Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์พ.ศ. ๒๕๔๔ (พระราชบัญญัติที่ต…
พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทาง
อิเล็กทรอนิกส์พ.ศ. ๒๕๔๔
หมวด ๑
ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
มาตรา ๑๘
ผู้รับข้อมูลชอบที่จะถือว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับแต่ละชุดเป็นข้อมูลที่แยกจากกัน และสามารถดําเนินการไปตามข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์แต่ละชุดนั้นได้
มาตรา ๒๙
ต้องมีการตอบแจ้งการรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าผู้ส่งข้อมูลได้ร้องขอหรือตกลงกับผู้รับข้อมูลไว้ก่อนหรือขณะที่ส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือปรากฏในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์
มาตรา ๑๗
ในระหว่างผู้ส่งข้อมูลและผู้รับข้อมูล ผู้รับข้อมูลมีสิทธิถือว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับนั้นถูกต้องตามเจตนาของผู้ส่งข้อมูลและสามารถดําเนินการไปตามข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นได้
มาตรา ๒๐
ในกรณีที่ผู้ส่งข้อมูลได้รับการตอบแจ้งการรับจากผู้รับข้อมูล ให้สันนิษฐานว่าผู้รับข้อมูลได้รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องแล้ว
มาตรา ๑๖
ผู้รับข้อมูลชอบที่จะถือว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เป็นของผู้ส่งข้อมูลและชอบที่จะดําเนินการไปตามข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นได้
มาตรา ๒๑
กรณีที่ปรากฏในการตอบแจ้งการรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้รับข้อมูลได้รับเป็นไปตามข้อกําหนดให้สันนิษฐานว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งไปนั้นได้เป็นไปตามข้อกําหนดทางเทคนิคทั้งหมดแล้ว
มาตรา ๑๕
บุคคลใดเป็นผู้ส่งข้อมูลไม่ว่าจะเป็นการส่งโดยวิธีใด ให้ถือว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เป็นของผู้นั้น
มาตรา ๒๒
การส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ถือว่าได้มีการส่งเมื่อ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นได้เข้าสู่ระบบข้อมูลที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของผู้ส่งข้อมูล
มาตรา ๑๔
ในระหว่างผู้ส่งข้อมูลและผู้รับข้อมูล การแสดงเจตนาหรือคําบอกกล่าวอาจทําเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้
มาตรา ๒๓
การรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ถือว่ามีผลนับแต่เวลาที่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นได้เข้าสู่ระบบข้อมูลของผู้รับข้อมูล
มาตรา ๑๓
คําเสนอหรือคําสนองในการทําสัญญาอาจทําเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้และห้ามมิให้ปฏิเสธการมีผลทางกฎหมายของสัญญาเพียงเพราะเหตุที่สัญญานั้นได้ทําคําเสนอหรือคําสนองเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
มาตรา ๒๔
การส่งหรือการรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ถือว่า ได้ส่ง ณ ที่ทําการงานของผู้ส่งข้อมูล หรือได้รับ ณ ที่ทําการงานของผู้รับข้อมูล แล้วแต่กรณี
มาตรา ๑๒/๑
ให้นําบทบัญญัติในมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๑ และมาตรา ๑๒ มาใช้บังคับกับเอกสารหรือข้อความที่ได้มีการจัดทําหรือแปลงให้อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในภายหลังด้วย
มาตรา ๒๕
ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ใดที่ได้กระทําตามวิธีการแบบปลอดภัยที่กําหนดในพระราชกฤษฎีกา ให้สันนิษฐานว่าเป็นวิธีการที่เชื่อถือได้
มาตรา ๑๒
ได้เก็บรักษาข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นอยู่ในขณะที่สร้าง
ได้เก็บรักษาข้อความส่วนที่ระบุถึงแหล่งกําเนิด ต้นทาง และปลายทางของข้อมูล
ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นสามารถเข้าถึงและนํากลับมาใช้ได้โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง
กฎหมายกําหนดให้เก็บรักษาเอกสารหรือข้อความใดถ้าได้เก็บรักษาในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑๑
ห้ามมิให้ปฏิเสธการรับฟังข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เป็นพยานหลักฐานในกระบวนการพิจารณาตามกฎหมายทั้งในคดีแพ่ง คดีอาญา หรือคดีอื่นใด เพียงเพราะเหตุว่าเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
ในการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จะเชื่อถือได้หรือไม่เพียงใดนั้นให้พิเคราะห์ถึงความน่าเชื่อถือของลักษณะหรือวิธีการที่ใช้สร้าง
มาตรา ๑๐
สามารถแสดงข้อความนั้นในภายหลังได้
ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้ใช้วิธีการที่เชื่อถือได้
กฎหมายกําหนดให้นําเสนอข้อความใดในสภาพที่เป็นมาแต่เดิมในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
มาตรา ๙
ใช้วิธีการที่สามารถระบุตัวเจ้าของลายมือชื่อ และสามารถแสดงได้ว่าในกรณีที่บุคคลพึงลงลายมือชื่อในหนังสือ ให้ถือว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีการลงลายมือชื่อแล้ว ถ้าเจ้าของลายมือชื่อรับรองข้อความในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นว่าเป็นของตน และ
วิธีการดังกล่าวเป็นวิธีการที่เชื่อถือได้โดยเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของการสร้างหรือส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยคํานึงถึงพฤติการณ์แวดล้อมหรือข้อตกลงของคู่กรณี
มาตรา ๘
กรณีที่กฎหมายกําหนดให้การใดต้องทําเป็นหนังสือ ถ้าได้มีการจัดทําข้อความขึ้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ให้ถือว่าข้อความนั้นได้ทําเป็นหนังสือมาแสดงแล้ว
กรณีที่กฎหมายกําหนดให้ต้องมีการปิดอากรแสตมป์หากได้มีการชําระเงินแทนให้ถือว่าหนังสือได้มีการปิดอากรแสตมป์และขีดฆ่าตามกฎหมายนั้นแล้ว
มาตรา ๗
ห้ามมิให้ปฏิเสธความมีผลผูกพันและการบังคับใช้ทางกฎหมายของข้อความใดเพียงเพราะเหตุที่ข้อความนั้นอยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
หมวด ๒
ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
มาตรา ๒๘
ในกรณีมีการให้บริการออกใบรับรองเพื่อสนับสนุนลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้มีผลทางกฎหมายเสมือนหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ให้บริการออกใบรับรองต้องดําเนินการ
มาตรา ๒๙
ในการพิจารณาความเชื่อถือได้ของระบบให้คํานึงถึงสถานภาพทางการ คุณภาพของระบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ วิธีการออกใบรับรอง
มาตรา ๒๗
แจ้งให้บุคคลที่คาดหมายได้โดยมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะกระทําการทราบโดยมิชักช้า ใช้ความระมัดระวังตามสมควรเพื่อมิให้มีการใช้ข้อมูลสําหรับใช้สร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต การออกใบรับรองสนับสนุนการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์จะต้องใช้ความระมัดระวังตามสมควรให้แน่ใจในความถูกต้องและสมบูรณ์
มาตรา ๓๐
คู่กรณีที่เกี่ยวข้องต้องดําเนินการตามสมควรในการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในกรณีลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์มีใบรับรอง ต้องมีการดําเนินการตามสมควร
มาตรา ๒๖
ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ให้ถือว่าเป็นลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้
มาตรา ๓๑
ใบรับรองหรือลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้ถือว่ามีผลทางกฎหมายโดยไม่ต้องคํานึงถึงสถานที่ออกใบรับรอง สถานที่ทําการงานของผู้ออกใบรับรอง
หมวด ๓
ธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทาง
อิเล็กทรอนิกส์
มาตรา ๓๓
ในกรณีที่มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้การประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ใดเป็นกิจการที่ต้องแจ้งให้ทราบ หรือต้องขึ้นทะเบียน
มาตรา ๓๔
ในกรณีที่มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้การประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์กรณีใดเป็นกิจการที่ต้องได้รับใบอนุญาต
มาตรา ๓๒
บุคคลย่อมมีสิทธิประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
หมวด ๔
ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ
มาตรา ๓๕
คําขอ การอนุญาต การจดทะเบียน คําสั่งทางปกครอง การชําระเงิน การประกาศ หรือการดําเนินการใดๆ ตามกฎหมายกับหน่วยงานของรัฐหรือโดยหน่วยงานของรัฐ ถ้าได้กระทําในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ให้นําพระราชบัญญัตินี้มาใช้บังคับและให้ถือว่ามีผล
หมวด ๕
คณะกรรมการธุรกรรมทาง
อิเล็กทรอนิกส์
มาตรา ๔๐
ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตําแหน่ง ให้ถือว่าคณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการเท่าที่เหลืออยู่ และให้ดําเนินการแต่งตั้งกรรมการใหม่แทนภายในหกสิบวันนับแต่วันที่กรรมการพ้นจากตําแหน่ง
มาตรา ๔๑
การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนทั้งหมด ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมให้คณะกรรมการเลือกกรรมการคนหนึ่งทําหน้าที่ประธาน การวินิจฉัยชี้ขาดให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
มาตรา ๓๙
นอกจากการพ้นจากตําแหน่งตามวาระ
ตามมาตรา ๓๘ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
พ้นจากตําแหน่ง เมื่อ
เป็นคนไร้ความสามารถหรือคน
เสมือนไร้ความสามารถ
ได้รับโทษจําคุก
ประพฤติเสื่อมเสีย บกพร่อง หรือ
ไม่สุจริตหรือหย่อนความสามารถ
ลาออก
ตาย
มาตรา ๔๒
คณะกรรมการมีอํานาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อ
พิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดแทนคณะ
กรรมการก็ได้
มาตรา ๓๘
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดํารงตําแหน่งสามปีกรรมการซึ่งพ้นจากตําแหน่งอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้แต่ไม่เกินสองวาระติดต่อกัน
มาตรา ๔๒/๑
ให้คณะกรรมการได้รับเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกําหนด
มาตรา ๓๗
เสนอแนะหรือให้คําปรึกษาต่อรัฐมนตรีเพื่อการตราพระราชกฤษฎีกาตาม
พระราชบัญญัตินี้
ติดตามดูแลการประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อวางนโยบายการส่งเสริมและพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ตลอดจนการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่เกี่ยวข้อง
ปฏิบัติการอื่นใดเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น
ออกระเบียบหรือประกาศเกี่ยวกับลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
ให้คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มีอํานาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
มาตรา ๔๓
ให้จัดตั้งสํานักงานคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนราชการในสํานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ทําหน้าที่เป็นหน่วยงานธุรการของคณะกรรมการ
มาตรา ๓๖
ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์” ทั้งนี้ผู้ทรงคุณวุฒิคนหนึ่งของแต่ละด้านต้องมาจากภาคเอกชน และให้หัวหน้าสํานักงานคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นกรรมการและเลขานุการ
หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาและการเสนอชื่อบุคคลที่เห็นสมควรต่อคณะรัฐมนตรีให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด
ให้เลขานุการแต่งตั้งผู้ช่วยเลขานุการอีกไม่เกินสองคน
หมวด ๖
บทกําหนดโทษ
มาตรา ๔๕
ผู้ใดประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามมาตรา ๓๔ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา ๔๖
บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่กระทําโดยนิติบุคคล ผู้จัดการหรือผู้แทนนิติบุคคลหรือผู้ซึ่งมีส่วนร่วมในการดําเนินงานของนิติบุคคล ต้องรับผิดในความผิดนั้นด้วยเว้นแต่พิสูจน์ได้ว่า
ตนมิได้รู้เห็นหรือมีส่วนร่วมในการกระทําความผิดนั้น
มาตรา ๔๔
ผู้ใดประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่แจ้งหรือขึ้นทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
พระราชบัญญัติที่ตราขึ้นไว้โดยคําแนะนํา
และยินยอมของรัฐสภา
มาตรา ๑
พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์พ.ศ. ๒๕๔๔”
มาตรา ๒
พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนดหนึ่งร้อย
ยี่สิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓
พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับแก่ธุรกรรมในทางแพ่งและพาณิชย์ที่ดําเนินการโดยใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เว้นแต่ธุรกรรมที่มีพระราชกฤษฎีกากําหนดมิให้นำพระราชบัญญัตินี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนมาใช้บังคับ
มาตรา ๔
ในพระราชบัญญัตินี้ “ธุรกรรม” หมายความว่า การกระทําใดๆ ที่เกี่ยวกับกิจกรรมในทางแพ่งและพาณิชย์หรือในการดําเนินงานของรัฐตามที่กําหนดในหมวด ๔
"อิเล็กทรอนิกส์”
หมายความว่า การประยุกต์ใช้วิธีการทางอิเล็กตรอน ไฟฟ้า-คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
“ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์”
หมายความว่า ธุรกรรมที่กระทํา
ขึ้นโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน
“ข้อความ”
หมายความว่า เรื่องราวหรือข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะปรากฏในรูปแบบของตัวอักษร ตัวเลข เสียง ภาพ
“ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์”
หมายความว่า ข้อความที่ได้สร้าง ส่ง รับ เก็บรักษา หรือประมวลผลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
“ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์”
หมายความว่า อักษร อักขระ ตัวเลข เสียงหรือสัญลักษณ์อื่นใดที่สร้างขึ้นให้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
“ระบบข้อมูล”
หมายความว่า กระบวนการประมวลผลด้วยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์สําหรับสร้าง ส่ง รับ เก็บรักษา หรือประมวลผลข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
“การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์”
หมายความว่า การส่งหรือรับข้อความด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
“ผู้ส่งข้อมูล”
หมายความว่า บุคคลซึ่งเป็นผู้ส่งหรือสร้างข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก่อนจะมีการเก็บรักษาข้อมูลเพื่อส่งไปตามวิธีการที่ผู้นั้นกําหนด
“ผู้รับข้อมูล”
หมายความว่า บุคคลซึ่งผู้ส่งข้อมูลประสงค์จะส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้และได้รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น
“บุคคลที่เป็นสื่อกลาง”
หมายความว่า บุคคลซึ่งกระทําการในนามผู้อื่นในการส่ง รับ หรือเก็บรักษาข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
“ใบรับรอง”
หมายความว่า ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือการบันทึกอื่นใด ซึ่งยืนยันความเชื่อมโยงระหว่างเจ้าของลายมือชื่อกับข้อมูลสําหรับใช้สร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
“เจ้าของลายมือชื่อ”
หมายความว่า ผู้ซึ่งถือข้อมูลสําหรับใช้สร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์และสร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์นั้นในนามตนเองหรือแทนบุคคลอื่น
“คู่กรณีที่เกี่ยวข้อง”
หมายความว่า ผู้ซึ่งอาจกระทําการใดๆ โดยขึ้นอยู่กับใบรับรองหรือลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
“หน่วยงานของรัฐ”
หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม ส่วนราชการ
“คณะกรรมการ”
หมายความว่า คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
“รัฐมนตรี”
หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๕
บทบัญญัติมาตรา ๑๓ ถึงมาตรา ๒๔ และบทบัญญัติมาตรา ๒๖ ถึงมาตรา ๓๑ จะตกลงกันเป็นอย่างอื่นก็ได้
มาตรา ๖
ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้