เมื่อเกิดการบาดเจ็บ ร่างกายจะมีการตอบสนองต่อปฏิกิริยาการอักเสบ โดยมีการกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก (sympathetic nerve) ให้มีการหลังสารฮิสตามีน (histamine) คอนพลีเมนต์โปรตีน (complement proteins) ไคนิน (kinins) และพรอสตาแกลนดินส์ (prostaglandin) หลอดเลือดจะมีการขยายตัว (vasodilatation) เป็นผลให้มีอาการแดงร้อน เพิ่มความต้องการออกซิเจนและพลังงาน เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น เพิ่มอัตราการเผาผลาญของเซลล์มากขึ้น นอกจากนี้หลอดเลือดยังมีการสูญเสียความสามารถในการซึมผ่าน (permeability) โดยจะมีการซึมผ่านออกนอกหลอดเลือดเพิ่มมากขึ้น มีการกระตุ้นเม็ดเลือดขาวชนิดนิวโตรฟิล (neutrophil) และโมโนชัยท์ (monocyte) ทำให้มีของเหลวภายนอกหลอดเลือดจากกระบวนการอักเสบ (exudate) ทั้งนี้ยังก่อให้เกิดการรั่วของโปรตีนซึมผ่านเข้าไปยังพื้นที่ว่างระหว่างเนื้อเยื่อ หากภาวะนี้ยังคงเกิดอยู่เป็นระยะเวลานาน จะทำให้เนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าวเกิดอาการบวมและเพิ่มความดันภายในช่องกล้ามเนื้อมากยิ่งขึ้น ทำให้เลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อลดลง เกิดการขาดเลือดและออกซิเจนเฉพาะแห่ง อาจเรียกการขาดเลือดลักษณะนี้ว่าเป็น“ Volkmann 's ischaemia” ถือว่าเป็น“ วงจรแห่งความชั่วร้าย (vicious cycle)” ซึ่งใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 12 ชั่วโมง สามารถทำให้เกิดการตายของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ โดยกล้ามเนื้อที่ตายนี้จะไม่สามารถคืนสู่สภาพเดิมได้ ภาวะนี้จึงต้องให้ความใส่ใจและตระหนักเกี่ยวกับอาการแสดงภายหลังการบาดเจ็บและเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง