Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลบุคคลที่มีปัญหาด้านการรับประทานอาหาร (สาเหตุ (ปัจจัยทางชีววิทยา…
การพยาบาลบุคคลที่มีปัญหาด้านการรับประทานอาหาร
Anorexia nervosa
เกณฑ์การวินิจฉัย
A. การจำกัดปริมาณพลังงานที่สัมพันธ์กับความต้องการ นำไปสู่น้ำหนักตัวที่ต่ำอย่างมีนัยสำคัญในบริบทของ อายุ เพศวิถี การพัฒนาการตามวัยและสุขภาพร่างกาย น้ำหนักต่ำอย่างมีนัยสำคัญถูกกำหนดให้เป็นน้ำหนักที่น้อยกว่าปกติเล็กน้อยหรือสำหรับเด็กและวัยรุ่นน้อยกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย
B. ความกลัวที่เพิ่มขึ้นของการเพิ่มน้ำหนักหรือกลายเป็นไขมันหรือพฤติกรรมถาวรที่รบกวนการเพิ่มน้ำหนักแม้ว่าจะมีน้ำหนักต่ำอย่างมีนัยสำคัญ
C. การรบกวนในลักษณะที่น้ำหนักหรือรูปร่างของร่างกายเป็นประสบการณ์มีอิทธิพลต่อน้ำหนักตัวหรือรูปร่างที่ไม่เหมาะสมต่อการประเมินตนเองหรือการขาดการรับรู้ถึงความร้ายแรงของน้ำหนักตัวต่ำในปัจจุบัน
Bulimia nervosa
เกณฑ์การวินิจฉัย
A ในช่วงที่มีการรับประทานอาหารมากขึ้น มีลักษณะ 2 อย่างดังนี้
การรับประทานในระยะเวลาที่ไม่ต่อเนื่อง (เช่น: ภายในระยะเวลา 2 ชั่วโมง) จำนวนอาหารที่มีปริมาณมากกว่าสิ่งที่คนส่วนใหญ่จะกินในระยะเวลาเดียวกันภายใต้สถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน
ความรู้สึกขาดการควบคุมการกินในแต่ละช่วง
B. พฤติกรรมการชดเชยที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้นซ้ำ ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเช่นการอาเจียนด้วยตนเอง การใช้ยาระบาย ยาขับปัสสาวะหรือยาในทางที่ผิด การอดอาหาร หรือออกกำลังกายมากเกินไป
C. การกินและพฤติกรรมการชดเชยที่ไม่เหมาะสมทั้งคู่ เกิดขึ้นโดยเฉลี่ยอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งเป็นเวลาสามเดือน
D. การประเมินตนเองนั้นได้รับอิทธิพลจากรูปร่างและน้ำหนักอย่างไม่เหมาะสม
E. ความผิดปกติไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในช่วงที่มีอาการAnorexia Nervosa
สาเหตุ
ปัจจัยทางชีววิทยา (Biological factors)
-พันธุกรรม
-ขนาดของ ventricles ใหญ่กว่าปกติ ปริมาณของสารสื่อประสาทหลายชนิดในน้ำไขสันหลังผิดปกติ
ปัจจัยทางจิตสังคม (Psychosocial factors)
-พัฒนาการทางด้านจิตใจ
-มีบุคลิกลักษณะแบบย้ำคิด (obsessiveness) และเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ (perfectionism)
-สื่อมวลชนและแฟชั่น
การบำบัดรักษา
• 1.การรักษาด้วยยา (Psychopharmacology) ยารักษาอาการเศร้า ชนิด Tricyclics และ SSRIs ใช้ได้ดีทั้งผู้ป่วยที่มีหรือไม่มีอาการซึมเศร้า
• 2. การรักษาด้วยสิ่งแวดล้อม (Milieu therapy) สิ่งแวดล้อมต้องคำนึงถึงความปลอดภัย สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมบำบัด
• 3. จิตบำบัด (Psychotherapy) มุ่งให้ผู้ป่วยรู้ถึงความสัมพันธ์ทางจิตใจกับปัญหาการกินที่ผิดปกติ
• 4. ครอบครัวบำบัด (Family therapy) ช่วยให้เกิดสัมพันธภาพที่ดี มีการส่งเสริมให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และร่วมกันวางแผนการดำเนินชีวิตที่เหมาะสมในครอบครัว
• 5. พฤติกรรมบำบัด (Behavior therapy) เป็นการปรับพฤติกรรมการกินอาหารของผู้ป่วยให้เป็นไปตามปกติ ให้ผู้ป่วยรับรู้ความก้าวหน้าของการเพิ่มของน้ำหนักตัว และสภาพความแข็งแรงของร่างกาย ตลอดจนการให้แรงเสริมทางบวกเมื่อผู้ป่วยกินอาหารได้อย่างเหมาะสม เพื่อเกิดการเรียนรู้ที่ถูกต้อง