Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Problem lists -มีหนองไหลจากอวัยวะเพศ -แสบบริเวณอวัยวะเพศภายนอก …
Problem lists
-มีหนองไหลจากอวัยวะเพศ
-แสบบริเวณอวัยวะเพศภายนอก
-มีไข้ต่ำ
ปัญหาทางการพยาบาล
เสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อต่อผู้อื่น
กิจกรรมการพยาบาล
แนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ รวมถึงการนิ้วหรือมือจับที่อวัยวะเพศของตนแล้ว ไปสัมผัสกับผู้อื่น เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ
แนะนำให้ผู้ป่วยให้ถุงยางอนามัย หากจะมีเพศสัมพันธ์ โดยถุงยางอนามัยอาจไม่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อได้ทั้งหมด
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาต้านไวรัส ตามแผนการรักษาของแพทย์
เสี่ยงต่อการเกิดโรคซ้ำ
กิจกรรมการพยาบาล
แนะนำให้ผู้ป่วยพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ รักษาสุขอนามัย ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง
-การกระตุ้นให้เกิดอารมณ์เครียด วิตกกังวล
-ถูกแดดจัด
-การเจ็บป่วยจากโรคอื่น
-ร่างกายอิดโรยหรือทรุดโทรม
-การสวมเสื้อผ้าคับๆ โดยเฉพาะกางเกงใน
-อาหารประเภทถั่ว กาแฟ แอลกอฮอล์ ช็อกโกแลต
-การได้รับยากดภูมิคุ้มกัน เช่น ยาสเตียรอยด์
-การผ่าตัดที่กระทบกระต่อเส้นประสาท
มีภาวะไม่สุขสบาย
กิจกรรมการพยาบาล
แนะนำให้ผู้ป่วยใส่เสื้อผ้า กางเกงในที่หลวมสบาย
แนะนำให้ประคบเย็นบริเวณที่ปวด
แนะนำผู้ป่วยให้ดูแลบริเวณอวัยวะเพศให้แห้งไม่อับชื้น
แนะนำให้ทำความสะอาดตุ่มน้ำเบาๆด้วยสบู่ฆ่าเชื้อและน้ำสะอาด
ดูแลให้ได้รับยาแก้ปวด เช่น Paracetamol ตามแผนการรักษาของแพทย์
ผู้ป่วย
หญิงไทย อายุ 34 ปี
น้ำหนัก 63.8 กก. ส่วนสูง 164 ซม.
สถานภาพ สมรส เกิด 05/03/27
Present Illness
7 day PTA : รู้สึกคันบริเวณอวัยวะเพศ จึงกินยาแก้แพ้ไป
6 day PTA : เริ่มมีปัสสาวะแสบขัด มีหนองไหลใสๆปนปัสสาวะ ไม่มีปวดท้อง ไม่มีไข้
4 day PTA : รู้สึกมีก้อนบวมขึ้นมาบริเวณแคม ยังคงมีหนองไหลและปัสสาวะแสบขัด รู้สึกอวัยวะเพศบวมมากขึ้น ไปโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทย ได้รับการวินิจฉัยเป็นแผลริมอ่อน ได้รับยามาทาน
1 day PTA : รู้สึกไม่ดีขึ้น ยังคงปวดแสบปวดร้อนแผลและมีหนองปนเลือดไหล ปัสสาวะยังคงแสบขัด ไม่มีปวดท้อง ไม่มีไข้
วันนี้ : อาการหนองไหลลดลง ไม่คัน ยังมีแสบบริเวณอวัยวะเพศภายนอก มีไข้ต่ำ ทานอาหารได้ ไม่มีแสบร้อนหรือแผลในปาก
LMP : 3 weeks ago
Last SI : 25/01/62 กับแฟนไม่ได้ใส่ถุง (แฟนไม่มีอาการอะไร)
Chief Complaint
หนองไหลจากอวัยวะเพศ 7 วัน PTA
Diagnosis
Herpesviral infection of genitalia and urogenital tract
พยาธิสภาพ
Herpes simplex virus (HSV) เป็นไวรัสที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นสาเหตุก่อโรคเริม มี 2 ชนิด คือ Herpes simplex virus type 1 (HSV-1) และ Herpes simplex virus type 2 (HSV-2) ไวรัสทั้งสองชนิดนี้เป็นสาเหตุก่อโรคในคนได้หลายแบบ มีการติดเชื้อเฉพาะที่ (localized infection) และอาจมีการติดเชื้อแบบทั่วไป (systemic infection) พบตั้งแต่ไม่มีอาการโรค จนถึงมีอาการโรครุนแรงมากจนเสียชีวิต ตัวอย่างโรคที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อ HSV ได้แก่ gingivostomatitis, herpes labialis, herpes genitalia, herpes keratoconjunctivitis, herpes encephalitis, neonatal herpes infection เป็นต้น ความรุนแรงของโรคมักพบในผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
การวินิจฉัยโรค(ทฤษฎี)
-การตรวจดูจากภายนอก
-การซักประวัติ
-การทำ swab
-การเจาะเลือด
-การตรวจหาระดับภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัส
-การขูดเอาเซลล์บริเวณแผลหรือตุ่มน้ำใสไปตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัส
-การเพาะเชื้อ
-การตรวจ VDRL และตรวจ TPHA เมื่อขึ้นเชื้อ
-การตรวจ Anti-HIV
การวินิจฉัย
-การตรวจดูจากภายนอก
-การซักประวัติ
-Abd : Multiple vascular lesion + exudate D/C at Labia minora
-VDRL (การตรวจหาเชื้อซิฟิลิส)
-Anti-HIV
การรักษา
1.การรักษาเฉพาะที่
1.1กรณีเป็นแผลและบวมแดง ให้ประคบเย็น เพื่อลดอาการเจ็บและป้องกันการติดเชื้อซ้ำ
1.2ในเด็กที่มีผื่นในปาก อาจใช้ยาชาเฉพาะที่ เช่น xyclocaine viscous
1.3 การใช้ยาทา acyclovir มีประโยชน์ใน herpes labialis หากรักษาตั้งแต่ 1-2 วันแรก โดยทา 5-6 ครั้ง/วัน
2.การใช้ยาต้านไวรัส ได้แก่ acyclovir,valacyclovirและ famcyclovir ในเด็กไม่แนะนำให้ใช้ valacyclovir และfamcyclovir
การติดต่อ
เริมทั้ง 2 ชนิดนี้ ติดต่อกันได้ทาง การสัมผัสโดยตรง เช่น การใช้แก้วน้ำรวมกัน การจูบกันการมีเพศสัมพันธ์ และโดยการสัมผัสสิ่งของที่มีผู้มีเชื้อใช้ เช่น ผ้าเช็ดตัว ช้อน เป็นต้น
อาการ(ที่อวัยวะเพศ)
อาดารคันหรือตุ่มน้ำใส มีอาการปวดที่บริเวณอวัยวะเพศหญิง ช่องคลอด ปากมดลูก อวัยวะเพศชาย ก้น ทวารหนัก หรือต้นขาด้านใน โดยตุ่มพองหรือใสแตก อาจมีอาการต่อไปนี้ร่วมด้วย
-อาการแสบขณะปัสสาวะ,ปัสสาวะแสบขัด
-คัน
-ปวดบริเวณรอบๆอวัยวะเพศ
-ต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณเชิงกราน,คอ,ใต้รักแร้
-มีไข้ หนาวสั่น ปวดศรีษะ
-ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดซ้ำ
-ความเครียด
-แสงแดดจัด
-รอบถลอกขีดข่วน
-การเจ็บป่วยจากโรคอื่น
-การได้รับยากดภูมิคุ้มกัน เช่น ยาสเตียรอยด์
-การผ่าตัดที่กระทบกระเทือนต่อเส้นประสาท
Past history
ไม่มี (no U/D)