Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความสัมพันธ์ของสภาพทางภูมิศาสตร์บนโลกกับความหลากหลายของไบโอม…
ความสัมพันธ์ของสภาพทางภูมิศาสตร์บนโลกกับความหลากหลายของไบโอม และยกตัวอย่างไบโอมชนิดต่าง ๆเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน
จุดเด่น
ยอดดอยอินทนนท์ ถือเป็นจุดสูงที่สุดในประเทศไทย จึงได้รับการขนานนามว่าเป็น “หลังคาแห่งดินแดนสยาม” ความอลังการของผืนป่าที่ได้ชื่อว่าอยู่ ณ ปลายสุดแห่งเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งเริ่มต้นจากประเทศเนปาล ทำให้เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน อุดมไปด้วยเสน่ห์แห่งป่าดิบเขาระดับสูง ต้นไม้ใหญ่ถูกห่อหุ้มด้วยพืชพรรณเล็กๆ ทั่วทั้งต้น สลับกับทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์ไกลสุดสายตา
สิ่งที่ห้ามพลาดคือ “กุหลาบพันปี” ยืนต้นตระหง่านบริเวณ ผาแง่มน้อย ออกดอกสีแดงช่วงเดือนธันวาคมถึงพฤษภาคม รวมถึง “กวางผา” สัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ และ “นกกินปลีหางเขียว” ชนิดย่อย angkanensis ซึ่งเป็นนกประจำถิ่น พบได้เฉพาะที่ยอดดอยอินทนนท์ ถือเป็นแรงดลใจที่ทำให้ผู้มาเยือนต่างหลงใหลในผืนป่าแห่งนี้
-
สภาพเส้นทาง
เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน มีลักษณะเป็นวงรอบ ระยะทาง 3 กิโลเมตร แต่มีสถานีศึกษาถึง 21 จุด เริ่มต้นจากป่าดิบเขาในฝั่งด้านทิศตะวันตกไปจนถึงบริเวณสันกิ่ว จากนั้นจะเป็นทางเดินลาดขันลงไปทางทิศใต้ ก่อนวกกลับขึ้นเขาไปทางทิศตะวันออก จนมาบรรจบกับทางเดินเข้า สภาพเส้นทางบางช่วงเป็นทางเดินลาดสันเขา บางช่วงเป็นทางเดินขึ้นและลงเขา แต่เป็นระยะสั้นๆ ภายในเส้นทางมีป้ายสื่อความหมาย ป้ายผังบริเวณ สะพานข้ามห้วย และทางเดินที่ชัดเจน ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง นักท่องเที่ยวสามารถลงทะเบียนที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวใกล้กับจุดเริ่มต้นเดินเท้า ต้องมีมัคคุเทศท้องถิ่นชาวไทยภูเขานำทาง คิดค่าใช้จ่าย 200 บาทต่อกลุ่ม (นักท่องเที่ยวไม่เกิน 12 คน)
-
ออกเดินทาง
บรรยากาศที่จะได้สัมผัสในช่วงแรกคือ พรรณไม้ใหญ่ในป่าดิบเขาระดับสูง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัว บริเวณนี้คือ สถานที่ตั้งสถานีธรรมชาติ “ป่าเมฆ” หรือบางคนเรียกว่า “ป่าใส่เสื้อ” เพราะตามลำต้นของต้นไม้จะถูกห่อหุ้มด้วยบรรดามอส เฟิร์น ไลเคน และฝอยลม อิงแอบอยู่ตามกิ่งก้านและลำต้น ภาพของป่าที่เห็นในขณะนี้เปรียบเสมือนย้อนกลับไปยังยุคโบราณกาล ป่าดิบเขาระดับสูงแห่งนี้ สูงกว่า 2,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในพื้นที่สูงสภาพอากาศจะชื้นตลอดปี เรือนยอดที่หนาแน่นของไม้ใหญ่จะกางกั้นไม่ให้แสงแดดส่องถึงพื้นล่าง พืชเล็กๆ จึงได้อาศัยความชุ่มชื้นจากเมฆหมอกที่ปกคลุม กลั่นตัวเป็นหยดน้ำมาหล่อเลี้ยงสรรพชีวิต โดยเฉพาะฝอยลมซึ่งเติบโตได้ดีในเฉพาะที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ จึงเป็นดัชนีชื้วัดคุณภาพอากาศของที่นี่
เดินเรื่อยมาจนถึงสถานีธรรมชาติ “ป่าต้นน้ำ กำเนิดสายธาร” จะพบลำน้ำใสสะอาด หนึ่งในต้นกำเนิดลำน้ำปิงที่หล่อเลี้ยงผู้คนเบื้องล่าง จากนั้นเส้นทางจะเริ่มไต่ระดับความสูงชันขึ้นไปเรื่อยๆ ช่วงนี้มัคคุเทศก์ท้องถิ่นจะแนะนำให้เดินช้าลง ไม่ควรรีบเร่ง เพราะสภาพพื้นที่ยิ่งสูง ออกซิเจนในอากาศจะยิ่งน้อยลง อาจเกิดอาการเหนื่อยหอบได้ง่าย
ตามเส้นทางนักท่องเที่ยวจะได้พบเห็นลูกไม้เปลือกแข็งตกอยู่ตามพื้นดิน ซึ่งเป็นผลของ “ไม้ก่อ” ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นในกลุ่มต้นโอ๊ก พบมากทางภาคเหนือ ปัจจุบันมีไม้ก่อในประเทศไทยราว 60 ชนิดใน 4 สกุลหลัก ได้แก่ ก่อหนาม ก่อพวง ก่อตลับหรือก่อหมวก และก่อสามเหลี่ยม ชาวบ้านนิยมนำไม้ก่อมาเพาะเห็ด ส่วนลูกไม้ก่อสามารถรับประทานได้แต่ไม่นิยมในวงกว้าง โดยลำต้นที่คดและโปร่งสูงตั้งแต่ 10-25 เมตร ทำให้ไม้ก่อเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งในเส้นทางนี้
“สถานีธรรมชาติทุ่งหญ้าเมืองหนาว” เป็นทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์ปกคลุมตลอดแนวสันเขา ทุ่งหญ้าแบบนี้จะพบเฉพาะในเขตภูเขาสูงที่มีความแปรปรวนของสภาพอากาศอยู่ตลอดเวลา เพราะไม้ใหญ่ของป่าดิบเขาไม่สามารถทนต่อความรุนแรงของกระแสลมได้ และในช่วงปลายฤดูฝนถึงต้นฤดูหนาว เป็นเวลาที่ “ดอกมะแหลบ” สีขาวจะบานสะพรั่งตัดกับทุ่งหญ้าสีเขียว ถือเป็นของกำนัลชั้นเยี่ยมจากธรรมชาติ
ขณะที่ช่วงกลางฤดูหนาว ทุ่งหญ้าผืนเดียวกันนี้ จะแปรเปลี่ยนเป็นสีทองอร่าม ตามซอกมุมของพื้นที่ ล้วนถูกครอบครองด้วยกูดเกี๊ยะ หนาดขาว ซึ่งเป็นพรรณไม้แถบหิมาลัย เพราะผืนป่าแห่งนี้คือปลายทางของเทือกเขาหิมาลัย ที่มีต้นกำเนิดอันยาวไกลไล่มาตั้งแต่ประเทศเนปาล ภูฏาน ทิเบต อินเดีย และพม่า มาสิ้นสุดที่ยอดดอยอินทนนท์
-
ลักษณะภูมิประเทศ
สภาพป่าส่วนใหญ่เป็นป่าดิบเขาระดับสูง ตั้งอยู่ในเขตแนวเทือกเขาถนนธงชัย บริเวณสันกิ่วเป็นหน้าผาค่อนข้างแคบและลาดชัน มีทุ่งหญ้าปกคลุมทั่วสันเขา โครงสร้างทางธรณีหลักคือหินไนส์และหินแกรนิต
-
“สถานีธรรมชาติผาแง่มน้อย” หินแกรนิตสองแท่งซึ่งเกิดจากหินที่หลอมเหลวใต้พื้นโลกแล้วดันตัวขึ้นมาบนผิวโลก เกิดเป็นภูเขาเมื่อ 200 ล้านปีที่ผ่านมา จากนั้นส่วนประกอบของหินเฉพาะส่วนที่อ่อน ถูกกัดกร่อนจนสลายตัวเหลือเพียงส่วนที่เห็น หินทั้งสองแท่งนี้ แท้จริงแล้วเคยเป็นหินก้อนเดียวกันกับสันเขา เส้นทางในช่วงนี้เป็นสันเขาแคบและไหล่ทางที่ลาดชันลง พรรณไม้ตามแนวผาส่วนใหญ่เป็นไม้เมืองหนาวที่แพร่กระจายมาจากเทือกเขาหิมาลัยและจีนตอนใต้
-
ต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของดอยอินทนนท์ คือต้น “กุหลาบพันปี” ขึ้นอยู่ทั่วไปบริเวณไหล่ผาด้านทิศตะวันตก กุหลาบพันปีชอบดินสภาพเป็นกรดและตื้น ลำต้นและกึ่งก้านคดงอ เพราะแรงลม จะออกดอกสีแดงสดในช่วงกลางฤดูหนาวตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นไป
”
-
ฤดูกาลที่เหมาะสม
เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปศึกษาธรรมชาติได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง 31 พฤษภาคม ของทุกปี ตั้งแต่เวลา 07.00-16.00 น. ฤดูหนาวเป็นช่วงที่มีผู้มาเยี่ยมเยือนมากที่สุด เพราะเป็นช่วงดอกไม้ป่าที่หาชมได้ยากออกดอกผลิบานท่ามกลางไอหมอกปกคลุมทั่วขุนเขา โดยทางอุทยานฯ จะปิดเส้นทางนี้ในเดือนมิถุนายนถึงตุลาคม เพื่อร่วมกับอาสาสมัครในท้องถิ่นดูแลรักษาสภาพป่าให้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
-
-
-
ไบโอม
ไบโอมบนบก
-
-
ทุนดรา (Tundra)
เป็นเขตที่มีฤดูหนาวค่อนข้างยาวนาน ฤดูร้อนช่วงสั้น ๆ ลักษณะเด่นคือ ชั้นของดินที่อยู่ต่ำกว่าจากผิวดินชั้นบนลงไปจะจับตัวเป็นน้ำแข็งถาวร
สะวันนา (Savanna)
ป็นทุ่งหญ้าที่พบได้ในทวีปแอฟริกาและพบบ้างทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปเอเชีย ลักษณะของภูมิอากาศร้อน พืชที่ขึ้นส่วนใหญ่เป็นหญ้าและมีต้นไม้กระจายเป็นหย่อม ๆ ในฤดูร้อนมักเกิดไฟป่า
-
ทะเลทราย (Desert)
พบได้ทั่วไปในโลก ในพื้นที่มีปริมาณฝนตกเฉลี่ยน้อยกว่า 25 เซนติเมตรต่อปี ทะเลทรายบางแห่งร้อนมากมีอุณหภูมิเหนือผิวดินสูงถึง 60 องศาเซลเซียสตลอดวัน บางวันแห่งมีอากาศค่อนข้างหนาวเย็น
ไบโอมในน้ำ
ไบโอมแหล่งน้ำจืด (Freshwater biomes)
โดยทั่วไปประกอบด้วยแหล่งน้ำนิ่งซึ่งได้แก่ ทะเลสาบ สระ หนอง หรือบึง กับแหล่งน้ำไหล ได้แก่ ธารน้ำไหลและแม่น้ำ เป็นต้น
ไบโอมแหล่งน้ำเค็ม (Marine biomes)
โดยทั่วไปประกอบด้วยแหล่งน้ำเค็ม ซึ่งได้แก่ ทะเลและมหาสมุทร ซึ่งพบได้ในปริมาณมากถึงร้อยละ 71 ของพื้นที่ผิวโลก และมีความลึกมากโดยเฉลี่ยถึง 3,750 เมตร