Adenomyosis with prolapse submucous myoma uteri
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ร่วมกับมีเนื้องอกอยู่ใต้เยื่อบุโพรงมดลูก

Prolapse submucous myoma uteri
เนื้องอกอยู่ใต้เยื่อบุโพรงมดลูก

ผู้ปวยหญิงไทย อายุ 48 ปี HN 600023314 วันที่มาตรวจ 18/02/62

Adenomyosis เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

สาเหตุ

โรคที่เกิดจากการที่มีเยื่อบุโพรงมดลูก (endometrial glands และ stroma) เข้าไปเจริญอยู่ในกล้ามเนื้อมดลูก
มี 2 ชนิด ทำให้เนื้อมดลูกโตขึ้นเฉพาะที่หรือโตขึ้นทั้งก้อน เวลาตรวจจะพบว่ามดลูกโตขึ้นคล้ายกับโรคเนื้องอกมดลูก

แบบที่มันกระจายกันอยู่ทั่วเนื้อมดลูกทั้งก้อน (Overanalyzed)

แบบที่รวมกันอยู่เป็นกลุ่มก้อนเฉพาะที่ (Localized)

เชื่อกันว่าเกิดจากตอนที่มีประจำเดือน เยื่อบุโพรงมดลูกที่หลุดออกมาพร้อมกับเลือดไหลย้อนกลับไปทางท่อนำไข่ ทำให้เข้าไปในช่องท้องบริเวณอุ้งเชิงกรานได้ (เพราะปลายท่อนำไข่เปิดอยู่)

อาการ

  1. อาการเลือดประจำเดือนผิดปกติ คือ ประจำเดือนมามาก มาไม่สม่ำเสมอ มานาน มากะปริดกะปรอย
  1. การมีบุตรยาก
  1. อาการปวด ได้แก่ การปวดประจำเดือน ปวดท้องน้อยเรื้อรัง
  1. อาการพบก้อนในท้องน้อย

การรักษา

  1. ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) จะช่วยทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกฝ่อลงทั้งในมดลูกและนอกมดลูก ที่นิยมใช้คือ ยาฉีดคุมกำเนิดและยารับประทานคุมกำเนิด (ยารับประทานมีเอสโตรเจนอยู่ด้วย)
  1. Danazol ทำให้ไม่ตกไข่ มีฮอร์โมนมาเลี้ยงเยื่อบุโพรงมดลูกน้อยลง เยื่อบุมดลูกฝ่อลง อาการดีขึ้น แต่มีผลข้างเคียงคือประจำเดือนมาผิดปกติ ไม่มีประจำเดือน และที่สำคัญคือทำให้มีขนขึ้นผิดปกติ มีเสียงใหญ่ขึ้นแบบผู้ชาย
  1. ยา Gonadotropin-releasing agonist (GnRHagonist) เป็นยาลดฮอร์โมนที่มากระตุ้นรังไข่ ทำให้รังไข่ไม่ทำงาน จึงไม่มีฮอร์โมนรังไข่ เกิดภาวะและมีอาการเหมือนวัยหมดประจำเดือน ทำให้เยื่อบุมดลูกยุบตัวเล็กลงเพราะไม่มีฮอร์โมนมากระตุ้น
  1. การผ่าตัด คือ การตัดเอารอยโรคหรือส่วนที่เป็นโรคออกไป

การวินิจฉัยโรค

1.การทำ ultrasound

2.การได้มองเห็นรอยโรค (lesion) จากการผ่าตัดเปิดหน้าท้อง หรือผ่าตัดส่องกล้องช่องท้อง (คือการทำแผลเล็ก ๆ ตรงสะดือ แล้วสอดกล้องเข้าไปส่องดูอวัยวะในช่องท้อง)

3.การทำส่องกล้องเข้าไปในช่องท้องร่วมกับการตัดชิ้นเนื้อเล็ก ๆ เอามาพิสูจน์ทางพยาธิวิทยา

Present Illnes

วันที่ 4/7/60 ผู้ป่วยมาตรวจสุขภาพ ผู้ป่วยบอกว่า เดินแล้วเหนื่อย เหนื่อยหลังเดินน้อยกว่า 10 ก้าว พบมีอาการเลือดจาง Hct = 12.5 % จึงให้เลือดไป 2 ถุง สอบถามพบว่า ตค.59 ประจำเดือนมามากผิดปกติ มาประมาณครึ่งเดือน ใช้ผ้าอนามัยประมาณ 3-4 ผืนต่อวันในช่วง 2-3 วันแรก มาผิดปกติประมาณ 3 เดือนครั้ง ไม่เคยมีช่วงขาด
LMP : 22/6/60 ใช้ผ้าอนามัยประมาณ 3-4 ผืนต่อวัน จากนั้นใช้วันละ 1-2 ผืน ไม่เต็มไม่ชุ่ม จนถึงปัจจุบัน(4/7/60)
Last SI : มากกว่า 5 ปี ไม่ทำหมัน ไม่กินยาคุม
TVS : พบมดลูกโตเป็นแบบ globular shaped 10.7x6.6 cm รังไข่ทั้งสองข้างไม่พบสิ่งผิดปกติ
หมอวินิจฉัยว่า มีก้อนที่ปากมดลูก ร่วมกับ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ นัดมาตรวจอีกทีวันที่ 5/7/60

วันที่ 5/7/60 มาตรวจตามนัด
PV( Per vaginal examination) : Cervical mass with stalk 4 cm
TVS : พบมดลูกโตเป็นแบบ globular shaped 6x5 cm รังไข่ทั้งสองข้างไม่พบสิ่งผิดปกติ
Plan : ทำ Cervical polypectomy
นัด 7/7/60 พบหมอหัวใจก่อนผ่าตัด F/U 2 อาทิตย์ ต่อมาพบว่าสามารถผ่าตัดได้

วันที่ 21/08/60 (ข้อมูลก่อนหน้านี้ไม่มี) ผู้ป่วยมาติดตามอาการ Cervical with adenomyosis with anemia LMP : 2/8/60 ต้องการผ่าตัดผ่านกล้อง มีประวัติเป็นโรคลิ้นหัวใจ และ prolapse submucous myoma uteri วันนี้มา Complete lap for laparoscopic นัดวันที่ 1/9/60 เพื่อดูผลแลป จองคิว Admit วันที่ 2/10/60 เพื่อทำ LAH ในวันที่ 4/10/60

วันที่ 22/9/60 ผู้ป่วยมาด้วยอาการซีด หมดแรง หลังมีประจำเดือน ประจำเดือนมามาก หมอสั่งให้เปลี่ยนถ่ายเลือด อยู่โรงพยาบาล 2 วัน แล้วได้รับยากลับบ้าน

ยาที่ผู้ป่วยได้รับ

Transamine(500) 1x3 popc

Ferrous sulfate(200) 1x3 popc

Folic Acid 1x1 popc

click to edit

วันที่ 4/10/60 ผู้ป่วยมาทำการผ่าตัดตามนัด

Past Ilness

Anemia ภาวะโลหิตจาง ตั้งแต่วันที่ 4/7/60

Valvular heart disease โรคลิ้นหัวใจ 1 ปีก่อนมาโรงพยาบาล

การรักษา

การตัดเฉพาะก้อนเนื้องอก (Myomectomy)

การตัดมดลูกและปากมดลูกออก (Total Hysterectomy)

การผ่าตัดโดยใช้กล้องส่องช่องท้อง (Laparoscopic Hysterectomy)

การผ่าตัดทางช่องคลอด (Vaginal Hysterectomy)

การผ่าตัดทางหน้าท้อง (Total Abdominal Hysterectomy)

click to edit

การรักษา

  1. การใช้ยารักษา

click to edit

Progestin หรือ cyclic estrogen-progestin

GnRH agonis

2.การผ่าตัดมดลูก (Hysterectomy)

Vaginal

Abdominal

Laparoscopic

เป็นเนื้องอกของกล้ามเนื้อเรียบซึ่งพบได้ในอวัยวะทั่วร่างกายที่มีกล้ามเนื้อเรียบ ในอุ้งเชิงกรานตำแหน่งที่พบได้มากที่สุดคือ ตัวมดลูก (uterine corpus)

อาการ

  1. เลือดออก ส่วนใหญ่จะเป็นชนิดเลือดประจำเดือนออกมากและนาน
  1. อาการถูกกดเบียดจากเนื้องอก ก้อนเนื้องอกที่กดเบียดกระเพาะปัสสาวะ อาจทำให้ปัสสาวะบ่อย
  1. ก้อนในท้อง อาจจะไม่มีอาการอะไรเลยนอกจากคลำได้ก้อนบริเวณท้องน้อยโดยบังเอิญ หรือรู้สึกว่าท้องโตขึ้น

4.ภาวะมีบุตรยากและการแท้งบุตร

ชนิด

1.ชนิดอยู่ใต้เยื่อบุโพรงมดลูก เรียกว่า Submucous leiomyoma พบ 5-10 % อาจโตขึ้นและเกิดเป็น pedunculated submucous แล้วยื่นพ้นปากมดลูกลงไปในช่องคลอดเรียกว่า prolapse submucous leiomyoma

2.ชนิดอยู่ในกล้ามเนื้อมดลูก เรียกว่า Intramural (interstitial) leiomyoma พบบ่อยที่สุด

3.ชนิดอยู่ใต้เยื่อบุผิวมดลูก เรียกว่า Subserous (subperitoneal) leiomyoma

การวินิจฉัย

การตรวจภายในพบมดลูกโต รูปร่างผิดปกติ ผิวไม่เรียบเป็นตะปุ่มตะป่ำ

Problem list

ผู้ป่วยมีอาการประจำเดือนมามาก

ผู้ป่วยมี Hct ต่ำ

ผู้ป่วยมีการมดลูกโตผิดปกติ

ผู้ป่วยเหนื่อยหอบหลังจากเดินไปน้อยกว่า 10 ก้าว

ผู้ป่วยทำการผ่าตัดมดลูกออก แต่ยังคงเหลือรังไข่ไว้

ผู้ป่วยเป็นโรค Adenomyosis with prolapse submucous myoma uteri
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ร่วมกับมีเนื้องอกอยู่ใต้เยื่อบุโพรงมดลูก

1.แนะนำแนวทางการรักษาให้ผู้ป่วย

2.ให้ผู้ป่วยได้ร่วมตัดสินใจในการรักษา พร้อมทั้งอธิบายเกี่ยวกับการปฎิบัติตัว และการเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด

3.แนะนำการปฎิบัติตัวหลังการผ่าตัด เช่น งดยกของหนัก

ผู้ป่วยมีภาวะโลหิตจาง เนื่องจากเสียเลือดมาก

1.แนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานที่่มีเหล็กและโปรตีนสูง เพื่อบำรุงเลือด

2.แนะนำให้ผู้ป่วยมาตามนัด เพื่อติตามผลแลป ค่าการเปลี่ยนแปลงของเลือดอย่างสม่ำเสมอ

3.แนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานยาตามแบบแผนการรักษาของแพทย์

เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว เนื่องจากลิ้นหัวใจรั่ว

1.ให้ผู้ป่วยมาตามนัดของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ

2.แนะนำให้ผู้ป่วยออกกำลัง ควบคุมน้ำหนัก ควบคุมอาหาร

3.แนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ งดรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง

ผู้ป่วยสี่ยงต่อการเกิดอาการซึมเศร้า เนื่องจากความรูู้สึกสูญเสียความเป็นผู้หญิง

1.แนะนำญาติผู้ป่วยให้คอยสังเกตอาการซึมเศร้าของผู้ป่วย

2.แนะนำให้ญาติผู้ป่วยคอยสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วย

3.หากผู้ป่วยมีภาวะซึมเศร้า และไม่สามารถจัดการได้ แนะนำให้ผู้ป่วเข้าพบที่ปรึกษาด้านการเผชิญปัญหา

4.แนะนำใ้ผู้ป่วยสร้างคุณค่า และเป้าหมายในตัวเอง

เสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกในรังไข่

1.ในกรณีที่เป็นถุงน้ำรังไข่ที่มีขนาดเล็ก แพทย์จะนัดติดตามดูว่าถุงน้ำว่า จะสามารถยุบหายไปได้เองหรือไม่ หรืออาจให้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม

2.กรณีที่เป็นถุงน้ำรังไข่ที่มีขนาดใหญ่ คือมากกว่า 5-7 เซนติเมตร แพทย์มักแนะนำการผ่าตัดรังไข่

3.แพทย์วินิจฉัยว่าก้อนที่รังไข่นั้นเป็นเนื้องอก ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งหรือไม่ก็ตาม แพทย์จะให้ผ่าตัดเอาเนื้อร้ายออกไปให้ได้มากที่สุด และอาจให้เคมีบบัดต่อไป

click to edit

click to edit

click to edit

click to edit

click to edit