Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
(1.เตรียมพื้นที่สำหรับเลี้ยงกระต่าย, • เลี้ยงในบ้าน, หากเพื่อนๆ…
-
-
-
หากเพื่อนๆ ที่คิดจะเลี้ยงเจ้ากระต่ายไว้ในบ้าน การเลือกกรงก็เป็นส่วนที่สำคัญมากเลยนะคะ เพราะว่ากรงที่เราเลือกนั้นต้องมีขนาดใหญ่กว่าตัวของเจ้ากระต่าย ยิ่งใหญ่เท่าไหร่ยิ่งดี ส่วนพื้นของกรงควรเลือกกรงที่ดูแลง่าย ควรเลือกใช้วัสดุที่ทำจากลวด หรือสแตนเลส ไม่ควรเลือกวัสดุที่หุ้มด้วยพลาสติก เพราะเขาอาจจะกัดแทะวัสดุจนเป็นอันตรายได้นั่นเองค่ะ ห้ามเลี้ยงในตู้กระจกเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้เขามีอากาศถ่ายเทไม่เพียงพอ เสี่ยงที่จะเสียชีวิตได้ ในส่วนของถาดรองควรเป็นพลาสติกที่แข็ง เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด สำหรับเพื่อนๆ ที่เลี้ยงกระต่ายไว้ในบ้านนั้น จะต้องทำความสะอาดกรง และถาดรองทุกวันด้วยนะคะ
-
สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการเลี้ยงเจ้ากระต่ายนอกบ้าน ควรเลือกกรงชนิดที่ออกแบบให้เหมาะสมกับบริเวณบ้าน ภูมิอากาศ หลังคาควรจะเป็นแบบเปิดปิดได้ กันแดดกันฝนได้เป็นอย่างดี และมีขนาดใหญ่ เพราะจะได้มีพื้นที่ให้กระต่ายวิ่งเล่นมากขึ้น ไม่ทำให้เขารู้สึกอึดอัด ส่วนพื้นควรรองด้วยฟาง หรือหญ้าแห้งเพื่อไว้สำหรับให้เขาสามารถนอนได้ ที่สำคัญคือ ในช่วงฤดูหนาวให้ระวังการวางกรงไว้ในพื้นที่ที่มีลมโกรก เพราะอาจทำให้กระต่ายล้มป่วยได้ ฉะนั้นควรวางกรงให้ห่างจากจุดที่มีลมโกรกแรงสักนิด และมีหญ้าเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับกระต่ายด้วยนะคะ
-
-
-
อาหารหลักของกระต่ายก็คือ หญ้า ซึ่งก็มีหลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น หญ้าขน หญ้าทิมโมธี แพงโกล่า และหญ้าอัลฟาฟ่า ในกระต่ายที่มีอายุไม่เกิน 6 เดือน สามารถผสมอาหารเม็ดให้กินรวมกับหญ้าได้ แต่ควรให้ในปริมาณที่พอดี ไม่มากจนเกินไป เพราะจะทำให้กระต่ายอ้วน ไม่แข็งแรง ส่วนกระต่ายที่อายุ 7 เดือนขึ้นไป เพื่อนๆ ควรเริ่มจำกัดการให้อาหารเม็ด ให้เสริมได้เป็นบางครั้งคราว และเลือกอาหารเม็ดชนิดที่มีโปรตีน กากใยสูง และไขมันไม่สูง
-
สำหรับน้ำเป็นสิ่งจำเป็นมาก เราต้องมีน้ำสะอาดไว้ในกรงให้กระต่ายกินตลอดเวลา ควรจะใส่ขวดที่มีจุกน้ำแบบหลอดท่อแอร์ หรือแบบที่มีลูกปืน เพราะถ้าให้แบบอ่าง กระต่ายอาจจะนำปากลงไปกิน ทำให้จมูกเปียก เสี่ยงต่อการเป็นหวัดได้ และควรทำความสะอาดขวดน้ำบ้าง อย่าให้สกปรกจนเกินไปนะคะ
-
-
โดยทั่วไปแล้วเจ้ากระต่ายนั้นเป็นสัตว์ที่ตกใจง่ายมาก หากเพื่อนๆ ต้องการที่จะอุ้มเจ้าหูยาวขนนุ่มมากอดแล้วล่ะก็… เราจะต้องทำให้เค้ารู้สึกผ่อนคลายโดยการลูบขนเค้าเบาๆ จากนั้นเอามือสอดเข้าไปใต้ท้องแล้วดึงเข้ามาแนบลำตัว แต่ต้องระวังสักหน่อย อย่าให้เจ้ากระต่ายกระโดดลงมาจากตัก หรือพลัดหลุดมือนะคะ เพราะจะทำให้เจ้ากระต่ายได้บาดเจ็บได้ อ้อ..แล้วเราก็ไม่ควรจับกระต่ายโดยการหิ้วหูนะคะ เพราะนอกจากจะทำให้เค้ารู้สึกเจ็บแล้ว ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้หูของเค้าตกอีกด้วย
-
-
การทำความสะอาดเจ้าหูยาวขนฟู เพื่อนๆ ควรใช้ผ้าชุบน้ำแล้วเช็ดทำความสะอาดค่ะ นี่คือการทำความสะอาดสำหรับเจ้ากระต่ายน้อยที่มีอายุต่ำกว่า 3 เดือน แต่พอหลังจาก 3 เดือน ไปแล้วก็สามารถอาบน้ำได้ โดยการเตรียมน้ำใส่กะละมังไว้ บีบหูเพื่อไม่ให้น้ำเข้า จากนั้นเราก็ใช้น้ำรดตัวกระต่าย และใช้แชมพูฟอกให้ทั่วตัว สามารถใช้แชมพูของน้องหมา หรือแชมพูเด็กก็ได้นะคะ แต่ห้ามใช้แชมพูสำหรับผู้ใหญ่ เพราะอาจทำให้ขนร่วงได้ เสร็จแล้วล้างน้ำให้สะอาด ใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง หากเป็นพันธุ์ขนยาวก็ควรใช้ไดร์เป่า (ใช้ลมเย็น) และอย่าลืมหวีขนให้เค้าด้วยล่ะ
-
-
การตัดเล็บกระต่ายนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เราควรให้ความสำคัญเช่นกันค่ะ ถ้าหากปล่อยให้เล็บของเค้ายาวเกินไป เวลาเขาวิ่งอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ รวมทั้งยังเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคอีกด้วย เพราะฉะนั้นเราควรมีกรรไกรไว้สำหรับตัดเล็บ ใช้ของคนหรือของน้องหมาก็ได้ค่ะ ควรตัดต่ำกว่าเส้นสีชมพูลงมาหน่อย เพราะหากตัดเข้าไปที่เส้นสีชมพูพอดิบพอดี ก็จะเป็นการตัดเข้าเนื้อของเขาได้ ซึ่งตรงจุดนั้นมีเส้นเลือดหล่อเลี้ยงอยู่ หากเราตัดไปโดนอาจจะทำให้เลือดไหล และทำให้กระต่ายเจ็บ (เพราะงั้นควรต้องระวังกันสักหน่อยนะ)
-
-
หากเราจะฝึกกระต่ายให้ขับถ่าย นี่ก็คงเป็นเรื่องที่คุณอาจจะต้องใช้ความอดทนสักหน่อยค่ะ ควรให้เวลากับเจ้ากระต่ายทำความเคยชินกับกระบะขับถ่ายสักนิดนะคะ โดยเฉพาะกระต่ายที่ติดนิสัยขับถ่ายไม่เป็นที่ด้วยแล้วล่ะก็ ในกรณีแบบนี้หากคุณสังเกตเห็นว่าเจ้ากระต่ายตัวแสบกำลังจะฉี่ หรืออึ ก็ให้รีบอุ้มมาวางบนกระบะทันที ทำแบบนี้ไปสักพักจนเจ้ากระต่ายตัวแสบเริ่มชิน ต่อไปเราก็ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าเขาจะอึ และฉี่ไม่เป็นที่แล้วจ้า
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องราวของเจ้าหูยาวขนฟูตัวน้อย ที่เพื่อนๆ บางคนอาจกำลังตกหลุมรักเพราะความน่ารัก เลี้ยงง่าย และกินง่ายของเขา แต่สิ่งที่คุณควรทำความเข้าใจอีกสักนิดก็คือ เจ้ากระต่ายเนี่ยไม่ใช่สัตว์ที่เลี้ยงเพียงแค่เอาไว้ดูเล่นนะ จึงไม่ควรปล่อยให้เขาอยู่ในกรงตลอดเวลา เพราะอาจทำให้เขาเกิดความเครียด และเกิดอาการป่วยได้ เมื่อคุณนำมาเลี้ยงแล้วก็ควรที่จะเอาใจใส่ ดูแล และให้ความสำคัญกับพวกมันมากๆ ด้