Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ระบบทางเดินปัสสาวะ ไตวายเฉียบพลัน Acute kidney injury (สาเหตุ…
ระบบทางเดินปัสสาวะ
ไตวายเฉียบพลัน
Acute kidney injury
พยาธิสภาพ
เกิดจากการที่ท่อไตไม่สามารถเก็บกัก na ได้อย่างปกติเนื่องจาก na เป็นตัวกระตุ้นการเกิด renin-angiotensin system มีผลทำให้มีการลดการไหลเวียนกลับของเลือดบริเวณใดร่างกายจึงเพิ่มการหลั่ง vasopressin ทำให้เซลล์บวมยับยั้งการสังเคราะห์ prostaglandin และกระตุ้น renin-angiotensin system ให้หลังมากขึ้นทำให้การไหลเวียนของเลือดบริเวณไตลดลงอัตราการกรองที่ท่อไตจึงลดลงและทำให้มีปัสสาวะน้อยกว่าปกติการลดอัตราการไหลเวียนเลือดที่ไตนำไปสู่การลดการส่งออกซิเจนไปยังท่อไตส่วนต้นเกิดการตายของเนื้อเยื่อและกลุ่มเซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ membrane ของหลอดเลือดที่ท่อไตการหดเกร็งของหลอดเลือดบริเวณใดทำให้ลดอัตราการกรองไตหรือ อาจเกิดการอุดตันในท่อไตจากเซลล์และเศษเซลล์
สาเหตุ
สาเหตุที่เกิดก่อนไต (per-renal failure) พบรอยละ 40-80
กลุ่มอาการที่มีการลดลงของเลือดที่ไปเลี้ยงไตทำให้มีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่ของไตแต่ไม่ได้เกิดจากพยาธิสภาพที่ไตได้แก่การเสียเลือดและไฟไหม้ภาวะช็อกภาวะขาดน้ำจากท้องร่วงอาเจียนหรือปัสสาวะมีน้ำตาลมากผิดปกติกลุ่มว่าการที่มีพยาธิสภาพเริ่มต้นที่เนื้อไตกรมอุตุรัดท่อไตหรือเส้นเลือดมีการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อ สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือการเน่าตายของธาตุไออย่างเฉียบพลัน (acutetubular necrosis) ได้ร้อยละ 70 เกิดจากไตขาดเลือดไปเลี้ยง
สาเหตุที่เกิดภายในไต (intrinsic renal failure) พบร้อยละ 10 - 50
สาเหตุจากโรคเช่นการอักเสบของไตหรือกรวยไตจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัสนิวโรเบียนเนื้อไตมาลาเรียเบาหวานความดันโลหิตสูงและได้รับยาหรือ สารที่มีพิษต่อเนื้อไตได้แก่ยาปฏิชีวนะเช่น ampicillin sulfonamides ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์เช่น aspirin indomethacin สารทึบรังสีที่ใช้ในการใส่สายสวนเพื่อตรวจการทำงานของหัวใจสารตะกั่วหรือปรอท
สาเหตุที่เกิดล้างไต (porse-renal failure) พบร้อยละ 10
กลุ่มว่าการที่มีการอุดตันของทางเดินปัสสาวะตั้งแต่กวยไตถึงท่อปัสสาวะโดยไม่มีพยาธิสภาพเริ่มต้นที่เนื้อไตอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุได้แก่เนื้องอกต่อมลูกหมากโตนิ่วในไตนิ่วในท่อไตนิ่วในกระเพาะปัสสาวะเกิดลิ่มเลือดหรือการติดเชื้อ และมะเร็งปากมดลูก
อาการและอาการแสดง
อาการไตวายระยะเฉียบพลันมี 4 ระยะดังนี้
ระยะเริ่มแรกร่างกายสามารถปรับตัวได้โดยหลังสารที่ทำให้หลอดเลือดหดตัวเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะที่สำคัญเช่นสมองหัวใจทำให้หลอดเลือดไปเลี้ยงที่ตายลง
ะยะที่มีปัสสาวะออกน้อยหรือไม่มีน้ำปัสสาวะเนื่องจากไตเริ่มมีการทำ งานที่บกพร่องระยะนี้เริ่มตั้งแต่ 1 วันถึง 2 สัปดาห์ในระยะนี้ไตไม่สามารถขับของเสียออกได้ทำให้ระดับของ คริตินิน และยูเรียไนโตรเจนเพิ่มสูงขึ้นมีการคั่งของน้ำและเกลือแร่ในกระแสเลือดการให้สารน้ำต้องระวังเนื่องจากอาจจะทำให้เกิดการบวมน้ำท่วมปอดหัวใจล้มเหลวการจำกัดน้ำและอาหารที่มีโปรตีนสูงเพราะจะทำให้กรดในกระแสเลือดเพิ่มขึ้นเป็นภาวะเป็นกรดภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูงทำให้เกิดอาการเป็นพิษของโพแทสเซียมซึ่งมีผลต่อกล้ามเนื้อหัวใจส่งผลให้หัวใจเต้นผิดปกติหรือหยุดเต้นได้
ระยะปัสสาวะออกมาก ปัสสาวะอาจจะออกมาก1 วันละ 1000 ถึง 2000 ML ซึ่งอาจจะไปสู่ภาวะขาดน้ำร้อยละ 25 จะตายจากภาวะไตวายเฉียบพลันในระยะนี้
ระยะฟื้นสภาพเป็นระยะที่หน้าที่ของไตค่อยๆฟื้นสภาพอย่างช้าๆอาจใช้เวลาฟื้นสภาพร้อยละ 70-80 ภายในระยะเวลา 1 ปีในบางรายอาจมีการเสียหน้าที่บางส่วนอย่างถาวร
ปัญหาทางการพยาบาล
มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ Deep vein thrombosis การใส่สายสวนระยะยาวเพื่อฟอกเลือดบริเวณขาหนีบ
มีของเสียคั่งในกระแสเลือดเนื่องจากประสิทธิภาพการทำงานของไตลดลง
ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการติดเชื้อบริเวณที่ใส่สายสวนและระยะยาวเมื่อฟอกเลือดหลังผ่าตัดเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
การรักษา
การรักษาสาเหตุของไตวายฉับพลัน
ที่สำคัญคือหาสาเหตุให้พบ และหยุดสาเหตุนั้นเท่าที่ทำได้ เช่นแก้ไขภาวะช็อค หรือหยุดให้ยาที่มีโอกาสที่จะทำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบลพลัน โดยเฉพาะยาในกลุ่ม NSAIDS ยาสมุนไพร และอาจลองให้สารน้ำทดแทนในกรณีที่ร่างกายขาดสารน้ำ
ให้ยาแก้ไขไตวายเฉียบพลัน
ได้มีความพยายามที่จะนำยาชนิดต่างๆ มาใช้รักษาไตวายเฉียบพลัน เพื่อให้การทำงานของไตดีขึ้น หรืออย่างน้อยช่วยเพิ่มปริมาณของปัสสาวะ ยาที่นำมาทดลองใช้ในสภาวะไตวายเฉียบพลันมีหลายประเภท แต่ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในกลุ่มของสารกระตุ้นหลอดเลือด (Vasoactive agent) และยาขับปัสสาวะเป็นส่วนใหญ่ ถึงแม้จะมียาหรือสารเป็นจำนวนมากที่เป็น ที่ยอมรับว่าให้ผลดีกับ ภาวะไตวายเฉียบพลันในสัตว์ทดลองแต่ก็ได้ผลเมื่อใช้ ในการป้องกันเป็นส่วนใหญ่ มีเพียงยาบางอย่างเท่านั้นที่ให้ผลในการรักษา เมื่อเกิดไตวายเฉียบพลันขึ้นแล้ว แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าถึงแม้ยาต่างๆ จะได้ผลดีในสัตว์ทดลอง แต่เมื่อนำมาใช้ในผู้ป่วยแล้ว ผลการรักษายังไม่ได้ ผลดีเท่าที่ควร ดังนั้นการใช้ยารักษาสภาวะไตวายเฉียบพลันจึงยังไม่มีการรักษาวิธีใดที่ได้ผลแน่นอน การป้องกันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
การรักษาแบบประคับประคองและรักษาโรคแทรกซ้อน
การควบคุมปริมาณน้ำเข้าออกร่างกายให้สมดุลย์ ปริมาณน้ำที่ผู้ป่วยควรได้รับในแต่ละวัน ควรเท่ากับจำนวนปัสสาวะรวมกับ (Insensible loss - water of metabolism = 500-600 มล.ต่อวัน) และ extrarenal loss หากสามารถชั่งน้ำหนักตัวผู้ป่วยได้ ควรให้น้ำหนักตัวผู้ป่วยลดลงประมาณ 0.2-0.3 กิโลกรัมต่อวัน ถ้าน้ำหนักเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นแสดงว่ามีปริมาณน้ำในร่างกายเพิ่มขึ้น
หลีกเลี่ยงยาที่มีพิษต่อไต
การใช้ยาต่างๆ ต้องคำนึงถึงขนาดที่ต้องปรับใช้ให้เหมาะสมกับการทำงานของไต ที่ลดลง
ควรให้ แก้ภาวะความเป็นกรดในเลือด ด้วยการให้ สารด่าง ในกรณีที่เลือดเป็นกรดมาก
แพทย์ผู้ดูแลผู้ป่วยจะต้องระมัดระวังในป้องกันและรักษาภาวะเกลือแร่แปรปรวน เช่น มีโปตัสเซียมสูงในเลือดที่เกิดขึ้นได้บ่อยโดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีปัสสาวะออกน้อย ควรติดตามระดับโปตัสเซียมในซีรั่มเป็นระยะ ในผู้ป่วยที่มีแนวโน้มที่จะมีโปตัสเซียมในซีรั่มสูงควรงดผลไม้และอาหารที่มีสารนี้สูง ระมัดระวังการให้สารน้ำที่มีโปตัสเซียมผสมอยู่ หากผู้ป่วยมีระดับโปตัสเซียมในซีรั่มสูงมากหรือมีสภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจ จำเป็นต้องให้การรักษาอย่างรวดเร็ว เพราะอาจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของผู้ป่วยได้