Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ กิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ (เฟิร์นยุคโบราณ…
เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ กิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์
เฟิร์นยุคโบราณ
ภูมิศาสตร์และไบโอม
เป็นป่ามีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น มีแสงแดดรำไรส่งลงมา เพียงพอต่อการดำรงชีวิตของเฟิร์นใบบางที่สุดในโลก
ป่าดิบชื้น
เฟิร์น
มอส
ภูมิศาสตร์และไบโอม
ชอบน้ำแต่ทนแล้ง มอสมักขึ้นตามโคนไม้ และที่ชื้นฉ่ำ ช่วงแล้งก็พักตัวรอความชื้นก็ฟื้นกลับมา สามารถแพร่พันธุ์ด้วยสปอร์
มอส
เถาวัลย์
ภูมิสาสตร์และไบโอม
เถาวัลย์เป็นต้นไม้ที่ชอบแดดจัด โตเร็ว เลื้อยพันต้นไม้ใหญ่อย่างรวดเร็ว กระรอกและสัตว์หากินบนต้นไม้ใช้เป็นเส้นทางเดิน
ป่าดิบชื้น
เถาวัลย์
ป่าเมฆ
ภูมิศาสตร์และไบโอม
ป่าที่ถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกหลายเดือน อากาศหนาวชื้น ลมแรง ดินเป็นกรดสูง พันธุ์ไม้ที่ขึ้นได้บริเวณนี้
ป่าดิบชื้น
หว้า กุหลาบพันปี กุหลาบขาว กล้วยไม้ เฟิร์น มอส
ป่าต้นน้ำ
ภูมิศาสตร์และไบโอม
กำเนิดสายธาร มีน้ำตกขนาดเล็ก ไหลมาเป็นลำห้วย ในยุคแรกน้ำตกไหลรุนแรง เกิดเป็นหลุมลึก และในยุคปัจจุบันสายน้ำเปลี่ยนทางไหล ปริมาณน้ำลดลง
ป่าดิบชื้น
ไบโอมน้ำจืด
พรรณพืชไม้ป่าเมฆ
ภูมิสาสตร์และไบโอม
ในป่านี้เป็นต้นไม้เมืองหนาว มีการปรับตัวให้อยู่ได้ในป่าหนาวและชุ่มชื้นสูง
ป่าดิบชื้น
(ต้นโอ๊ค) ต้นทะโล้ ต้นหว่าอ่างกา
ป่าซ่อมป่า
ภูมิสาสตร์และไบโอม
ป่าเมฆที่มีลมพัดแรง มักมีไม้หักโค่น ต้นไม้ที่ล้มทำให้เกิดแสงส่องลงมายังพื้นดิน ต้นไม้รุ่นใหม่จึงงอกมาซ่อมแซม เป็นวงจรการพื้นฟูตนเองของป่า
ป่าไม้ผลัดใบในเขตอบอุ่น
ทุ่งหญ้าเมืองหนาว
ภูมิสาสตร์และไบโอม
จากระดับน้ำทะเลในเขตหนาว จะมีเฉพาะไม้ล้มลุก เรียกว่า “ทุ่งหญ้าอัลไพน์” แต่ที่ดอยอินทนนท์ ดอยผ้าห่มปก และ ดอยเชียงดาว มีปรากฏการณ์พิเศษ เรียกพงไม้นี้ว่า “ทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์”
ป่าไม้ผลัดใบในเขตอบอุ่น
ป่าไม้ผลัดใบในเขตอบอุ่น
กู๊ดเกี๊ยะ
ภูมิสาสตร์และไบโอม
ป่าดิบชื้น
ขึ้นบริเวณทุ่งหญ้าเมืองหนาว เฟิร์นชนิดนี้มีใบหนาแข็ง ลดการคายน้ำ ซ่อนลำต้นไว้ใต้ดิน เมื่อมีไฟป่าใบที่อยู่พ้นดินจะไหม้ และจะงอกขึ้นใหม่อีกครั้งจากลำต้นที่อยู่ได้ดิน
เฟิร์นทนไฟ
9.จุดชมทิวทัศน์
ภูมิสาสตร์และไบโอม
ป็นพื้นที่โล่ง มีระเบียงยื่นออก บางวันจะมองเห็นทะเลหมอกได้ที่บริเวณนี้ และวันที่ฟ้าเปิดจะมองเห็น อ.แม่แจ่มที่อยู่เบื้องหน้าได้ชัดเจน
ป่าไม้ผลัดใบในเขตอบอุ่น
กวางผา
ภูมิสาสตร์และไบโอม
ปลอดภัยในบ้านผาหิน กวางผาเป็นสัตว์ที่ชอบอยู่รวมกันตามทุ่งหญ้าบนภูเขา และหน้าผาในเทือกเขาสูง ปัจจุบันกวางผาดอยอินทนนท์เป็นสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว นักท่องเที่ยวมีโอกาสเจอได้ยาก
ผาแง่มน้อย
ภูมิสาสตร์และไบโอม
เป็นแท่งหินแกรนิต เมื่อสองร้อยล้านปีที่ผ่านมาได้หลอมเหลว ดันตัวตัดผ่าหินไนส์ที่มีอายุกว่า 500 ล้านปี เมื่อเย็นตัวลงปรากฎรอยแตกตรงข้ามอีกครั้งเป็นการผุกร่อน กัดกร่อน ผลคือ หินแง่มน้อยมีเนื้อหินแข็งกว่า
ป่าไม้ผลัดใบในเขตอบอุ่น
กิ่วแม่ปาน (ป่าสองมุมบนสันเขา)
ภูมิสาสตร์และไบโอม
เป็นพื้นที่บนสันเขาส่วนที่แคบที่สุด ลาดเขาสองด้านเป็นป่าต่างชนิดกัน ฝั่งด้านนอกโดนแดดส่อง และลมปะทะแรงจะมีแต่ต้นไม้ขนาดเล็ก ส่วนฝั่งด้านในเป็นป่าชุ่มชื้น
ป่าไม้ผลัดใบในเขตอบอุ่น
กุหลาบพันปี
ภูมิสาสตร์และไบโอม
ป่าไม้ผลัดใบในเขตอบอุ่น
อยู่ได้ในอากาศหนาวเย็น และลมแรง ใบเป็นแผ่น เหนียวหนา ลดการคายน้ำ กิ่งโปร่งลมผ่านสะดวก ดอกสีแดงเข้ม จะออกดอกในช่วงเดือนธันวาคม – มีนาคม
ป่าร้อน ป่าหนาว
ภูมิสาสตร์และไบโอม
ป่าไม้ผลัดใบในเขตอบอุ่น
เชิงดอยอินทนนท์อากาศร้อนชื้น แต่ยอดดอยอากาศหนาว ลมพัดแรง และมีหมอกหนา ด้วยสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน ป่าร้อนจะมีพันธุ์ไม้ใบกว้าง ชอบแดดจัด ทนแล้ง ส่วนป่าหนาวจะเป็นพันธุ์ไม้พุ่มเตี้ย ใบมัน
สายน้ำ ยอดเขาสูงสุดของไทย
ภูมิสาสตร์และไบโอม
ยอดเขาสูงสุดของไทย ห้วยสายเล็กๆ ปกคุลมด้วยป่าดิบเขาอุดมสมบูรณ์มีฝนตกชุก อากาศชื้นมาก ต้นไม้คายน้ำได้น้อย ใบไม้ย่อยสลายช้า มีสภาพเหมือนผ้าห่มพร้อมซับน้ำฝน
ไบโอมน้ำจืด
ป่าสองรุ่น
ภูมิศาสตร์และไบโอม
ในป่ามีไม้หลายชนิด มีอายุ และความสูงไม่เท่ากัน บ่งบอกได้ว่าป่านี้ในอดีตเคยโค่นล้มจากพายุ แล้วมีต้นไม้รุ่นใหม่เกิดพร้อมกัน
ป่าไม้ผลัดใบในเขตอบอุ่น
สูงใหญ่แต่ล้มง่าย ป่าเขาสูงชัน
ภูมิศาสตร์และไบโอม
หน้าดินถูกน้ำฝนชะล้างจนมีความหนาเพียง 1-2 เมตร ส่วนด้านใต้เป็นชั้นหิน ต้นไม้สูงใหญ่มักไม่พบรากแก้ว เพราะไม่สามารถเจาะลงหินได้ เมื่อมีพายุใหญ่มาต้นไม้ก็ล้มได้ง่าย
ป่าไม้ผลัดใบในเขตอบอุ่น
กูดต้น เฟิร์น
ภูมิศาสตร์และไบโอม
สัญลักษณ์ป่าบริสุทธิ์ กูดต้น เป็นเฟิร์นใบใหญ่เรียงเวียนรอบปลายต้น เรือนยอดกว้าง พบตามลุ่มน้ำริมห้วยชื้นแฉะ ใต้ร่มเงาแสงรำไรเท่านั้น การไม่พบกูดต้นในที่แดดจัด จึงสัญนิษฐานว่า กูดต้นเป็นพืชสัญลักษณ์ของป่าบริสุทธิ์
ป่าดิบชื้น
กูดต้น เฟิร์น
เสียงป่า
ภูมิศาสตร์และไบโอม
ลองหยุดนิ่งแล้วหลับตา จะได้ยินเสียงใบไม้หล่น เสียงลมพัด เสียงสายน้ำ นกร้อง เปรียบเสมือนวงดนตรีวงใหญ่
สรุป ป่าเมฆแห่งนี้ คือของขวัญที่ธรรมชาติสร้างไว้ เป็นแหล่งเรียนรู้ระบบนิเวศ
:
นาย ภูริฉัตร บุณยมณี ชั้น ม4/3 เลขที่ 52