง
ถ้าตื่นขึ้นกลางดึก หลังเข้านอนแล้ว ไม่ควรพยายามกดดันตนเองเพื่อให้รีบนอนจนเกินไป ควรปฏิบัติตามข้อ 9
4.รับประทานอาหารว่างเบาๆ ก่อนนอน
ควรควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้มากเกินไป
ปรับท่านอนให้เหมาะสมกับตนเอง
12.ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทุกวัน
2.ห้องนอน ควรจัดบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมที่ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น
13.ควรรับประทานยาตามที่แพทย์แนะนำในแต่ละช่วงเวลา
1.รักษาความสมดุล และความสม่ำเสมอในกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ
14 .ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอกบ้าน ควรสัมผัสกับแสงอาทิตย์ หรือแสงธรรมชาติระหว่างวันบ้าง เพราะแสงดังกล่าวสามารถช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้าง melatonin ซึ่งช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น และการสัมผัสกับแสงอาทิตย์ยามเช้า ช่วยให้นาฬิกาธรรมชาติในร่างกายทราบว่าเป็นเวลาที่ควรตื่นนอน
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
5.หลีกเลี่ยงยาที่มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท, ยาขยายหลอดลม (bronchodilator) และยาแก้คัดจมูกบางชนิด (เช่น pseudoephedrine) ในช่วงก่อนนอน
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารจำนวนมาก หรืออาหารที่ย่อยยาก (เช่น เนื้อสัตว์ หรือไขมันปริมาณสูง) หรืออาหารที่มีรสเผ็ดจัด ภายใน 3 ชั่วโมงก่อนนอน
หลีกเลี่ยงการใช้สารนิโคติน (nicotine) (เช่น สูบบุหรี่ หรือยาบางชนิดที่มีสารนิโคตินเป็นส่วนประกอบ) ภายใน 4-6 ชั่วโมง ก่อนนอน
หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่หนักและหักโหม ในช่วงหัวค่ำ หรือภายใน 4-6 ชั่วโมงก่อนนอน
หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม (เช่น เหล้า, เบียร์, วิสกี้, ไวน์) ภายใน 4-6 ชั่วโมงก่อนนอน
หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดความเครียด ในช่วงเวลาใกล้นอน
หลีกเลี่ยงการบริโภคสารคาเฟอีน (caffeine)
หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำจำนวนมากก่อนนอน
หลีกเลี่ยงการใช้ยานอนหลับอย่างต่อเนื่องนานเกิน 1 เดือน
หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมอื่นๆบนเตียงนอน เช่น อ่านหนังสือ, ทำงาน, ชมภาพยนตร์ หรือดูโทรทัศน์, คุยโทรศัพท์, ฟังวิทยุ
1.ในระหว่างกลางวัน พยายามไม่งีบหลับ
การบำบัดทางการพยาบาล Nursing Intervention for Sleep Pattern Disturbance
Sleep Enhancement เป็นการเอื้อ (facilitation) ให้ผู้ป่วยได้รับการหลับได้ อย่างพอเพียงตามความต้องการ Nursing Activity
ปัจจัยเหตุหรือปัจจัยที่เกี่ยวข้อง วางแผนให้การช่วยเหลือ
อธิบายให้ผู้ป่วยถึงความจำเป็นที่ต้องได้รับการนอน ให้เพียงพอ
ลักษณะการนอนหลับ
พิจารณายาที่ผู้ป่วยได้รับมีผลต่อการนอนหลับ
ประเมินรายละเอียดรูปแบบ การนอนหลับ
สังเกตและบันทึกการนอนหลับ เช่น ชั่วโมงการนอน คุณภาพการนอน ความรู้สึกว่านอนพอเพียง สดชื่น ไม่อ่อนเพลีย ฯลฯ
ตรวจสอบรูปแบบการนอนหลับ
ปรับสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมเช่น แสง เสียง อุณหภูมิห้อง ความสุขสบายต่าง ๆ
สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้านอนได้ตามปกติ เท่าที่เป็นไปได้
เอื้อให้ผู้ป่วยได้มีการนอนตามปกติ พิจารณาช่วงเวลานอนปกติ
ช่วยจำกัดสิ่งก่อความเครียด (stressful situation) ก่อนเข้านอน
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีผลทำให้ นอนไม่หลับ
แนะนำผู้ป่วยให้เกิดการผ่อนคลายตามความเหมาะสมกับผู้ป่วย (somatic relaxation, cognitive relaxation)
จัดให้งีบหลับระหว่างวัน
เลือก เพื่อนผู้ป่วยที่มีความต้องการสภาพแวดล้อม ในการนอนคล้ายกัน
ให้ยาตามแผนการรักษา
ควบคุมสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับความสบาย เป็นการจัดการให้ผู้ป่วยมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เกิดการนอนได้อย่างพอเพียง
จำกัดผู้เข้าเยี่ยม
ป้องกันสิ่งที่จะมารบกวนการนอนที่ไม่จำเป็น ต้องยอมให้ผู้ป่วยได้นอนหลับได้อย่างต่อเนื่อง
พิจารณาสิ่งที่ทำให้ผู้ป่วยไม่สุขสบาย
ทำความสะอาดเตียงนอน และสร้างความรู้สึกปลอดภัย
ปรับอุณหภูมิห้อง เท่าที่เป็นไปได้
ปรับแสง หลีกเลี่ยงไฟส่องตา
ควบคุมเสียง เท่าที่เป็นไปได้
เอื้อให้เกิด sleep hygiene
จัดท่านอนให้สบาย ตามความเจ็บป่วยที่เหมาะสม
ดูแลผิวหนัง เช่นมีแผล มีผิวที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง