Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Enteral Nutrition (Types of formulas (Complete isotonic balanced liquid…

- - - - เป็นของเหลว
      - มีกากใยอาหารน้อย
      - ออสโมลาลิตี้250-350Osmosis/L
      - ให้พลังงาน1kcal/ml สำหรับสูตรอาหารมารตฐาน
      - ควรให้ในอัตราช้าๆ และคงที่
    - - Standard polymeric diets
        
        อาหารสูตรมาตรฐาน ที่ประกอบด้วยสัดส่วนคาร์โบไฮเดรต50-55% โปรตีน20%และไขมัน30% เป็นสูตรisotonic
      - Predigestd or elemental formulas
        
        เป็นอาหารที่ต้องการการย่อยเล็กน้อย หรือไม่ต้องย่อยเลย สามารถย่อยได้ง่ายและดูดซึมง่าย เหมาะกับผู้ที่มีความผิดปกติของทางเดินอาหารในระดับต่างๆ
      - Specialty formulas
        
        เป็นอาหารสูตรเฉพาะ สำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย
    - - Osmolarity
        
        Osmolarityของอาหารจะมีผลต่อระดับสมดุลของของเหลวระหว่างนอกเซลล์กับในเซลล์ โดยอาหารสูตรisotonic ร่างกายจะสามารถทนได้ดีกว่าสูตรhypertonic หรือhypotonic
      - Renal solute loadเป็นค่าที่บอกถึงปริมาฯองค์ประกอบในสูตรอาหารที่จะต้องถูกขับออกทางไตได้แก่ K, Na, Cl, protein
      - Hydrogen ion concentration (pH)
        
        สูตรอาหารส่วนใหญ่มักมีpHสูงกว่า3.5 เพื่อให้กระเพาะอาหารเคลื่อนไหวได้ตามปกติ แต่ต้องระวังการอุดตันสายอาหารของอาหารจำพวกโปรตีนที่จะอุดตันได้หากpHต่ำกว่า5
      - Calorie density
        
        โดยทั่วไปอาหารจะให้พลังงาน1.0,1.2,1.5,2.0 Kcal/ml ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ป่วยแต่ละราย
- - - - ออกแบบสูตรอาหาร
      - ผสมตามแพทย์สั่ง
      - ประกันคุณภาพ ความคงตัวของสูตรอาหาร
      - แนะนำเทคนิคhome nutrition support
- - - - ควรให้ทันทีหลังจากบาดเจ็บ
        
        กรณีให้น้อยกว่า4-6สัปดาห์
        
        Nasoenteric
        
        Transpyroric feeding tube
        
        กรณีให้นานกว่า6สัปดาห์
        
        Gastrostomy
        
        Jejunostromy
      - หากเริ่มให้อาหารผ่านทางเดินอาหารได้เร็ว จะช่วยรักษาความแข็งแรงของเซลล์เยื่อบุทางเดินอาหาร
    - - Bolts feeding
        
        ให้เป็นมื้อ ในช่วงเวลาสั้นๆไม่เกิน5นาที โดยให้เป็นgastric feedingเนื่องจากกระเพาะจะรับอาหารได้ปริมาณมากถึง400Ml.
      - Intermittent feeding
        
        ให้เป็นช่วงๆละ20-30นาที มีภาชนะบรรจุอาหาร และgravity drip
        แต่วิธีนี้จะใช้ไม่ได้หากสายยางอยู่ต่ำกว่าpyrorus
      - Continuous feeding
        
        ให้อาหารแบบต่อเนื่องและช้าๆ 12-24ชั่วโมง เหมาะกับผู้ป่วยที่ลำไส้เล็กไม่สามารถกับเก็บอาหารไว้ได้
    - - ตรวจgastric residualทุกๆ4ชั่วโมง
      - Maintain accurate intake and output record
      - วัดน้ำหนักของผู้ป่วย3ครั้งต่อสัปดาห์
      - คอยสังเกตอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรือdyspnea ทุกๆ8ชั่วโมง
      - ตวรจค่าelectrolyte ,blood glucose,BUN, creatinine 2ครั้งต่อสัปดาห์
        
        ตรวจtotal protein ,albumin, AST,ALT,CBC ทุก2สัปดาห์