Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ระบบทางเดินหายใจ ปวดบวมน้ำ Pulmonary edemm (อาการและอาการแสดง…
ระบบทางเดินหายใจ
ปวดบวมน้ำ
Pulmonary edemm
อาการและอาการแสดง
อาการของปอดบวมน้ำชนิดเรื้อรัง
หายใจไม่อิ่มขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ
หายใจมีเสียงครืดคราดหรือมีเสียงหวีด
หายใจลำบากเมื่อต้องออกแรง หรือหายใจลำบากเมื่อนอนราบ
ตื่นนอนกลางดึกเพราะหายใจลำบาก ซึ่งอาจต้องลุกขึ้นนั่งเพื่อให้หายใจสะดวกขึ้น
น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหากมีสาเหตุมาจากภาวะหัวใจวาย
อ่อนเพลีย หรือมีอาการบวมที่ขาและเท้า
อาการของปอดบวมน้ำชนิดเฉียบพลัน
หายใจไม่อิ่มอย่างรุนแรง หรือหายใจลำบากเมื่อนอนลง
หอบ หรือรู้สึกเหมือนจมน้ำ
หายใจมีเสียงหรือหายใจลำบาก
กระสับกระส่าย สับสน วิตกกังวล
ไอมีเสมหะเป็นฟองสีชมพู
เจ็บหน้าอกหากมีสาเหตุมาจากโรคหัวใจ
ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว
อาการของปอดบวมน้ำจากการขึ้นที่สูง
ปวดศีรษะ ซึ่งอาจเป็นอาการแรกที่เกิดขึ้น
มีไข้ ไอ ไอมีเสมหะหรืออาจมีเลือดปน
หายใจไม่อิ่มหลังจากออกแรง ซึ่งจะเกิดอาการเมื่อหยุดพัก
หายใจไม่อิ่มหลังจากออกแรง ซึ่งจะเกิดอาการเมื่อหยุดพัก
ใจสั่น หรือหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ
เจ็บหน้าอก
อาการอื่น ๆ
ผิวหนังเปลี่ยนสีเป็นสีเทาหรือม่วง
ไอพร้อมกับมีเสมหะปนเลือดหรือเป็นฟอง
เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นผิดปกติ
เหงื่อออกพร้อมกับหายใจลำบาก
มีอาการวิตกกังวลที่เกิดจากความผิดปกติในการหายใจ
หายใจติดขัดอย่างรุนแรง หายใจไม่อิ่ม และหายใจไม่ออก
สาเหตุ
โดยทั่วไปน้ำท่วมปอดจะมีสาเหตุมาจากภาวะหัวใจล้มเหลว หรืออาจเกิดจากหัวใจห้องล่างซ้ายไม่สามารถสูบฉีดเลือดที่มาจากปอดไปยังส่วนอื่นของร่างกายได้ตามปกติ ซึ่งภาวะดังกล่าวทำให้เกิดแรงดันเพิ่มขึ้นและย้อนกลับไปที่ปอด นอกจากนั้น ภาวะหลอดเลือดแดงตีบ กล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม ลิ้นหัวใจผิดปกติ และความดันโลหิตสูง ก็สามารถทำให้หัวใจห้องล่างซ้ายทำงานบกพร่องได้
สาเหตุอื่น ๆที่ทำให้ปอดบวมน้ำ
การติดเชื้อไวรัส
จมน้ำ
ปอดเกิดการบาดเจ็บหลังจากรักษานำลิ่มเลือดออกไป
ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด
สมองหรือระบบประสาทบาดเจ็บหรือเกิดบาดแผล
การอยู่ในที่สูงหรือขึ้นที่สูงประมาณ 8,000 ฟุต
การสูดควันที่มีส่วนประกอบของสารเคมีบางชนิด
โรคหัวใจ หรือภาวะหัวใจขาดเลือด
การสัมผัสกับแอมโมเนีย คลอรีน หรือสารพิษอื่น ๆ
ความดันโลหิตสูงเฉียบพลัน
กลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน (Acute Respiratory Distress Syndrome: ARDS)
ปอดบวม
ลิ่มเลือดอุดตัน
ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดรุนแรง หรือเลือดเป็นพิษจากการติดเชื้อ
ตับอ่อนอักเสบ
ไตวาย
การวินิจฉัย
เนื่องจากภาวะปอดบวมน้ำมักต้องรักษาอย่างทันท่วงที การวินิจฉัยเบื้องต้นจึงเป็นการสังเกตอาการที่เกิดขึ้นและตรวจร่างกาย เมื่ออาการทรงตัว แพทย์จะถามถึงประวัติการเจ็บป่วยและโรคประจำตัว รวมถึงอาจทดสอบด้วยวิธีอื่น ๆ
การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดแดง
การตรวจระดับออกซิเจนในเลือด
การตรวจเอ็กโคคาร์ดีโอแกรม (Echocardiogram) หรืออัลตร้าซาวด์เพื่อหาความผิดปกติของหัวใจ
การเอกซเรย์ปอด
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพื่อตรวจดูความผิดปกติของจังหวะการเต้นของหัวใจ หรือตรวจหาสัญญาณของภาวะหัวใจขาดเลือด
ปัญหาทางการพยาบาล
วิตกกังวลเนื่องจากความเจ็บป่วย
การแลกเปลี่ยนแก๊สลดลงเนื่องจากปวดบวมน้ำและหัวใจทำงานลดลง
การรักษา
ขึ้นอยู่กับสาเหตุ แต่ในเบื้องต้นหากผู้ป่วยมีปัญหาในการหายใจและมีระดับออกซิเจนในร่างกายต่ำ แพทย์อาจให้ออกซิเจนโดยให้ผู้ป่วยใช้หน้ากากออกซิเจนหรือสอดท่อออกซิเจนเข้าไปในรูจมูก ซึ่งแพทย์จะเฝ้าดูอาการและรักษาระดับออกซิเจนในร่างกายของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด และหากน้ำท่วมปอดจากสาเหตุอื่น ๆ แพทย์ก็จะรักษาภาวะดังกล่าวและรักษาปอดบวมน้ำไปพร้อมกัน
ยาที่ใช้รักษา
กลุ่มยาลดแรงดันที่เกิดจากของเหลวเข้าไปในหัวใจและปอด เช่น ยาไนโตรกลีเซอริน และยาขับปัสสาวะฟูโรซีไมด์
กลุ่มยาขยายหลอดเลือดและลดความดันในหัวใจห้องล่างซ้าย เช่น ยาไนโตรปรัสไซด์
มอร์ฟีน ซึ่งอาจนำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการหายใจไม่อิ่มและอาการวิตกกังวล แต่แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาชนิดอื่นมากกว่า
ยารักษาความดันโลหิต แพทย์อาจให้ใช้ยาลดความดันโลหิตสำหรับผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงจากน้ำท่วมปอด หรือให้ยาเพื่อเพิ่มความดันโลหิตในผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตต่ำ
กรณีที่ผู้ป่วยปีนป่ายหรือไปท่องเที่ยวบนที่สูง ด้วยความสูงประมาณ 600-900 เมตร ก็อาจทำให้เกิดอาการได้ โดยควรรักษาและบรรเทาอาการ ดังนี้
ลดระดับความสูงเพื่อช่วยลดอาการเบื้องต้น หากมีอาการป่วยรุนแรง จำเป็นต้องมีผู้ช่วยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยลงมายังที่ต่ำโดยเร็วที่สุด
หยุดทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงและทำให้ร่างกายอบอุ่น เพื่อป้องกันอาการแย่ลง
บางกรณีอาจต้องให้ออกซิเจนหรือเครื่องช่วยหายใจกับผู้ป่วย เพื่อเพิ่มระดับออกซิเจนในร่างกายหรือเพิ่มอากาศเข้าไปในปอดให้มากขึ้น
ใช้ยาไนเฟดิปีน เพื่อช่วยลดความดันของหลอดเลือดในปอด ซึ่งจะช่วยให้อาการดีขึ้น
นักปีนเขาบางรายมักใช้ยาเพื่อป้องกัันและรักษาอาการจากการปีนขึ้นที่สูง เช่น ยาอะเซตาโซลาไมด์ หรือยาไนเฟดิปีน เป็นต้น โดยการใช้ยาสำหรับป้องกันอาการ ให้เริ่มใช้ยาอย่างน้อย 1 วันก่อนไปปีนเขา