Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ผู้ที่มีความผิดปกติทางเพศ (Sexual dysfunctions (โรคในกลุ่มนี้มีดังต่อไปนี้…
ผู้ที่มีความผิดปกติทางเพศ
Sexual dysfunctions
การวินิจฉัย
1.มีอาการติดต่อกันนาน6เดือนขึ้นไป
2.อาการต้องเกิดเป็นส่วนใหญ่(ร้อยละ75-00)ในกิจกรรมทางเพศของบุคคลนั้น
3.ไม่ได้เกิดจากสาเหตุทางกายเช่นการบาดเจ็บของเส้นประสาทที่มาเลี้ยงบริเวณอุ้งเชิงกราน ไม่ได้เป็นผลของสารเสพติดหรือยา ไม่ได้เป็นอาการแสดงของโรคจิตเวชอื่นเช่นโรคซึมเศร้า
โรคในกลุ่มนี้มีดังต่อไปนี้
delayed ejaculation คืออาการหลั่งอสุจิช้าหรือไม่สามารถหลั่งอสุจิได้
Erectile Disorder คืออาการองคชาติไม่มีการแข็งตัว
Female Orgasmic Disorder คืออาการที่เพศหญิงไม่เกิดความรู้สึกถึงจุดสุดยอด
. Female Sexual Arousal Disorders คืออาการตื่นตัวทางเพศต่ำหรือกามตายด้านในหญิง
Genito-pelvic pain/penetration disorder คืออาการเจ็บบริเวณอวัยวะเพศหรือช่องท้องส่วนล่างเมื่อมีความพยายามจะสอดใส่
male hypoactive sexual desire disorder คืออาการที่เพศชายมีการลดลงหรือไม่มีความต้องการทางเพศ
premature (early) ejaculation คืออาการหลั่งอสุจิเร็วเกินไป
substance/medication-induced sexual dysfunction คืออาการที่มีความผิดปกติในด้านเพศโดยมีความเกี่ยวข้องทางช่วงเวลากับการใช้ยาหรือสารเสพติด
การรักษา
การรักษาด้วยยา ในกรณีของความผิดปกติของการแข็งตัวขององคชาต
phosphodiesterase-5 inhibitor
verdanafil
tadalafil
พฤติกรรมบำบัด เพื่อช่วยฝึกให้ผู้ป่วยบอกความต้องการในเรื่องเพศได้อย่างเหมาะสม
Paraphilic disorders
anomalous activity preference
Voyeuristic disorder (ชอบแอบมองคนเปลือยกายหรือร่วมเพศ )
Sexual Masochism disorder (พึงพอใจทางเพศจากการที่ตนเองได้รับความเจ็บปวด )
Exhibitionistic disorder (ชอบอวดอวัยวะเพศให้คนแปลกหน้า ที่ไม่ได้คาดคิด )
Sexual Sadism disorder (พึงพอใจทางเพศจากการทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด )
anomalous target preference
Pedophilic disorder (พึงพอใจกับเด็ก )
Fetishistic disorder (พึงพอใจกับวัตถุ )
Transvestic disorder (พึงพอใจใส่เครื่องแต่งกายเพศตรงข้าม)
การรักษา
การใช้ยา ใช้หลักการลดระดับ testosterone เพื่อลดกิจกรรมทางเพศ เรียกว่า chemical castration
โดยกลุ่มยาที่ใช้
antiandrogen เช่น cyproterone acetate ,medroxyprogesterone
hormonal agents เช่น long-acting gonadotropin-releasing hormone agonists,leuteinizing hormone-releasing hormone inhibitors
การรักษาด้วยจิตบำบัด
cognitive behavioral therapy
relapse prevention therapy
victimempathy
พฤติกรรมบำบัด ใช้หลักการของpositive and negative reinforcements
olfactory aversion conditioning
covert sensitization
masturbatory satiation
orgasmic reconditioning
กลุ่มบำบัด
กระบวนการพยาบาลผู้ที่มีความผิดปกติทางเพศ
ประเมินภาวะสุขภาพ 11 แบบแผน
การปฏิบัติทางการพยาบาล
ก่อนการเริ่มกิจกรรมพยาบาล พยาบาลไม่เพียงแต่ต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศศึกษาอย่างถูกต้อง แต่สิ่งสำคัญคือพยาบาลต้องมีเจตคติที่ดีในเรื่องเพศ
สร้างสัมพันธภาพด้วยท่าทีที่ยอมรับ เข้าใจ และพร้อมที่จะรับฟังผู้ป่วย ไม่ให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าอาย
ให้ความสำคัญกับปัญหาปัจจุบันของผู้ป่วยก่อน เนื่องจากผู้ที่มีความผิดปกติทางเพศ มักเข้ามารับการรักษาทางจิตเวชด้วยปัญหาทางจิตใจ เช่น วิตกกังวล นอนไม่หลับ ภาวะซึมเศร้า หรือ พยายามทำร้ายตนเอง ดังนั้นพยาบาลควรให้การพยาบาลในเรื่องเหล่านี้ก่อน
แนะแนวทางให้ผู้ป่วยได้รับข้อมูลในเรื่องเพศศึกษาอย่างถูกวิธี เช่น จากการอ่านหนังสือที่เขียนโดยแพทย์หรือผู้ทรงคุณวุฒิด้านเพศศึกษา
ให้ความรู้ผู้ป่วยเกี่ยวกับความผิดปกติทางเพศ ถึงสาเหตุ อาการ และการบำบัดรักษาตลอดจนวิธีการประเมินความแปรปรวน ทั้งทางร่างกายและจิตใจที่เกิดขึ้น เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเขา และสามารถที่จะรู้ได้ว่าอาการใดเป็นสิ่งที่บอกว่าเขามีปัญหาทางเพศ
แนะนำผู้ป่วยให้รู้จักการสื่อสารอย่างเหมาะสม และให้โอกาสผู้ป่วยได้ฝึกทักษะการมีสัมพันธภาพ โดยสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวย ให้กำลังใจและให้แรงเสริม
. ช่วยผู้ป่วยประเมินความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกับความกลัว ความวิตกกังวล หรือการเกิดภาวะซึมเศร้า ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับปัญหาทางเพศ โดยเปิดโอกาสให้เขาได้พูดเล่าหรือระบายออก ได้คลายเครียดเช่นการบริหารการหายใจ
ช่วยเสริมสร้างความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองของผู้ป่วยที่สัมพันธ์กับเรื่องเพศ โดยให้ผู้ป่วยได้พูดถึงตนเองในด้านบวก
Gender dysphoria
การวินิจฉัย
ผู้ป่วยรู้สึกว่าตนเองเป็นอีกเพศหนึ่ง ซึ่งแตกต่างกับเพศที่ถูกกำหนดมาแต่กำเนิด โดยมีระยะเวลาไม่ต่ำกว่า6เดือน
ภาวะในข้อ1ทำให้ผู้ป่วยทุกข์ใจอย่างมากหรือส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตด้านต่างๆ
การดูแลรักษา
หากตรวจพบโรคทางกายหรือความผิดปกติของพัฒนาการต้องส่งปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
ส่งเสริมพัฒนาการทางเพศตามปกติ
กรณีเป็นผู้ที่มีภาวะรักร่วมเพศที่ผ่านขั้นตอนตามข้อ1-2แล้ว ให้ความรู้ความเข้าใจ การปรับตัว การแสดงออกในสังคม การทำความเข้าใจตนเอง
หลังจากรักษาเบื้องต้นทางจิตใจและสังคมแล้ว ผู้ป่วยยังคงต้องการแปลงเพศ จิตแพทย์จะให้ความรู้เรื่องโรคและการแปลงเพศ ให้คำปรึกษาผู้ป่วยและครอบครัว จากนั้นจะให้ผู้ป่วยทดลองใช้ชีวิตแบบเพศใหม่ 1 ปี ระหว่างนี้ผู้ป่วยจะกินฮอร์โมนเพศไปด้วย หากผู้ป่วยยังคงไม่เปลี่ยนใจ จะปรึกษาจิตแพทย์คนที่2เพื่อการวินิจฉัยโรค หากพบว่าผู้ป่วยไม่มีปัญหาทางจิตเวชใดๆ แล้วจึงปรึกษาแพทย์ผู้ผ่าตัดแปลงเพศต่อไป