Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Acute Kidney Injury : AKI โรคไตวายเฉียบพลัน (ปัญหา (1.มีภาวะหายใจล้มเหลว…

- - - - พยาธิสภาพที่เซลล์ของ renal tubule
      - ไตวายเฉียบพลันที่พบบ่อยที่สุด
        
        โดยอาจเป็นผลตามมาของภาวะ prerenal acute renal failure ที่แก้ไขไม่ทัน
        
        เกิดจากการได้สารพิษที่มีผลในการทำลาย renal tubular cell อย่างรุนแรงที่ยากต่อการรักษาให้ดีขึ้นได้ทันท่วงที
    - - เกิดจากการอักเสบของเนื้อไตในส่วน interstitium ซึ่งอาจเกิดจากปฏิกิริยาต่อ สารเคมีหรือยาหลายประเภทหรืออาจเกิดจากการอักเสบจากการติดเชื้อ
        
        การติดเชื้อ Leptospirosis
        
        Scrub typhus
        
        การติดเชื้อไวรัส
    - - เกิดจากการอักเสบของglomeruli
        
        ภาวะ post streptococcal glomerulonephritis
        
        crescentic glomrulonephritis ชนิดปฐมภูมิ และทุติยภูมิ
    - - เกิดจากพยาธิสภาพที่เส้นเลือดไต
        ขนาดเล็กขนาดกลางและขนาดใหญ่
        
        โรค Hemolytic uremic syndrome
        
        cholesterol emboli
        
        scleroderma renal crisis
    - - เกิดจากการที่มี crystal มาอุดตัน renal tubules
        
        uric acid obstruction จากโรค tumor lysis syndrome
- - - - พบการเปลี่ยนแปลงของปริมาณเลือดในหลอดเลือด
        ที่ลดลงกะทันหันทำให้เนื้อไตขาดเลือดไปเลี้ยง
      - ส่วนมากพบสาเหตุแบบ prerenal AKI
      - ร่างกายจะตอบสนองด้วยการทำงานของ sympathetic nervous system
        
        หลั่งสาร ephrinephin เกิดหลอดเลือดหดรัดตัวทั่วร่างกายเพื่อส่งเลือดไปเลี้ยง vital organs ในระยะช็อก
        
        เลือดจึงมาเลี้ยงไตลดลง อัตราการกรองจึงลดลงปัสสาวะจึงออกน้อยจะพบระยะ นี้ได้ในผู้ป่วย 1-2 ชั่วโมงจนถึง 2 วัน หากได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที
  - - - เนื้อไตจึงถูกทำลายจากการขาดเลือด
        หรือจากสารพิษ
        
        หลอดเลือดฝอยที่ไตอุดตันและเนื้อไตตายเป็นหย่อมๆ มีการหลุดลอกของเยื่อบุเซลล์มาอุดกั้นตามหลอดเลือดที่ท่อไตเพิ่มมากขึ้น
        
        เกิด back leak เข้าสู่ collecting system ของน้ำปัสสาวะ
        
        eGFR ลดลงอย่างรวดเร็ว
        
        ปัสสาวะออกน้อย
        
        เกิดภาวะ Azotemia จากการคั่งของ BUN, Cr
        
        เกิด water access, mineral and acid-base imbalance
        
        ผู้ป่วยอาจมีอาการคงค้างในระยะนี้นานตั้งแต่ 1 สัปดาห์ – 1 ปีได้
  - - - มีการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อและหลอดเลือดที่ไต
        
        บริเวณที่ฟื้นคืนไม่ได้จะพบการตายของเนื้อไตเป็นหย่อมๆชัดเจน
        
        ส่วนที่ฟื้นคืนได้จะเริ่มทำงานผลิตปัสสาวะและขับ BUN Cr ออก
- - - - I เพิ่มขึ้น 1.5 - 1.9 เท่า จากค่าตั้งต้น หรือเพิ่มขึ้น ≥ 0.3 mg/dl (≥ 26.5 micromol/lit.) < 0.5 ml/kg/h นานติดต่อกัน 6-12 ชั่วโมง
      - II เพิ่มขึ้น 2 - 2.9 เท่า จากค่าตั้งต้น < 0.5 ml/kg/h นานติดต่อกัน > 12 ชั่วโมง
      - III เพิ่มขึ้น 3 เท่า จากค่าตั้งต้นหรือ ≥ 4 mg/dl หรือผู้ป่วยที่ได้รับการทำ RRT ทุกกรณี < 0.3 ml/kg/h นานติดต่อกัน > 24 ชั่วโมงหรือไม่มีปัสสาวะออก เลยติดต่อกันกว่า 12 ชั่วโมง
  - - - R=Risk
      - I=Injury
      - F= Failure
    - - L=Loss
      - E= ESRD
  - - - น้อยกว่า 400 ml/day
      - ระยะนี้ใช้เวลา 1วัน หรือ 1-2 wks หรือ มากกว่า 4 wks
      - ระมัดระวังบวม มีน้ำท่วมปอด และหัวใจล้มเหลว
    - - ไตค่อยๆฟื้นตัว
      - ปัสสาวะออกมากขึ้น 4-5 L/day
      - ระดับ ฺBUN,Cr ลดลง
    - - เข้าสู่ภาวะปกติ
      - อัตราการกรองใกล้เคียงภาวะปกติใน 2-3 เดือน
- - - - การใส่สายสวน Foley’s catheter
        
        เพื่อรักษาการอุดตันที่ bladder outlet
      - การทำ Percutaneous nephrostomy
  - - - หลักการรักษาที่สำคัญ
        
        ป้องกันไม่ให้ไตสูญเสียการทางานเพิ่มเติม
        
        ป้องกันโรคแทรกซ้อน
        
        ส่งเสริมให้เกิดการฟื้นตัวของไต
  - - - การเฝ้าระวังและคิดถึงภาวะ acute kidney injury
      - รีบรักษาและกำจัดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิด
        ภาวะไตวายเฉียบพลัน
  - - - ภาวะ intractable volume overload
      - ภาวะ intractable hyperkalemia
      - ภาวะ intractable acidosis
      - ภาวะ uremia
- - - - โปรตีนควรให้ 0.5 g/kg/day
    - - ขาดน้ำ
        
        ให้สารน้ำทดแทน
      - น้ำเกิน
        
        ให้ยาขับปัสสาวะ
        
        furosemide ไม่เกิน 400 mg/ครั้ง
        
        ไม่ได้ผลควรหยุด
        
        หูหนวก
    - - สูงไม่มาก < 5.0 mEq/L
        
        ให้ลดอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง
      - สูง 5.5-6.5 mEq/L
        
        ให้ sodium polystyrene sulfonate 15-30 g ทุก 3-4 hr
        ร่วมกับ 20% sobitol 50-100 ml
      - สูง > 6.5 mEq/L
        
        ให้ อินซูลิน iv sodium bicarbonate, calcium solutions
    - - bicarbonate < 15 mEq/L
        
        ควรให้ sodium bicarbonate